ตอนที่ 18
เมื่อหมอเอกถึงตัวเกศิรินก็รีบเก็บปืนและส่งต่อให้อธิปไป ส่วนอาริสาลงนั่งข้างเกศิรินที่เอาแต่ก้มหน้าร่ำไห้
“เกศ...”
เกศิรินเงยหน้ามองอาริสาแล้วปล่อยโฮอย่าง ใจสลาย รำพันเสียงสั่น
“ฉันคิดถึงลูก”
อาริสาใจสลายไม่แพ้เกศิริน...จากที่เคยโกรธกัน สู้กันแทบตาย ตอนนี้กลับมากอดกันและกัน...เหลือกันแค่สองคน
“ฉันก็คิดถึงเขา อยากเจอเขา แต่เขาคงไม่อยากให้เราไปหาเขาอย่างนี้ เขาบอกฉันเสมอ...ความสุขของเขาคือการมองคนที่เขารักมีความสุข ถ้าคิดถึงเขาเราต้องไม่ทำให้เขาห่วง เราต้องอยู่ต่อไปให้ได้นะเกศ”
หมอเอกได้ยินแล้วอดสะเทือนใจไม่ได้ ทั้งเศร้าและสงสารผู้หญิงสองคน อาม่ากับเขมที่มองมาก็น้ำตาซึมด้วยความสงสารจับใจ
อาริสาดึงเกศิรินลุกขึ้นยืน ต่างคนต่างสะกดกลั้นความเศร้าเสียใจ สวมกอดกันมองไปยังควันสีขาวที่พวยพุ่งจากเมรุเพื่อส่งดวงวิญญาณป้องกุลสู่สวรรค์...
ooooooo
เสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจศพป้องกุล...อาริสาและเกศิรินกลับมาที่บ้านของเขาพร้อมด้วยหมอเอกที่เดินตามหลังมาด้วยความเป็นห่วงทั้งสองคน
“คุณสองคนอยู่ได้แน่นะ”
“ได้ค่ะ หมอกลับบ้านเถอะ หมอช่วยงานศพป้องตั้งแต่วันแรกจนวันเผา หมอเหนื่อยมากแล้ว”
หมอเอกพูดอย่างอ่อนโยนให้อาริสารู้ว่าเต็มใจทำจริงๆ “ผมไม่เหนื่อยหรอก”
เกศิรินมองหมอเอกกับอาริสา เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับหมอแต่ไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกิน
“เกศขอตัวก่อนนะคะ”
เกศิรินเดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบๆ สีหน้ายังหม่นหมอง อาริสาเห็นแล้วอดห่วงไม่ได้ หันมาบอกหมอเอกอีกครั้งว่า
“หมอกลับไปเถอะค่ะ ริสาอยู่กับเกศได้”
“ถ้ามีอะไรโทร.หาผมได้ตลอดนะ”
“ขอบคุณค่ะหมอ”
หมอเอกเอื้อมมือมาแตะไหล่อาริสา ใจจริงเขาอยากกอดปลอบแต่รู้ว่าไม่เหมาะสมจึงตัดใจเดินออกจากบ้านไป อาริสามองตามอย่างเข้าใจความรู้สึกของเขา...แต่ใจตัวเองยังไม่พร้อมเปิดรับเขาในตอนนี้
ooooooo
หลังจากหมอเอกกลับไปได้ไม่นาน อาริสาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนป้องกุลและเห็นเกศิรินนั่งบนเตียงโดยกอดหมอนที่ป้องกุลเคยหนุนนอนด้วยความคิดถึง สายตาจ้องมองรูปของเขาอย่างเศร้าสร้อย
อาริสาเดินมานั่งข้างเกศิรินด้วยอารมณ์และความรู้สึกเดียวกัน...เกศิรินเอ่ยเสียงเรียบว่า
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเราสองคนจะอยู่ในสภาพนี้ จากเพื่อนรักกลายเป็นคนที่ต้องแย่งผู้ชายคนเดียวกัน สุดท้าย...สูญเสียเหมือนกัน เจ็บเหมือนกัน ร้องไห้ด้วยกัน”
“แล้วก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนกัน”
คำว่าเพื่อนที่อาริสาพูดออกมาทำให้เกศิรินชะงัก...ความรู้สึกเสียใจและดีใจระคนกัน ถามเสียงแผ่ว
“เธอยังมีคำว่าเพื่อนให้ฉันอีกเหรอ”
อาริสามองเกศิรินแล้วยิ้มบางๆ “จะให้ฉันทิ้งเธอได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นแม่ของสามีฉัน”
“ขอบใจนะ”
สองคนมีรอยยิ้มให้กัน ต่างรู้สึกปลอดโปร่งกับความรู้สึกที่ไม่ต้องโกรธหรือเกลียดใครอีก
“ถ้าป้องมองอยู่เขาคงมีความสุขที่เห็นเราสองคนเป็นแบบนี้”
พูดจบอาริสาโอบไหล่เกศิริน...แล้วก็นั่งมองรูปป้องกุลด้วยกันเหมือนจะจดจำรำลึกไปตราบนานเท่านาน
ooooooo
3 เดือนผ่านไป...
ภายในวัดแห่งหนึ่ง อาริสากับเกศิรินยืนถือพวงมาลัยด้วยอาการสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าที่เก็บกระดูกซึ่งมีรูปกับป้ายชื่อป้องกุล
อาริสาท้องใหญ่อายุครรภ์ราวห้าเดือน หมอเอกตามติดทำหน้าที่ดูแลอาริสาเป็นอย่างดีตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับป้องกุล
แม้วันเวลาผ่านไปสามเดือนแล้ว...แต่ความรู้สึกรักและคิดถึงยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง เกศิรินยืนมองรูปและป้ายชื่อของป้องกุลด้วยความคิดถึงจับใจ เอ่ยกับอาริสาว่า
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ แป๊บๆป้องไม่อยู่กับเรามา 3 เดือนแล้ว”
“นั่นสิ...เวลาผ่านไปเร็วจังนะ”
“แต่เรายังคิดถึงป้องเหมือนเดิม”
อาริสาเอื้อมมือไปแตะไหล่เกศิรินแทนคำปลอบโยน เกศิรินหันมายิ้มขอบคุณกำลังใจดีๆที่อาริสามีให้ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา
จู่ๆอาริสารู้สึกเวียนศีรษะเพราะยังมีอาการแพ้ท้องอยู่ เธอซวนเซเล็กน้อยแต่กระนั้นหมอเอกที่จับตามองตลอดเวลาก็รีบถามด้วยความเป็นห่วง
“ริสาเป็นอะไรรึเปล่า”
“หน้ามืดน่ะค่ะ”
“เอายาดมมารึเปล่า”
“ไม่ได้เอามา...อยู่ที่รถน่ะ”
“งั้นไปนั่งที่รถมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ริสายังไหว”
“ไหวอะไร...ผมเห็นริสาหน้าซีดตั้งแต่ถวายสังฆทานเมื่อกี้แล้ว เดี๋ยวผมไปเอาน้ำเย็นกับยาดมที่รถมาให้ ริสานั่งพักก่อนนะ...เกศ ผมฝากดูริสาแป๊บนึงนะ”
หมอเอกพูดรวดเดียวจบแล้วจะผละไป แต่จู่ๆก็ชะงักเหมือนคิดอะไรได้จึงหันกลับมาพูดกับอาริสาว่า
“หรือให้ผมขับรถมาจอดแถวๆนี้ ริสาจะได้เข้าไปนั่งพักในรถ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ริสานั่งพักตรงนี้ก็ได้”
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมมานะ”
หมอเอกรีบเดินไปที่รถ เกศิรินจับตาสังเกตท่าทีห่วงใยของเขาที่มีต่ออาริสาอยู่เงียบๆโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่ครุ่นคิดบางอย่างในใจและจะหาโอกาสที่เหมาะสมคุยกับอาริสาอีกสักครั้ง
ooooooo
ออกจากตรงจุดเก็บกระดูกป้องกุลแล้ว อาริสาเดินออกมากับเกศิรินโดยมีหมอเอกเดินตามหลังคอยกางร่มกันแดดให้ทั้งคู่ด้วยความเต็มใจ
เกศิรินเหลือบมองหมอเอกแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติและไม่ได้มีท่าทีประชดประชันแต่อย่างใด
“หมอไม่ต้องกางร่มให้เกศหรอก หมอกางให้ริสาคนเดียวเถอะค่ะ”
หมอเอกไม่อยากให้อาริสาอึดอัดกับการดูแลเอาใจใส่ของตนที่มีต่อเธอจึงตอบเกศิรินว่า
“ไม่เป็นไร ก็กางให้ทั้งสองคนนั่นแหละ”
เกศิรินยิ้มบางๆให้หมอเอกก่อนพูดกับอาริสาว่า










