ตอนที่ 1
หลังแยกทางกับจางเหาได้สักพัก หลิวหยุดพิมพ์ข้อความจะไลน์ไปหาอาติยะว่าว่างหรือเปล่า จะชวนไปหาอะไรกินฉลองวันเกิดเธอด้วยกัน กำลังจะกดส่งแต่มีข้อความจากเขาเข้ามาเสียก่อน เธอรีบกดอ่าน
“พอจะมีเวลาลงมาหาตี้ได้ไหม...ลงมาหา? หรือว่าอาร์ตี้จะไปหาเรา” หลิวถึงกับหน้าเสีย...
วัยรุ่นหัวโจกกับพวกซวยซ้ำซวยซ้อนโดนจางเหาเล่นงานยังไม่หายจุก ถูกฮัวกับสมุนตามมาเหยียบอกพร้อมกับเอารูปถ่ายของหลิวให้ดูว่าเคยเห็นหรือเปล่า เขาโกหกว่าไม่เคยเห็น
ฮัวไม่เชื่อเหยียบมือเขาขยี้ๆเค้นให้พูดความจริง เขาถึงได้ยอมรับว่าเจอหลิวแต่มีผู้ชายช่วยไปแล้ว ฮัวโวยลั่นไปทำอะไรคุณหนูของตนถึงต้องมีคนมาช่วย หัวโจกปดว่าไม่ได้ทำอะไร เธอไม่เชื่อชักปืนจ่อหัวจะยิงทิ้ง หลิวโผล่มาขัดจังหวะเสียก่อน สั่งให้ฮัวพากลับไปที่งานเลี้ยง เร่งให้รีบไปด้วย กลัวอาติยะจะอยู่ที่งาน...
เป็นอย่างที่หลิวหวั่นใจ อาติยะอยู่ในงานแถมยังขอพบเธออีกต่างหาก ตี๋ซุ้งรู้จากสมุนรีบออกมาดูหน้าพร้อมกับถามว่ามาหาลูกสาวของตนทำไม อาติยะมองสมุนที่ล้อมกรอบตัวเองไว้ แม้จะหวั่นๆแต่ก็กลั้นใจตอบว่าจะเอาของขวัญวันเกิดมาให้ ตี๋ซุ้งสั่งให้ฝากเอาไว้แล้วไล่กลับ ก่อนขยับจะไป อาติยะร้องเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ ขอผมพบกับหลิวหน่อยได้ไหมครับ”
ตี๋ซุ้งหยุดกึกยังไม่ทันจะว่าอะไร ตี๋ซาปรี่เข้าไปเอาเรื่องทันที กล้าดีอย่างไรถึงพูดแบบนี้ อาติยะแค่อยากจะเจอหลิวเท่านั้น ไม่ได้จะบังอาจอะไร ตี๋ซาไม่พอใจที่เขาต่อปากต่อคำ สั่งให้สมุนจับโยนออกไป ระหว่างกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้น หลิวก้าวเข้ามาสั่งสมุนให้ปล่อยอาติยะ พวกสมุนหันมองตี๋ซุ้งว่าจะเอาอย่างไร นายท่านกลับหันไปต่อว่าลูกสาวว่าหายไปไหนมา เธอสวนทันทีสนใจด้วยหรือ นึกว่าสนใจแต่เรื่องผิดกฎหมาย
“อาหลิว ลื้อพูดอย่างนี้กับอาป๊าได้ยังไง ขอโทษอาป๊าเดี๋ยวนี้” ตี๋ซาสั่งเสียงเขียว เต็งล้อช่วยต่อว่าเธออีกแรงหนึ่ง ถ้านายท่านไม่สนใจจะจัดงานวันเกิดใหญ่โตให้เธอแบบนี้หรือ หลิวมองพ่อด้วยสายตาเจ็บปวด ทุกปีเธอไม่เคยขอของขวัญอะไรจากท่าน แต่ปีนี้เธอจะขอให้ท่านเลิกเป็นเจ้าพ่อ เลิกเป็นมาเฟีย เลิกเป็นผู้มีอิทธิพลเป็นของขวัญวันเกิดจะได้ไหม ตี๋ซุ้งสีหน้าเรียบเฉย ผิดกับตี๋ซาและเต็งล้อที่ออกอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย ตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่งพร้อมลูกน้องเข้ามาขอคุยธุระที่ยังค้างคากับตี๋ซุ้ง ให้จบๆ เขาจึงผัดผ่อนลูกสาวไว้เราค่อยไปคุยกันต่อที่บ้าน แล้วเดินนำนายตำรวจท่านนั้นเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง หลิวเห็นทางสะดวกจะเข้าไปหาอาติยะแต่สมุนขวางไว้ ผิงรีบเข้ามาแก้ไขสถานการณ์
“ไปเถอะค่ะคุณหนู ถ้าคุณหนูไม่อยากให้เพื่อนคุณหนูเจ็บตัว ผิงว่าคุณหนูไปกับผิงเถอะค่ะ”
อาติยะไม่ยอมให้เสียความตั้งใจ เอาของขวัญมอบให้หลิวจนได้ เธอได้แต่ยิ้มให้เขาแทนคำขอบคุณ เพราะหากแสดงออกมากกว่านี้อาจทำให้เขาเดือดร้อนได้ ฮัวรีบตัดบท เข้ามาพาตัวเจ้านายสาวออกไป
ooooooo
เสร็จจากงานเลี้ยงวันเกิดที่เจ้าตัวไม่ปลื้มนัก หลิวกลับบ้านธรรมกุลก็ตรงไปหาแม่ที่เรือนเล็ก ตัดพ้อต่อว่า ไหนรับปากจะไปงานวันเกิดของตน แล้วทำไม ถึงเบี้ยวนัด เหมยยังไม่ทันจะตอบ หลิวชิงตอบคำถามแทน
“ไม่ค่อยสบาย”
เหมยยิ้มขำที่ลูกสาวรู้ทันดึงตัวมากอด หลิวสบช่องออดอ้อนคืนนี้ขอนอนที่นี่ด้วยคน เหมยดักคอ โมโหอะไรป๊าอีกหรือ หลิวจำต้องโกหกว่าไม่มีอะไร เนื่องจากไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ
“หลิวแค่อยากนอนกอดม้า เป็นของขวัญวันเกิดหลิวไง” หลิวกอดแม่ตอบ พยายามปั้นหน้าให้ปกติ...
ที่ห้องทำงานของตี๋ซุ้ง บนตึกใหญ่บ้านธรรมกุล ขณะประมุขของบ้านยืนมองไปยังเรือนเล็ก เต็งล้อเข้ามารินน้ำชาให้พร้อมกับรายงานว่าคืนนี้คุณหนูไปนอนกับอาซ้อ โดยไม่ลืมเตือนว่าแม่โคไม่ควรเลี้ยงลูกมังกร
“ปล่อยวันนี้วันนึงแล้วกันเฮีย” ตี๋ซุ้งถอนใจหนักใจ สายตายังคงจับจ้องไปยังเรือนเล็ก
“ตอนนี้อั๊วกำลังให้คนสืบอยู่ว่านอกจากอาไซ้แล้ว มีใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาอีกบ้าง” เต็งล้อเห็นคู่สนทนานิ่งเงียบคิดไปเองว่าเขาไม่สบายใจเรื่องอาติยะ จึงเสนอตัวจะไปตามเรื่องผู้ชายคนนี้ให้ แม้ชื่ออาติยะจะรบกวนจิตใจตี๋ซุ้งไม่หาย แต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับหลิว จึงบอกเต็งล้อว่าไม่ต้อง...
ที่ระเบียงเรือนหลังเล็ก หลิวเอาของขวัญที่อาติยะให้มาเปิดดู ปรากฏว่าข้างในมีซาลาเปาหนึ่งลูกพร้อมกับกระดาษโน้ตหนึ่งแผ่น มีข้อความเขียนไว้ว่า “ไม่มีใครบอกว่าเราเป็นใครได้นอกจากตัวเราเอง” เธอถึงกับอมยิ้มที่เขายังจำได้ แล้วหยิบสร้อยที่ถูกกระชากขาดขึ้นมาดู เห็นจี้คำว่า “รัก” เป็นอักษรภาษาจีนห้อยอยู่ อดนึกถึงอดีตไม่ได้ ตอนนั้นเธอฉลองวันเกิดกับอาติยะสองต่อสอง โดยใช้ซาลาเปาปักเทียนแทนขนมเค้ก
“สุขสันต์วันเกิดนะ ตอนแรกว่าจะเป็นเค้กน่ะ แต่ถ้าจะเซอร์ไพรส์ก็กลัวจะเลอะเทอะ เป็นซาลาเปาแทนละกันเนอะ...เอ้า เป่าเทียน”
หลิวหลับตาอธิษฐานก่อนจะเป่าเทียน ครั้นจับซาลาเปาบิออกพบสร้อยห้อยจี้คำว่า “รัก” เป็นภาษาจีน เธอยิ้มด้วยความเขินอาย อาติยะอาสาสวมสร้อยให้ เธอตัดสินใจเล่าถึงคำอธิษฐานให้ฟังว่าเธอขอให้ตัวเองเป็นคนธรรมดาที่สามารถนั่งกินซาลาเปากับเขาที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมอง จะคิด หรือจะทำอะไรกับเรา เขารู้สึกได้ถึงความกดดันที่เธอต้องเผชิญ ได้แต่ปลอบถ้าเรามุ่งมั่นพอไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
“ทุกๆการเปลี่ยนแปลงมักจะมีปัญหา และทุกๆปัญหาย่อมมีทางออก ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลิวต้องเข้มแข็งให้มากนะ แล้วตี้จะอยู่ข้างๆดูแลหลิวเอง” อาติยะดึงหลิวมากอด ทั้งสองคนอยู่ในอ้อมกอดกันและกันอย่างมีความสุข เธอหลับตาลงเพื่อเก็บวินาทีของความทรงจำแสนดีนี้ไว้
เสียงสัญญาณไลน์ดังขึ้น ปลุกให้หลิวตื่นจากภวังค์ รีบคว้ามือถือขึ้นเปิดดู เป็นไลน์มาจากอาติยะ ขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย เขาแค่อยากไปเจอพ่อกับแม่ของเธอ หลิวพิมพ์ข้อความกลับไปหา
“ช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ตี้ว่างไหม”...
ในเวลาเดียวกัน เพ่ยได้กลิ่นกับข้าวที่จางเหาผู้เป็นพี่ชายทำหอมเตะจมูก เดินตามกลิ่นเข้ามาในครัว เนื่องจากเธอตาบอด เขาจึงเป็นคนดูแลทุกอย่างให้ จางเหานึกถึงหลิวขึ้นมาได้ ถามเพ่ยว่าเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม เธอฉีกยิ้มให้ที่ถามแบบนี้เป็นเพราะได้เจอคนที่ถูกใจใช่ไหม เขาปฏิเสธเป็นพัลวันว่าเปล่าแต่เธอไม่เชื่อ
“บางครั้งฉันก็คิดนะว่าที่พี่ไม่ยอมมีความรักไม่ยอมคบใครเป็นเพราะมีฉันคอยเป็นภาระหรือเปล่า”
“เด็กโง่ ภาระอะไร เพ่ยน่ะเป็นกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ของพี่เลยนะ”
เพ่ยนึกอะไรขึ้นมาได้ ถามจางเหาว่าจะคุยเรื่องนั้นกับอาป๊าเมื่อไหร่ เขาคิดว่าจะบอกท่านวันพรุ่งนี้
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น ตี๋ซาเดินนำซ้อซามาที่ห้องกินข้าวเห็นอาหารหลากหลายเมนูวางอยู่เต็มโต๊ะ ร้องถามจางเหาว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงทำกับข้าวมากมายขนาดนี้ เขาเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าท่านทั้งสองบอกว่าจะพาเพ่ยไปอยู่ต่างจังหวัด ตี๋ซาโวยวายเราเลี้ยงทั้งคู่ไม่ดีหรือ ถึงจะย้ายไปอยู่ที่อื่น
“ดี...ดีเกินไปสำหรับคนที่เป็นแค่ลูกบุญธรรมอย่างพวกเรา อาป๊าก็รู้ว่าอาเพ่ยเป็นยังไง ยิ่งช่วงนี้เหมือนอาการจะแย่ลงทุกวัน อั๊วแค่อยากทำความฝันของอาเพ่ยให้สำเร็จก่อนที่เวลาของอาเพ่ยจะ...” พูดได้แค่นั้น จางเหารู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกคอหอยทำให้พูดอะไรไม่ออก
“อั๊วต้องไปธุระ กลับมาค่อยคุยกัน” ว่าแล้วตี๋ซาเดินหน้าเครียดออกไป จางเหาได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร
ไม่นานนัก ตี๋ซามาถึงบ้านธรรมกุล ถามเต็งล้อที่ยืนให้อาหารปลาอยู่หน้าบ้านว่าตี๋ซุ้งอยู่ไหนจะมาขอพบ ได้ความว่ากำลังไหว้บรรพบุรุษอยู่ข้างบนแต่อย่าเพิ่งขึ้นไปจะดีกว่า ตี๋ซาอ้างมีเรื่องสำคัญต้องรายงานตี๋ซุ้ง นอกจากนายไซ้แล้วยังมีเฮียไถ่อีกคนที่ร่วมขบวนการค้ายา เต็งล้อหน้าเครียดขึ้นมาทันที...
อีกมุมหนึ่งที่เรือนเล็ก หลิวในชุดกี่เพ้าของแม่ลงมาเจอผิงกับฮัวที่พ่อส่งมาเฝ้าก็ไม่พอใจ ไล่ตะเพิดให้กลับไปบอกท่านได้เลยว่าไม่ต้องเป็นห่วงว่าเธอจะหนี วันนี้เธอจะอยู่กับแม่ ผิงถึงกับตะลึงเพราะไม่เคยเห็นเธอใส่กี่เพ้ามาก่อน กระเซ้าว่าเหมือนหลุดออกมาจากหนังเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เลย หลิวเห็นแม่มองๆเข้ามาอ้อน
“ม้าไม่โกรธใช่ไหมที่หลิวเอาชุดนี้มาใส่”
เหมยไม่โกรธแต่แปลกใจมากกว่า ทำไมอยู่ๆลูกถึงอยากใส่ชุดนี้ หลิวยิ้มเขินๆเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังแล้วสั่งให้ฮัวกับผิงไปเตรียมรถ ตนจะไปไหว้พระกับแม่ ผิงร้องห้ามเสียงหลงนายท่านสั่งไม่ให้คุณหนูไปไหน หลิวชักสีหน้าไม่พอใจ ทำไมจะทำไม่ได้ แค่ไปไหว้พระเท่านั้น เหมยกลัวเรื่องจะบานปลายรีบตัดบท
“ไปเตรียมรถเถอะ หลิวไปกับฉันไม่ต้องห่วงอะไรหรอก”
ฮัวกับผิงไม่กล้าหือรีบไปทำตามคำสั่ง เหมยรอจนทั้งคู่ไปพ้นแล้วจึงหันมาทวงถามลูก บอกได้หรือยังว่าทำไมถึงใส่ชุดนี้ แถมยังอยากไปไหว้พระกับตนอีกต่างหาก หลิวได้แต่ยิ้มเขินๆ...
ด้านตี๋ซาทนไม่ไหวที่ตี๋ซุ้งนั่งเล่นหมากรุกอย่างใจเย็นทั้งที่รู้ว่าเฮียไถ่เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการค้ายา ฮึดฮัดจะไปจัดการมันให้ได้ ตี๋ซุ้งกลับบอกว่าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เต็งล้อเห็นด้วย นี่อาจจะเป็นแผนของป๋าเสริฐที่ต้องการให้เราเป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อนก็ได้ ตี๋ซาฮึดฮัดขัดใจ
“แต่มันฝ่าฝืนกฎที่เฮียซุ้งตั้งขึ้นมานะ...เฮีย”










