ตอนที่ 1
ตี๋ซุ้งลุกพรวดมองตี๋ซาด้วยแววตากร้าว ตนสั่งให้อยู่เฉยๆก็ต้องทำตามนั้น ตี๋ซาของขึ้นโวยลั่นจะให้อยู่เฉยได้อย่างไร หากคนอื่นรู้เข้าจะหาว่าเราตาขาวกลัวป๋าเสริฐ ตี๋ซุ้งเข้าใจดีว่าเขาโกรธ แต่ตนก็มีเหตุผลของตนที่ไม่ต้องการให้เขาไปยุ่งกับเฮียไถ่ ตี๋ซาอยากรู้เหตุผลที่ว่า ตี๋ซุ้งตัดบททันที
“ครั้งนี้ถือว่าอั๊วขอได้ไหม”
ตี๋ซาเป็นคนใจร้อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยอมให้ตามที่ตี๋ซุ้งขอไม่ได้ หากขอได้ครั้งหนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สองที่สามตามมา แล้วอย่างนี้เขาจะตั้งกฎบ้าๆขึ้นมาทำไม ที่ตนต้องพูดก็เพราะรักและหวังดี ถ้าเขาไม่ทำตามกฎที่ตัวเองตั้งขึ้น แล้วหมาที่ไหนจะเชื่อถือเขาอีก ตี๋ซุ้งสวนทันที รวมทั้งตี๋ซาด้วยหรือเปล่า ทั้งคู่มองหน้ากันเขม็ง
“เฮียมีวิธีของเฮีย อั๊วก็มีวิธีของอั๊ว” พูดจบตี๋ซาเดินหน้าเครียดออกไป เต็งล้อเข้าข้างตี๋ซุ้งเต็มประตู มั่นใจว่าเขาทำถูกแล้ว เพราะหากเราเริ่มสงครามก่อน พวกป๋าเสริฐจะไปบอกคนอื่นแล้วอาศัยความถูกต้องมากำจัดเรา ตี๋ซุ้งไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ที่ไม่อยากทำสงครามเพราะต้องการวางมือ เต็งล้อร้องเอะอะ
“อะไรนะนาย...คงไม่ใช่เพราะที่คุณหนูขอนายไว้ใช่ไหม”
ตี๋ซุ้งตบไหล่เต็งล้อแทนคำตอบก่อนจะผละจากไป เต็งล้อมองตามครุ่นคิดหนักใจ
ooooooo
เมื่อมาถึงศาลเจ้า เหมยสั่งให้ฮัวรออยู่ด้านหน้าไม่ต้องตามตนกับหลิวเข้าไป ทีแรกฮัวยึกยัก แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้สองแม่ลูกไปตามลำพัง ส่วนตัวเองมายืนเฝ้าระวังอยู่หน้าประตูศาลเจ้า
ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบศาลเจ้าเสร็จยังไม่ทันจะเข้าไปด้านใน เจ๊กตงเข้ามาทักทายสองแม่ลูก พลางต่อว่าอย่างคนคุ้นเคยกัน จะมาทำไมไม่โทร.มาบอกก่อน เหมยเกรงใจเห็นเขางานยุ่งก็เลยไม่อยากรบกวน
“รบกวนอะไร คนกันเอง แล้วนี่ซ้อซามาด้วยหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก พอดีอาหลิวนึกอยากจะทำบุญขึ้นมาปุบปับก็เลยมากันสองคน”
“งั้นตามสบายนะ เดี๋ยวอั๊วขอไปตามคนงานก่อน ไม่รู้หายไปไหนกันหมด”...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ตี๋ซากับซ้อซาทะเลาะกันเสียงลั่นบ้านเรื่องที่ฝ่ายแรกจะไปฆ่าเฮียไถ่ทั้งที่ตี๋ซุ้งสั่งห้าม เพราะนั่นเท่ากับตี๋ซาเปิดศึกสองด้าน ทั้งตี๋ซุ้งเองและป๋าเสริฐ เขากลับไม่สนใจ ยังคงยึดถือศักดิ์ศรีเป็นเรื่องใหญ่จะให้ใครมาหยามไม่ได้ แล้วขยับจะไป ซ้อซาวิ่งไปขวางไว้ ขอร้องอย่ารักศักดิ์ศรีมากกว่าคนในบ้าน
ตี๋ซามองเมียรักตาขวาง จางเหาที่แอบฟังอยู่ตลอดเข้าไปเสนอตัวจะจัดการเฮียไถ่ให้เอง เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ท่านเลี้ยงดูตนกับน้อง ตี๋ซาไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้น เรื่องนี้ตนจัดการเองได้ ไม่ว่าจางเหาจะพูดอย่างไร ตี๋ซายืนกรานไม่ให้เขามายุ่งและอย่าให้ตนเห็นหน้าอีกแล้วผละจากไป จางเหาจะตามแต่ซ้อซารั้งไว้
“อาจาง ลื้อรู้ใช่ไหมว่าอาป๊ารักลื้อมาก อาป๊าเลยไม่อยากให้ลื้อต้องมือเปื้อนเลือดอีก”...
แม้จะถูกห้ามปราม แต่ด้วยความกตัญญูรู้คุณคนทำให้จางเหาตัดสินใจจะไปจัดการเฮียไถ่ให้ตี๋ซา ลากลังเก็บอาวุธใต้เตียงออกมา เลือกปืนสามกระบอกยัดใส่เป้สัมภาระที่เตรียมไว้ เพ่ยเดินเข้ามาในห้องพอดี ถามเขาว่าทำอะไรอยู่ จางเหาโกหกว่าเก็บของอยู่ อีกสักครู่เขาจะไปธุระที่ตลาด อาจจะกลับดึก แล้วเดินมากอดน้องสาวก่อนจะคว้าเป้ออกจากห้อง ถึงเพ่ยจะตาบอดแต่ก็รับรู้ถึงความรู้สึกสับสนของพี่ชายได้...
ที่ศาลเจ้า ขณะที่หลิวกำลังไหว้พระอยู่กับแม่ รู้สึกได้ว่ามีคนแอบมองอยู่หลังเสา จึงลุกขึ้นจะไปดูแต่ชายคนนั้นก้าวออกมาเผชิญหน้า แนะนำตัวเองว่าเป็นคนดูแลศาลเจ้ามาแทนอาเล่ยซึ่งหลานๆมารับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด เหมยมองเหมือนไม่อยากจะเชื่อที่เขาพูด คนดูแลจึงรีบขอตัวไปดูแลด้านโน้นก่อน เธอมองตามสงสัยแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร หลิวชวนให้ไปทางโน้นด้วยกันทำให้เหมยเลิกสนใจเขา
สองแม่ลูกไม่ล่วงรู้เลยว่านั่นไม่ใช่คนดูแล แต่เป็นมือปืนที่ถูกส่งมาจัดการหลิว...
ในขณะที่เพ่ยกำลังพับเสื้อผ้าของเธอกับของจางเหาใส่กระเป๋าเดินทาง ตี๋ซาเข้ามาถามหาจางเหาเพื่อจะเอาเงินก้อนหนึ่งให้ทั้งคู่ไว้ไปตั้งตัว แต่พอรู้ว่าเขาไม่อยู่ไปธุระที่ตลาด ตี๋ซาสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที...
ฝ่ายฮัวที่ยืนเฝ้าระวังอยู่หน้าศาลเจ้าเห็นเจ๊กตงที่ออกมาตามหาคนงาน เข้าไปสวัสดีทักทาย เขาถือโอกาสถามเธอว่าเห็นคนงานศาลเจ้าแอบหลบออกมาอู้งานแถวนี้บ้างไหม เธอส่ายหน้าพลางสอดสายตามองไปรอบๆ เห็นเงาบางอย่างสะท้อนจากพุ่มไม้จึงเข้าไปดูโดยมีเจ๊กตงตามติด พอแหวกพุ่มไม้เข้าไปต้องตกใจที่เจอศพอาเล่ยคนดูแลศาลเจ้า...
อีกมุมหนึ่งด้านในศาลเจ้า หลิวพาแม่ไปเจอกับอาติยะที่นัดเอาไว้ เหมยเดินเข้ามามองใกล้ๆเพื่อจะได้เห็นแววตาของเขา พร้อมกับถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่าทำไมถึงรักลูกสาวของท่าน เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่ารักที่เธอเป็นเธอ
“แล้วคุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าคุณกับอาหลิวแต่งงานกัน คุณอาจจะตายได้”
อาติยะรับคำ หลิวเหลือบเห็นเงาใครบางคนที่กระจกยันต์แปดเหลี่ยมด้านหลังแม่ หันขวับไปเห็นคนดูแลศาลเจ้ากำลังเล็งปืนมาทางตนเอง ตกใจร้องเตือนให้ทุกคนระวัง เสียงร้องทำให้มือปืนในคราบคนดูแลศาลเจ้าเสียจังหวะยิงพลาดเป้าไปถูกกระถางธูปแตกกระจาย ฝุ่นควันจากธูปปลิวว่อนทำให้มองแทบไม่เห็น
มือปืนพุ่งเข้าหาหลิวพลางเหนี่ยวไกอีกครั้ง อาติยะโดดรวบตัวเธอหลบได้ทันแต่ตัวเองกลับถูกกระสุนเข้าที่ไหล่ มือปืนตามเข้ามาจะยิงเธอซ้ำ แต่ฮัวยิงมือข้างที่ถือปืนของมันจนปืนกระเด็น บอดี้การ์ดสาวไม่รอช้ากราดยิงใส่มือปืนไม่ยั้ง มันจำต้องหลบเพราะตัวเองไร้อาวุธ อาติยะซึ่งบาดเจ็บอยู่เห็นหลิวปลอดภัยก็ดีใจ
“ดีจังที่หลิวไม่เป็นไร” พูดได้แค่นั้นอาติยะก็หมดสติ ฮัวจะไล่ตามมือปืนที่วิ่งหนีไปแต่ต้องชะงักเมื่อหลิวตะโกนเรียกให้มาช่วยทางนี้ก่อน
ooooooo
มือปืนเห็นว่าพ้นอันตรายแล้ว รีบโทร.รายงานเฮียไถ่ที่กำลังจะเข้าไปในร้านอาหารถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“อะไรนะ...พลาด! ผู้หญิงสองคนมึงพลาดได้ยังไง...พอๆ หลบไปเลย ไว้เรื่องเงียบเดี๋ยวติดต่อไปเอง” เฮียไถ่วางสายอย่างหงุดหงิดเป็นจังหวะเดียวกับพนักงานของร้านอาหารเข้ามาเชิญเขาเข้าไปข้างใน โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าจางเหาซุ่มดูความเคลื่อนไหวของเขากับสมุนอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะเดินหลบไปด้านหลังร้านอาหาร
ครู่ต่อมา จางเหาปลอมเป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านอาหาร ทำทีเอาไวน์เข้าไปเสิร์ฟให้เฮียไถ่ที่ห้อง วีไอพี โดยซ่อนปืนไว้ในถังแช่ไวน์ เฮียไถ่กับสมุนไม่ทันระวังตัวถูกเขายิงกราดไม่ยั้ง สิ้นเสียงปืนทั้งเฮียไถ่และสมุนนอนตายจมกองเลือด จางเหาเดินเข้าไปที่ร่างไร้วิญญาณของเฮียไถ่ หยิบแบงก์กงเต๊กมาวางบนศพ ก่อนจะเดินจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
ขณะที่เฮียไถ่สิ้นชื่อด้วยน้ำมือของจางเหา หลิวนั่งรออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดโดยมีเหมยและฮัวนั่งอยู่ไม่ห่าง เหมยเห็นลูกสาวไม่แสดงอาการใดๆออกมาจึงลุกมานั่งข้างๆ บอกว่าเธอโชคดีมากที่มีอาร์ตี้อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดคงไม่แคล้วเป็นเธอ หลิวมองแม่อย่างขอบคุณที่ยอมรับอาติยะ ระหว่างนั้นพยาบาลคนหนึ่งออกมาจากห้องผ่าตัด หลิวปรี่เข้าไปถามถึงอาการของชายคนรัก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ ขอตัวก่อนนะคะ”
เหมยเข้ามาจับมือหลิว ดีใจด้วยที่อาติยะปลอดภัย บอกให้เธอไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่า เขาคงไม่อยากฟื้นขึ้นมาเจอเธอสภาพนี้ หลิวพยักหน้ารับคำ ขยับจะลุกขึ้นแต่ต้องยืนค้างเมื่อเห็นตี๋ซุ้งเดินนำเต็งล้อกับสมุนเข้ามา โดยไม่พูดพรํ่าทำเพลงตี๋ซุ้งเข้ามาตบหลิวหน้าหัน
“ตั้งแต่เล็ก ป๊าไม่เคยตีลื้อมาก่อน แต่คราวนี้ป๊าจำเป็นที่จะต้องให้ลื้อรู้ว่า สิ่งที่ลื้อทำมันไม่ถูกต้อง”
หลิวไม่เข้าใจ ทำไม่ถูกต้องตรงไหน ตี๋ซุ้งตวาดเสียงลั่น การที่เธอแอบหนีไปพบผู้ชายจนเกือบตายแบบนี้คิดว่าทำถูกต้องแล้วหรือ เธอโต้ไม่ยอมแพ้แค่อยากมีเพื่อน มีคนที่เข้าใจมันผิดตรงไหน
“ป๊ารู้ไหม ทุกครั้งที่คนรู้ว่าหลิวเป็นลูกป๊า สายตาที่เขามองมาที่หลิวคือสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง โกรธ กลัว แล้วป๊ารู้ไหมว่าทำไมหลิวไม่มีเพื่อนเพราะทุกคนไม่อยากจะยุ่งกับลูกเจ้าพ่อที่พร้อมจะสั่งฆ่าใครก็ได้อย่างป๊าไง แล้ววันหนึ่ง หลิวก็เห็นสายตาอีกคู่ที่ไม่ได้มองหลิวอย่างนั้น อาร์ตี้ไม่เคยสนใจว่าหลิวเป็นใคร”
“แต่มันทำให้แกกับแม่แกเกือบต้องตายนะ”
“หลิวกับม้าเกือบตายเพราะป๊าต่างหาก ถ้าป๊าไม่ใช่เจ้าพ่อ หลิวกับม้าคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้” พูดจบหลิวเดินจากไป ตี๋ซุ้งมองตามด้วยสีหน้าเรียบเฉย จังหวะนั้น สมุนคนหนึ่งเข้ามากระซิบบางอย่างกับเขาซึ่งยังคงมีสีหน้าเหมือนเดิม เหมยแนะตี๋ซุ้งอย่าเพิ่งไปพูดอะไรกับลูกตอนนี้ เขาควรกลับไปก่อนจะดีกว่า แล้วเดินตามลูกไป แม้สีหน้าจะนิ่งเฉย แต่ในใจของตี๋ซุ้งเจ็บปวดรวดร้าวเพราะรู้ดีว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งที่ตัวเองรักที่สุดให้คนอื่น
ในเวลาต่อมา ระหว่างที่ตี๋ซุ้งยืนครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เต็งล้อเข้ามากระซิบบอกว่าเฮียไถ่ตายแล้ว ตี๋ซุ้งสีหน้าหนักใจเพราะรู้ว่าเรื่องยุ่งๆกำลังตามมา
ooooooo










