“อีก 5 ปีข้างหน้าใครจะโดดเด่นที่สุดหรือเนื้อหอมที่สุดใน AEC?” ยังเป็นคำถามที่ผมต้องเขียนต่อสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะการทิ้งท้ายคำถามครั้งที่แล้วว่า “เศรษฐกิจไทยในช่วง 5 ปีข้างหน้าในสายตา IMF จะสดใสแค่ไหน” เราจะมาดูกันครับ

ครั้งที่แล้วพูดว่า CLMV และกลุ่ม IMT-GT ดูมีอนาคตสดใสในสายตาของ IMF เพราะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจช่วง 5 ปีไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี น่าจะเป็นแรงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศที่สำคัญ มาดูกันต่อครับว่าดาวรุ่งพุ่งแรงดวงใหม่ของ AEC ที่ คาดการณ์กันว่าใน พ.ศ.2583 หรือ ค.ศ.2050 อาจมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย และเข้ามาแทนที่ไทย คือ ฟิลิปปินส์

IMF คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยปี 2560-2561 และปี 2565 ประมาณ 6.9% และ 7.0% ตามลำดับ เศรษฐกิจที่ขยายตัวระดับสูงของฟิลิปปินส์ หลังจากรัฐบาลปราบปรามคอร์รัปชันและพัฒนาเศรษฐกิจภาคบริการอย่างมาก ประกอบกับมีประชากรสูงถึง 100 ล้านคน ทำให้ฟิลิปปินส์โดดเด่น และถูกกล่าวถึงมากในระยะนี้

สำหรับยักษ์เล็กของ AEC อย่างสิงคโปร์ IMF คาดจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยช่วงปี 2560-2561 และปี 2565 ประมาณ 2.4% และ 2.6% ตามลำดับ ถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ดีสำหรับประเทศพัฒนาแล้ว และมีรายได้สูง สิงคโปร์ยังคงมีเสน่ห์สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมใช้เทคโนโลยีระดับสูงและยังคงเป็นศูนย์กลางทางการเงิน และการบริการใน AEC อย่างต่อเนื่อง

เมื่อพูดถึงไทย ซึ่งติดกับดักรายได้ปานกลางมานานมาก IMF คาดจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยช่วงปี 2560-2561 และปี 2565 เพียง 3.2% และ 3.0% ตามลำดับ สูงกว่าสิงคโปร์เพียงเล็กน้อย ขณะที่เปรียบเทียบกับ CLMV และประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างมาเลเซีย เราเติบโตต่ำกว่ามาก ทำไม IMF มองว่าไทยจะเติบโตเพียง 3% แม้ไทยมีโครงการใหญ่ เช่น EEC และต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตให้ได้ 4–5% ใน 5 ปีข้างหน้า คุยต่อครั้งหน้าครับ.

...

ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ