ยังคงมีให้เห็นกันอยู่เนืองๆ กับภาพบรรดารุ่นพี่ “ขาซ่า” สถาบัน อุดมศึกษาบางแห่งทำป่วนบังคับขู่เข็ญให้น้องใหม่ทำกิจกรรมแบบพิเรนทร์ๆ ทั้งที่มหาวิทยาลัยมีมาตรการเข้มงวดกวดขันตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ก็ยังทำตัวแหกกฎเหมือนไม่แยแส
แบบนี้เห็นทีต้องมีรายการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” กันให้เข็ดหลาบกันบ้างแล้ว
พูดถึงพวกที่ชอบแหกกฎแล้วพานจะพาเซ็งกันไปหมด “นายว้าก” ขอกลับลำ 360 องศา พาไปชมกิจกรรมดีๆ ที่สร้างสรรค์ของ ภาควิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) เชียงใหม่ ที่จัดกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาใหม่ก่อนเข้าเรียน ทั้งร่างกาย และจิตใจ ด้วยการทำกิจกรรมจิตอาสาภายในวัดเชียงโฉม หรือวัดเจดีย์ปล่อง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อยู่บริเวณชุมชนรอบมหาวิทยาลัยมีอายุมากกว่า 400 ปี
กิจกรรมโดนๆแบบนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร อาจารย์กมลวรรธ สุจริต อาจารย์ประจำหลักสูตรนิเทศศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มรภ.เชียงใหม่ เล่าว่า “ภาควิชานิเทศศาสตร์ จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนการเข้าเรียนให้แก่นักศึกษาใหม่ ทั้งเรื่องของวิชาการ และการปรับความคิดของการเป็นนักสื่อสารมวลชน โดย ภาควิชาการได้บรรยายเพื่อให้นักศึกษาเข้าใจถึงทักษะการสื่อสารเบื้องต้นของมนุษย์ พร้อมทั้งการให้ข้อมูลของหลักสูตร และแนวทางการเรียนการสอนที่จะทำให้นักศึกษาสามารถสำเร็จการศึกษาได้ตามเวลาที่กำหนด ส่วนการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจ ได้ใช้กิจกรรมจิตอาสาเป็นเครื่องมือช่วยปรับความคิด ซึ่งรุ่นพี่ปี 2 ได้นำน้องใหม่ออกไปทำความสะอาด และทำบุญถวายหลอดไฟที่วัดเชียงโฉม ซึ่งผลตอบรับทั้งจากนักศึกษา ผู้ปกครอง และชาวบ้านในพื้นที่ดีมาก”
...
ขณะที่ตัวแทนรุ่นพี่ “ชินจัง” ปิยะพงษ์ ตานะกูล ปี 2 บอกว่า “วัตถุประสงค์ที่เรามาทำกิจกรรมในครั้งนี้ ก็อยากให้น้องๆปี 1ได้มีส่วนร่วมในการเข้าถึงชุมชน เพราะ สถาบันการศึกษาของเราเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อท้องถิ่น การเป็นท้องถิ่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องออกไปชนบทรอบนอกเพียงอย่างเดียว แต่ชุมชนรอบๆมหาวิทยาลัยของเราก็ เป็นเหมือนเพื่อนบ้านที่เราต้องสื่อสารต้องดูแลด้วยเช่นกัน จากกิจกรรมครั้งนี้จะเห็นได้ว่า น้องปี 1 มีความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรมอาสา มีความสนิทคุ้นเคยกับเพื่อนมากยิ่งขึ้น ส่วนผลพลอยได้อื่นคือ น้องมีความรับผิดชอบงาน หรือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจนงานเสร็จสิ้นเรียบร้อย”
ส่วนบรรดาเฟรชชี่ใหม่คิดเห็นอย่างไรนั้น มาเริ่มกันที่ “ซินเดอร์” พิชชญาภรณ์ จินะปัญญ เล่าว่า “ตอนแรกที่เลือกเรียนสาขานิเทศศาสตร์ เพราะมีความน่าสนใจอยากทำงานและเรียนถ่ายรูป อยากทำงานเบื้องหลัง แม้จะยังไม่ได้เรียนวิชาเฉพาะด้านแต่ก็เริ่มที่จะได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นเด็กนิเทศฯแล้ว เช่น การทำกิจกรรม แม้ว่าช่วงเปิดเทอมใหม่จะมีกิจกรรมมาก แต่ก็ช่วยในการปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ รวมไปถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต่างจากตอนเรียน ม.ปลาย”
“ดอม” ธีรนัย น้อยทา ส่งเสียงดังฟังชัดมาเสริมว่า “รุ่นที่เข้ามาเรียนนี้ รหัส 60 เป็นหลักสูตรนิเทศศาสตร์ แบบรวมไม่แบ่งสาขาวิชา ผมว่ามีข้อดีตรงที่เราจะได้เรียน หลากหลายและค้นหาความชอบของตัวเราเอง เพราะตอนที่เข้ามาแรกๆ เราอาจจะชอบอีกอย่างหนึ่งแต่พอเรียนไปโตขึ้นอาจจะมีแนวทางใหม่ๆ กิจกรรมที่ได้ทำในช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมสำหรับปี 1 แม้จะเหนื่อยหน่อย แต่ก็มีข้อดีคือได้รู้จักเพื่อนๆในรุ่นเดียวกันทั้งหมด รู้จักรุ่นพี่ ที่สำคัญอาจารย์ภาควิชานี้จะเข้ามาร่วมทำกิจกรรมกับนักศึกษาอยู่ตลอด”
ขณะที่ หนุ่ม “แบงค์” สุริยา จำธรรม ร่วมแจมว่า “ตอนผมเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ ผมอยากเป็นผู้กำกับหนังครับอยากสร้างหนังสักเรื่องให้ชาวโลกได้ดู เป็นของตัวเองสักเรื่องครับเพราะคิดว่านิเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ เด่น เรื่องการแสดงเสมอ กล้าที่จะแสดงออก แต่อาจารย์บอกว่าสังคมไม่ได้ต้องการแค่คนเก่งอย่างเดียว สังคมยังต้องการความมีน้ำใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พึ่งพากันเหมือนที่เรามาช่วยกันทำความสะอาดและทำบุญที่วัดครั้งนี้ ผมว่ามันช่วยปรับความคิดของเราได้มากครับ”
ปิดท้ายที่สาวหน้าใส “ฝนดาว” ดาราวดี สิงหนาท ไม่พลาดที่จะร่วมแชร์ประสบการณ์ว่า “ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าทำไมเพิ่งเข้าเรียนใหม่ถึงมีกิจกรรมที่ต้องทำมากมาย แต่พอได้ลงมือทำก็จะมีเพื่อนรุ่นพี่ ซึ่งรับผิดชอบในหน้าที่ต่างกันมาคอยดูแล ทั้งเรื่อง อาหาร เครื่องดื่ม ความปลอดภัย มีเพื่อนในรุ่นเดียวกันมาช่วยคนละเล็กละน้อยจนงานที่ดูว่าเยอะเสร็จได้ในเวลาที่รวดเร็ว ตรงนี้เริ่ม ทำให้เห็นประโยชน์ของการทำงานร่วมกัน และการออกมาทำงานตามชุมชนโดยรอบมหาวิทยาลัยก็ทำให้เรารู้จักพื้นที่ของเรามากยิ่งขึ้น”
เห็นความตั้งใจของอาจารย์ และนักศึกษา สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มรภ.เชียงใหม่ ที่ช่วยกันคิดช่วยกันลงมือทำกิจกรรมดีๆ เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งกายและจิตใจให้กับบรรดาเฟรชชี่ใหม่ในทางสร้างสรรค์แบบนี้แล้ว
“นายว้าก” ขอปรบมือเป็นกำลังใจให้ดังๆ
จะห่วงก็แต่พวกรุ่นพี่หลงยุคบางคนที่ยังมีพฤติกรรมน่ารังเกียจ ไม่รู้เมื่อไหร่ต่อมสำนึกดี จะทำงานกันเสียที...!!!
นายว้าก
...