เป็นภาพที่ออกมาชัดเจน ในงานฉลองเอกราชฮ่องกง 20 ปีเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าความเป็น “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ของฮ่องกง กำลังเลือนรางไปทุกขณะ

หลังพี่ใหญ่ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน เข้ามาทำหน้าที่ประธาน ให้แคร์รี แลม ผู้บริหารฮ่องกงคนใหม่กล่าวสาบานตน ก่อนจะประกาศเตือนว่าการท้าทายใดๆต่ออำนาจรัฐบาลปักกิ่งเป็นเรื่องไม่อนุญาต นักประท้วงนักเคลื่อนไหวถูกกวาดเรียบ

เช่นเดียวกับการแสดงแสนยานุภาพ ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน รหัส 001A “เหลียวหนิง” ยาตราจอดเทียบท่าเกาะฮ่องกงเป็นครั้งแรก กลายเป็นปรากฏการณ์วัดรอยเท้ามหาอำนาจทางทะเล ให้เห็นกันไปเลยว่าไม่ได้มีแค่สหรัฐอเมริกาที่กดดันด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินเป็นอยู่ชาติเดียว

ขณะที่นักวิเคราะห์ความมั่นคงพากันตั้งคำถามจากภาพที่ปรากฏว่า เรือลำนี้มีแสนยานุภาพทัดเทียมกับเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์ของสหรัฐฯได้หรือไม่ โดยดูจากเครื่องบินประจำเรือ คือ เจ-15 (ร่างโคลนของเครื่องซู-33 รัสเซีย) ที่สื่อจีนอ้างว่ามีอยู่ที่ 24 ลำบนเรือ ติดอาวุธต่อต้านอากาศยาน และติดจรวดจมเรือรบ YJ-83K พิสัยการยิง 200 กิโลเมตร ส่วนกลาโหมสหรัฐฯเองเคยระบุว่า ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะลานบินที่สั้นและไม่มีระบบช่วยส่งคาตาพัลต์ จะทำให้เครื่องบินรบจีนโหลดอาวุธได้ไม่เต็มอัตราศึก

อย่างไรก็ตาม ต้องอย่าลืมว่าการเปิดตัวของเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง ถือเป็นเพียงก้าวแรกของจีนเท่านั้น เพราะเหลียวหนิง นั้นคือเรือชั้นแอดมิรัล คุซเนตซอฟ ของสหภาพโซเวียตที่ต่อกึ่งเสร็จ ซึ่งพอจีนรู้โนว์ฮาวแล้วก็กำลังจะคลอดลำที่ 2 ที่สร้างเองจากศูนย์ตามมา คาดปฏิบัติการในปี 2563 นี้

ในเมื่อจีนมีทัพเรือดำน้ำที่เข้มแข็งอยู่แล้ว (และกำลังเพิ่มเรื่อยๆ) สมทบด้วยฝูงเรือบรรทุกเครื่องบินอีก (ที่กำลังเพิ่มเรื่อยๆเช่นกัน) คงไม่ยากที่จะพอเห็นภาพรวมว่าเจ้าแห่งแปซิฟิกอาจไม่ใช่อเมริกาเพียงคนเดียวอีกต่อไป.

...

ตุ๊ ปากเกร็ด