สมาชิก

ชั่วโมงต้องมนต์

ตอนที่ 5

รุ่งขึ้นวิญญาณณฤทธิ์สิงร่างบุญสิตาไปที่บริษัทแต่เช้าตามปกติที่เขาเคยปฏิบัติก่อนเสียชีวิตตลอดมา สมบัติก็มาแต่เช้าตามคำชักชวนของบุญสิตาที่ว่าจะได้ไม่เหงา ที่สำคัญเขาอยากมาดูที่ทำงานของมาร์คด้วย

วิญญาณมาร์คในร่างบุญสิตาอาสาพาทัวร์บริษัท เธอพาสมบัติเดินเที่ยวรอบบริษัทพลางบรรยายนับแต่การตั้งบริษัท การฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างเพื่อทำให้บริษัทมีทุกอย่างครบวงจรเพื่อให้ทุกคนอยู่กันอย่างอบอุ่นเหมือนครอบครัว ถ้าวันไหนงานเยอะพวกเราก็จะทำงานโต้รุ่งและนอนกันที่นี่เลย

หลังจากดูและฟังความบากบั่นมุ่งมั่นในการตั้งบริษัทของมาร์คแล้ว สมบัติรำพึงอย่างสะเทือนใจว่า

“ขนาดพ่อไม่สนับสนุนงานของมาร์ค แต่มาร์คก็ทำได้ถึงขนาดนี้ เห็นแบบนี้ก็อดภูมิใจในตัวเขาไม่ได้”

ขณะนั้นเอง กันต์เดินเข้ามาสวัสดีสมบัติถามว่าจำได้ไหมตนเป็นเพื่อนสนิทของมาร์คและเป็นหุ้นส่วนของบริษัทด้วย พูดออกตัวว่าจะไปเยี่ยมคุณพ่อที่บ้านแต่มัวยุ่งเรื่องบริษัท แล้วขอเวลาปรึกษาเรื่องบริษัท

บุญสิตารู้แกวพยายามกัน แต่สมบัติบอกว่าคุยได้ กันต์จึงเชิญไปที่ห้องรับรอง บุญสิตาร้อนใจวิ่งตามทั้งสองไป

กันต์ถามว่าคุณพ่อวางแผนเกี่ยวกับบริษัทไว้ยังไงบ้าง สมบัติบอกว่ายังไม่ได้คิดอะไรเลย มีอะไรไหม?

“พอดีมีคนติดต่อผมมาว่าสนใจอยากซื้อหุ้นบริษัทเรา ราคาเท่าไหร่เขาก็เต็มที่ครับ ผมเห็นคุณพ่อไม่ได้สนใจธุรกิจของมาร์คอยู่แล้ว ผมเลยอยากจะชวนคุณพ่อขายหุ้นบริษัทนี้น่ะครับ”

สมบัติฟังหน้านิ่งๆ ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ฝ่ายวิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาถูกไล่ออกจากห้องก็ร้อนใจคิดหาทางห้ามสมบัติไม่ให้ขายหุ้น พอดีเห็นพุฒิเมธเดินมาก็รี่เข้าไปบอกให้รีบเข้าไปดูพ่อเพราะกันต์พาพ่อเข้าไปคุยในห้องต้องเป็นเรื่องขายบริษัทแน่ๆ

พอพุฒิเมธเข้าไป สมบัติบอกว่าคุยเสร็จพอดี กันต์บอกว่ายังไงคุณพ่อก็โทร.หาตนได้ แล้วขอตัวไป

“พี่กันต์คุยอะไรกับคุณพ่อครับ” สมบัติจึงเล่าให้ฟัง จากนั้นเขาส่งพ่อขึ้นรถกลับบ้าน

ศรันย์ จัสตินก็ซุบซิบกันเครียด กลัวกันต์มาคุยกับสมบัติเรื่องขายบริษัท พอพุฒิเมธออกมาก็พุ่งเข้าไปถามทันทีว่ากันต์มาคุยเรื่องขายบริษัทใช่ไหม พุฒิเมธส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้

ศรันย์เสนอว่าเราต้องหาทางสร้างกระแสอย่างที่ยัยซินเสนอไอเดียวันที่มาสมัครงาน พุฒิเมธถามว่าไอเดียอะไร วิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาเหลือเวลาอีกเพียง 5 นาที รีบพูดว่า

“ตั้งใจฟังให้ดีนะ ฉันมีเวลาไม่มาก” แล้วบุญสิตา ก็พูดเร็วปรื๋อ “หางานใหญ่ๆสร้างกระแส ประกาศให้โลกรู้ว่าบริษัทเรายังอยู่และกำลังโกอินเตอร์ ทำงานมากันตั้งกี่ปียังไม่รู้อีก ต้องให้เด็กใหม่อย่างฉันมาสอน”

บุญสิตาบ่น ดูนาฬิกาอย่างกังวลแล้วรีบพูดต่อ

“ดึงโปรเจกต์ต่างประเทศมาทำต่อ ยังไงก็ต้องรักษาโปรเจกต์นี้ให้ได้ เข้าใจไหม” พูดแล้วก็วิ่งออกไปแต่ยังหันมาย้ำว่า “อย่าลืมนะ ต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ มันคือความหวังสุดท้ายของพวกแก”

พูดจบก็วิ่งไปเลยเพราะต้องรีบไปคืนร่างให้บุญสิตา แต่เพราะไม่ต้องการให้ใครๆเห็นว่าบุญสิตาเป็นลมบ่อยๆ จึงไปคืนร่างให้ในห้องน้ำ ทำเอาบุญสิตาอึ้งที่รู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนโถส้วม!

 ooooooo

บ่ายวันนี้ วัฒน์จากบริษัทจีวายก็นัดกันต์ไปเจรจาบอกว่าอยากได้งานโปรเจกต์ exchange เด็กที่เกาหลี งานที่มาร์คดิวเอาไว้เพราะกันต์เองก็อยากขายบริษัทอยู่แล้ว

กันต์ยิ้มอย่างรู้ทัน วัฒน์บอกว่าเปิดโอกาสให้เด็กของตนดีกว่า กันต์อยากได้ค่าเสียเวลาเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ตนยินดีจ่าย กันต์ยิ้มๆเป็นการตอบตกลงโดยปริยาย

หลังจากตกลงกันว่าจะต้องสร้างกระแสใหญ่ตามคำแนะนำของบุญสิตาแล้ว ดนุดลก็ฝึกซ้อมร่างกาย ฝึกภาษาทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อโปรเจกต์นี้

ขณะเดียวกันเจนนี่กับซาร่าที่ไม่มั่นใจบริษัท เมื่อขาดมาร์คก็คิดที่จะย้ายสังกัด เจนนี่บอกซาร่าว่า

“ย้ายตอนนี้ก็เสียชื่อพอดี แต่ถ้ามีโอกาสฉันย้ายแน่”

เวลาเดียวกันเจนนี่ก็สร้างภาพคู่รักตนกับพุฒิเมธให้เป็นกระแส นัดพุฒิเมธไปเดินห้างโชว์ตัวกันเขาก็ปฏิเสธ เจนนี่เลยเอาดอกไม้ที่แฟนคลับให้ดนุดลมาถ่ายลงไอจี รูปตัวเองกำลังดมดอกกุหลาบพร้อมแคปชั่นว่า

“ตัวมาไม่ได้แต่ก็ส่งกำลังใจมา ขอบคุณนะคะ # loveu4ever”

พุฒิเมธอ่านแล้วส่ายหน้าที่เจนนี่ทำถึงขนาดนี้

คืนนี้บุญสิตาถูกณฤทธิ์ใช้ให้ไปเอาของที่ซื้อไว้เตรียมขอโทษพ่อที่ออฟฟิศ เธอไปเอาให้เจอพุฒิเมธจับได้ถามว่ามาทำอะไรที่นี่ บุญสิตาอึกอักแก้ตัวว่าตนลืมของไว้เลยมาเอา เขาถามว่าของเธอทำไมมาไว้ที่ห้องเฮีย บุญสิตาตะแบงว่าตนไว้ที่ห้องแม่บ้านต่างหาก แต่พุฒิเมธอ้างกล้องวงจรปิดจนเธอดิ้นไม่หลุดเลยเล่าความจริงให้ฟังแต่บิดตอนท้ายว่า

“ฉันคิดว่าถ้าพ่อคุณได้ของชิ้นนี้จะอาการดีขึ้นฉันเลยอยากเอาของนี้ไปให้พ่อคุณ ก็เลยแอบเข้ามาเอา” ถูกพุฒิเมธซักหนักเข้าก็ตัดบทฝากของนี้ไปให้คุณพ่อเขาด้วยก็แล้วกัน

พุฒิเมธบอกว่าตนคงเอาไปให้ไม่ได้หรอกเพราะพอเห็นของ ท่านจะทำใจไม่ได้อีก แต่ถ้าอาการท่านดีขึ้นเมื่อไหร่ก็จะเอาให้ท่านเอง วิญญาณณฤทธิ์ฟังอยู่ลุ้นอย่างมีความหวังที่จะให้ของนี้กับพ่อ

แต่เช้าวันรุ่งขึ้น พุฒิเมธเดินถือของที่บุญสิตาฝากมา เห็นสมบัติออกกำลังอยู่ก็ลังเลว่าจะให้ดีหรือไม่ วรรณนาเดินมาบอกว่าไม่ต้องห่วง พ่อเขาสดใสอาการดีขึ้นเยอะแล้ว เขาถามว่าเห็นคุณพ่อบ่นว่าน้าเก็บของของเฮียจนหมดเลย

“น้าไม่อยากให้พ่อคิดถึงมาร์คอีกน่ะ เข้าใจเลยว่าทำไมเมื่อก่อนคุณพี่เขาถึงตัดต้นไม้ของแม่มาร์ค”

ฟังวรรณนาพูดแล้ว พุฒิเมธมองของในมือ ลังเลว่าจะให้ดีหรือไม่ให้ดี...

ooooooo

ที่คอนโดของณฤทธิ์ เช้านี้กันต์เตรียมตัวจะไปทำงานก็ได้รับโทรศัพท์จาก “ที่รัก” โทร.มาบอกว่าคิดถึง กันต์บอกว่าตนก็คิดถึง ปลอบให้รอเวลาอีกสักพัก เพราะเราก็เจอกันที่ออฟฟิศทุกวันอยู่แล้ว

ณฤทธิ์ฟังอยู่คำรามว่า “ฉันต้องรู้ให้ได้ ใครมันสวมเขาให้ฉัน” เหลือบดูนาฬิกาเป็นเวลาแปดโมงสิบห้า เมื่อไปเจอบุญสิตา วิญญาณณฤทธิ์ให้เธอแอบดูโทรศัพท์กันต์ว่าเวลานี้ใครโทร.มา บุญสิตาทนการขอร้องของณฤทธิ์ไม่ได้ จึงทำทีเข้าไปเสิร์ฟน้ำแอบดูโทรศัพท์กันต์ขณะเขาลุกเดินออกไป

เจ้ากรรม! จำรหัสไม่ได้ สุ่มกดสามครั้งจึงเปิดได้ แต่กันต์เข้ามาพอดี โชคดีที่ตัวเธอบังอยู่กันต์จึงไม่เห็นว่าเธอแอบดูโทรศัพท์ตน

ทันใดนั้น เสียงเวลาดังไปมาในหัวบุญสิตาไม่หยุดเหมือนเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วเวลาก็บอกว่า

“หมดเวลาแล้ว”

บุญสิตาตกใจแปลกใจเพราะยังไม่ครบสี่ชั่วโมง แต่เธอเห็นวิญญาณณฤทธิ์ที่ซ้อนในร่างตนกำลังจะออกจากร่าง ในที่สุดเธอก็ล้มลง “เป็นอะไร นี่ๆตื่นสิ” กันต์ ตกใจเข้ามาดู

วิญญาณณฤทธิ์ยังดูอยู่ใกล้ๆ เสียงเวลาบอกว่า “หมดเวลาของเธอแล้ว” ณฤทธิ์แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อณฤทธิ์ปรากฏตัวที่ห้องกาลเวลา เวลาบอกว่าภารกิจแรกของเขาสิ้นสุดแล้ว เวลาของเขาหมดแล้วเช่นกัน

“เพราะอะไร”

“ไปดูด้วยตาตัวเอง” เวลาบอก

เสียงนาฬิกาในห้องต่างๆดังขึ้น เข็มนาฬิกาย้อนกลับไปสามสิบนาทีก่อนหน้านี้ทันที...

 ooooooo

เวลาย้อนไปสามสิบนาที...สมบัตินั่งจ้องถุงของขวัญอยู่ที่ม้านั่งสนามหญ้าหน้าบ้าน กำลังชั่งใจว่าจะเปิดดูหรือไม่ เขานึกถึงคำพูดของพุฒิเมธที่ว่า

“ผมอยากให้คุณพ่อเปิดของขวัญชิ้นนี้ ในวันที่คุณพ่อคิดว่าตัวเองทำใจเรื่องเฮียได้แล้ว วันที่คุณพ่อแข็งแกร่งพอที่จะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก”

สมบัติรวบรวมความกล้าเปิดดู มันเป็นกล่องดนตรีที่ตุ๊กตาพ่อกำลังอ่านหนังสือให้ลูกฟังที่สนามเด็กเล่น เขาอ่านการ์ดขอโทษก่อนที่จะไขลานกล่องดนตรี

สมบัติเหมือนต้องมนตร์สะกดของเสียงกล่องดนตรี คิดถึงความทรงจำในอดีต...

วันนั้น เขานั่งอ่านนิทานให้มาร์คในวัยเด็กฟัง

มีโทรศัพท์เรียกเข้าจึงไปรับ บอกให้มาร์คอ่านคนเดียวไปก่อน มาร์คทำน้ำแดงหกใส่หนังสือพอสมบัติกลับมามาร์คเอาหนังสือซ่อนข้างหลังกลัวถูกดุ สมบัติดูรู้ถามว่าท่าทางแบบนี้แอบทำอะไรผิดมาใช่ไหม

มาร์คถามกลัวๆว่าถ้าตนทำอะไรผิด คุณพ่อจะยกโทษให้ไหม สมบัติบอกว่าถ้ามาร์คยอมรับผิด พ่อก็ยกโทษให้ จึงเป็นสัญญาใจระหว่างพ่อลูกว่า ถ้าโตไปวันไหนตนทำผิดทำให้พ่อโกรธอีกพ่อต้องไม่โกรธตน

“มาร์คต้องสัญญาด้วยเหมือนกัน ถ้าวันไหนพ่อดุลูก ลูกก็ห้ามโกรธพ่อเหมือนกัน”

“โอเคครับ ผมสัญญา”

“เราสัญญากันแล้วนะ”

ของขวัญชิ้นนี้จึงเป็นการเตือนสัญญาใจที่พ่อลูกให้แก่กัน สมบัติฟังเพลงจากกล่องดนตรี พูดกับกล่อง

“ลูกไม่โกรธพ่อใช่ไหม พ่อเองก็ไม่เคยโกรธลูกเหมือนกัน พ่อรักลูกนะ” สมบัติน้ำตาไหลคิดถึงอดีตเหมือนตกอยู่ในชั่วโมงต้องมนต์ พูดกับกล่องดนตรีเหมือนพูดกับมาร์คว่า “ขอบคุณนะที่เกิดมาเป็นลูกพ่อ พ่อจะเก็บลูกไว้ในความทรงจำตลอดไป ถึงเวลาแล้วที่พ่อต้องอยู่ให้ได้โดยไม่มีมาร์ค”

วิญญาณณฤทธิ์ที่นั่งดูพ่ออยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างมีความสุข

เมื่อช่วยให้พ่อหายเป็นปกติได้แล้ว ณฤทธิ์ถามเวลาว่าเช่นนี้แล้วตนก็จะไม่สามารถเข้าร่างบุญสิตาได้แล้วใช่ ไหม เวลาบอกว่าถึงเวลาที่เขาต้องหาเป้าหมายรายต่อไปแล้ว

ooooooo

เมื่อวิญญาณฤทธิ์ออกจากร่างบุญสิตาเธอก็เป็นลมล้มพับไป ณฤทธิ์บอกตัวเองว่าต้องหาวิธีออกจากร่างให้เนียนกว่านี้ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป สักวันต้องมีคนสงสัยแน่

พอบุญสิตารู้สึกตัว เธอดีใจเมื่อณฤทธิ์บอกว่าพ่อได้รับของขวัญตนแล้ว ตอนนี้ชั่วโมงทุกข์ทรมานของท่านก็จบลงแล้ว ชั่วโมงต้องมนต์ของตนก็หมดลงแล้ว...

ถึงเวลาที่พ่อจะต้องยอมรับความจริงและปล่อยวางจากความรู้สึกผิด...ทิ้งอดีต หันกลับมามองคนที่ยังอยู่ คนที่ยังอยู่ข้างๆและรักท่าน”

สมบัติมองรอบห้องของณฤทธิ์อย่างอาลัยอาวรณ์ก่อนเดินออกไปบอกแก้วตาให้ล็อกห้องของมาร์คด้วย ตนจะไม่เข้ามาที่นี่อีก จะเก็บเรื่องราวของมาร์คไว้ในความทรงจำและจะทิ้งทุกอย่างของมาร์ค

วรรณนาถามว่าแล้วจะปิดบริษัทของมาร์คด้วยหรือเปล่า ทุกคนมองลุ้นคำตอบ แต่สมบัติกลับนิ่ง

บุญสิตาดีใจที่ณฤทธิ์ได้เคลียร์ใจกับพ่อแล้ว เขาบอกว่า

“ตอนนี้รู้ซึ้งเลย ว่าทำไมเราควรรักษาน้ำใจคนที่เรารักก่อนจะสาย เราควรดูแลกันและกันให้ดีที่สุด ในวันที่เรายังมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน ถ้าฉันคิดได้ก่อนหน้านี้ เธอคงไม่ต้องวุ่นวายเพราะฉัน”

“อย่างน้อยตอนนี้คุณก็ยังมีโอกาสได้ดูแลท่านนะ”

“ตอนนี้ฉันสบายใจเรื่องพ่อแล้ว ภารกิจต่อไปคงต้องหาทางจัดการเรื่องบริษัท ที่สำคัญฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครสวมเขาให้ฉัน”

บุญสิตาถามว่าเขาสงสัยใคร? ณฤทธิ์บอกว่าในบริษัทมีผู้ชายที่สนิทกับกันต์อยู่สี่คน คือดล ศรันย์ ป้าโหน่งและจัสติน แต่เมื่อพิจารณาแต่ละคนแล้วไม่น่าใช่ โดยเฉพาะจัสตินเพราะเป็นเพื่อนสนิทของตนและส่วนใหญ่ทำงานอยู่ต่างประเทศ ที่สำคัญกว่านั้นคือ กันต์ไม่รู้ว่านางชอบผู้ชาย

บุญสิตาตกใจคาดไม่ถึง ณฤทธิ์บอกให้เงียบไปเลย เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากศรันย์กับตน แต่ยังไงตนก็ต้องสืบเพื่อจะได้ล้างแค้น ตนอยากรู้ว่าใครเป็นพวกกันต์

จะได้ระวังตัวถูกว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้!

ชั่วโมงต้องมนต์

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด