หากกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอสถูกรุกไล่หายจากเกมกระดานสงครามกลางเมืองซีเรียแล้ว จะทำให้เกิดอะไรขึ้นต่อมายังคงเป็นเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้อย่างชัดเจน

มีความพยายามต่อจิ๊กซอว์ ประเมินสถานการณ์ความมั่นคงกันว่า ในเมื่อตัวแปรไอเอสโดนขจัดไปแล้ว กลุ่มตัวละครต่างๆคงเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น “กองทัพรัฐบาลซีเรีย” ของบาชาร์ อัล-อัสซาด แน่นอนว่าต้องผูกกันแน่นกับรัฐบาล “รัสเซีย” ที่ให้การโจมตีสนับสนุนทางอากาศ รวมถึงชุดปฏิบัติการพิเศษภาคพื้นดินเรื่อยมา

พร้อมเสริมทัพด้วยกลุ่มติดอาวุธ “ฮิซบอลเลาะห์” จากเลบานอน ซึ่ง “อิหร่าน” ให้การสนับสนุน ประกอบกับอิหร่านเองก็ส่งกำลังเข้ามาร่วมกับรัฐบาลซีเรียด้วยเช่นกัน กลายเป็นขั้วรัฐบาลซีเรีย-รัสเซีย-อิหร่าน

ขณะที่ขั้วตรงข้ามที่พอเห็นภาพชัดเจน คือ “กบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรีย” ที่สนับสนุนโดย “สหรัฐฯ” และมีการจับแปรสภาพให้มาสู้รบกับกลุ่มไอเอสตามสถานการณ์จะพาไป เสริมด้วยเงินจากนายทุนชาติตะวันออกกลางขั้วตรงข้ามอิหร่าน ซึ่งรวมถึง “ซาอุดีอาระเบีย” เท่ากับว่าเป็นการจับขั้วกบฏ-สหรัฐฯ-ซาอุฯ

ไม่รวมถึงขั้วที่ไม่เข้าใครออกใคร อย่าง “กองกำลังชาวเคิร์ด” ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ที่เปิดตัวทำศึกกับกลุ่มไอเอส โดยจับมือหลวมๆทั้งสหรัฐฯและรัฐบาลซีเรีย

แน่นอนว่าหลังศึกกับไอเอสแผ่วลงแล้ว ย่อมหมายถึงสัญญาณการต่อสู้รอบใหม่กำลังจะบังเกิดขึ้น เพราะทางรัฐบาลซีเรียย่อมอยากที่จะชิงพื้นที่ที่สูญเสียไปคืน โดยในช่วงปี 2557 ที่การก่อกบฏรุนแรงมากจนลามมาถึงกรุงดามัสกัส รัฐบาลซีเรียต้องกระจายกำลังปราบปรามทุกแห่งหน จนทำให้เสียพื้นที่ทั้งทางเหนือและทางใต้ของประเทศ รวมถึงถูกไอเอสช่วงชิงภาคตะวันออกไปพร้อมๆกัน

...

ส่วนฝ่ายกบฏมีจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่ายังไงผู้นำอัสซาดต้องไป ทำให้มีโอกาสน้อยมากที่จะปล่อยเมืองที่ยึดครองมากลับไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาล

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางสาย ซึ่งเรียกสถานการณ์ในซีเรียว่า “เกมอันยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 21” เริ่มที่จะจับตาพื้นที่ทะเลทรายภาคใต้-ตะวันออกเฉียงใต้ อันเป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันของซีเรียกันแล้ว ว่าจะเป็นสถานที่ชิงชัยลำดับถัดไป ขณะที่การปะทะระหว่างชาติพันธ-มิตรต่างขั้วมีวี่แววจะทวีความเข้มข้น หลังสัปดาห์ที่ผ่านมา โดรนไร้คนขับในอิหร่าน ได้เปิดฉากยิงใส่ทหารรบพิเศษอเมริกันโดยไม่มีคำเตือน.

ตุ๊ ปากเกร็ด