คอลัมน์อะคาเดมีชีวิต นิตยสารทางอีศาน ฉบับมีนาคม รศ.ดร.เสรี พงศ์พิศ เขียนเรื่องพ่อบัวศรี บัวสูง ผมอ่านในรถไฟฟ้า จบแล้วกลับบ้านต้องอ่านซ้ำ

นี่คือเรื่องของคนดี...ที่บริสุทธิ์ผ่องใส...ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ใช่คนดีเสียแล้ว เหมือนนักการเมืองบางคน

อาจารย์เสรีรู้จักพ่อบัวศรีตั้งแต่ปี 2531 ตอนเริ่มต้นมูลนิธิหมู่บ้าน

พ่อบัวศรีเป็นผู้ใหญ่บ้านดงเค็ง ตำบลท่าสองคอน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ทำงานพัฒนาชุมชนแบบเงียบๆ ทำเกษตรผสมผสานตั้งใจแก้ปัญหาหนี้สินให้ตนเอง

วันหนึ่งในที่ประชุมสัมมนา พ่อบัวศรีบอกว่า ต่อไปนี้พี่น้องเราต้องหันมาทำแบบปู่ย่าตายาย คือเฮ็ดอยู่เฮ็ดกิน ทำมาหากินให้พอเพียง ทำนาก็อย่าทำมาก ทำพอเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัวก็พอ

พ่อค้าที่นั่งฟังก็สงสัย “แล้วเรา (คนไม่ทำนา) จะกินอะไร” พ่อบัวศรีตอบ “เวลาชาวนามีปัญหาไม่เห็นใครมาช่วยแก้ เวลาพวกท่านมีปัญหาก็หาทางแก้เอาเองเถิด” เรียกเสียงฮา เสียงปรบมือลั่นห้องประชุม

พ่อบัวศรีเล่านิทานเรื่องหมูมา หมาหนี เรื่องมีว่า เทวดาสั่งให้หมูกับหมาไปช่วยกันปรับดินทำนา หมูเอาปากขุดดินจนปากเจ่อ หมาไม่ทำอะไรเดินไปเดินมา เทวดามาดู เห็นแต่รอยตีนหมา ก็เข้าใจว่าหมาทำงาน

จึงสั่งให้หมากินข้าว ส่วนหมูให้กินแกลบ

พ่อบัวศรีร่วมกลุ่มอุ้มชูไทอีสาน ได้รับเลือกเป็นประธานคนแรกในการสัมมนาเรื่องภูมิปัญญาชาวบ้านกับการพัฒนา ที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ ยุค ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง เป็นเลขาธิการ พ่อบัวศรีรับเกียรติเป็นผู้เปิดงาน

พ่อบัวศรีเดินขึ้นเวที ถึงหน้าโต๊ะหมู่บูชาและพระบรมสาทิสลักษณ์ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ก็นั่งกราบ 3 ครั้ง แล้วลุกขึ้นไปกราบหลวงพ่อนาน ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว...เรื่องนี้เป็นเรื่องประทับใจเล่าขานกันต่อๆมา

...

ในพิธีบายศรีสู่ขวัญ พราหมณ์กำลังทำพิธี พ่อบัวศรีนั่งก้มหน้า...จบพิธีมีคนถามว่า พ่อไม่สบายหรือ พ่อบัวศรีบอกว่า “พิธีบายศรีสู่ขวัญ เป็นพิธีใช้กับเด็กๆ เอามาใช้ในพิธีวันนี้ได้อย่างไร”

คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเคยให้ทุนพ่อบัวศรี ไปตั้งโรงเรียนพราหมณ์ ถ่ายทอดพิธีบายศรีสู่ขวัญที่ถูกต้องในโอกาสต่างๆ มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก

ชีวิตประจำวันในหมู่บ้าน ตีห้าพ่อบัวศรีพูดออกเสียงตามสาย ปลุกลูกบ้านให้ลุกขึ้นทำนา

เครือข่ายพรรณไม้พื้นบ้านที่ภูพาน ช่วยกันฟื้นฟูสภาพแวดล้อมเดิมๆคืน แบบยกป่ามาไว้ที่บ้าน ยกภูพานมาไว้ที่สวน พ่อว่านี่เป็นผลงานขั้นเทพ พระอินทร์สร้าง...เสนอให้เปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มเครือข่ายอินแปง...ทุกคนก็เห็นด้วย

เมื่อไปกรุงเทพฯ พ่อบัวศรีจะไปพักที่มูลนิธิหมู่บ้าน เหมือนผู้นำชุมชนอื่น ท่านจึงผูกพันกับมูลนิธิหมู่บ้านมาก

พ่อบัวศรีมีวิสัยทัศน์ เห็นภาพนิมิตของสังคมไทยในอนาคต รศ.ดร.เสรีบอกว่า เตรียมไปไม่กี่คำถาม พ่อตอบได้เป็นชั่วโมง หลั่งไหลมาจากส่วนลึกของหัวใจ...เหมือนกำลังบอกพินัยกรรม ฝากให้พี่น้องอีสาน

ถึงยุครัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูร คุณโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ เลขาธิการนายกฯ เชิญพ่อบัวศรีเป็นที่ปรึกษานายกฯ พ่อตอบรับกับเสียงคัดค้านอึงมี่ พ่อว่าตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมามีรัฐบาลไหนสนใจชาวไร่ชาวนาบ้าง

ถ้ารัฐบาลนี้สนใจอยากรับรู้ปัญหาชาวบ้านจริง ผมก็จะไป “อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ” พ่อว่า

วันที่พ่อบัวศรีนั่งเครื่องบินไปประชุมกับรัฐบาลเป็นครั้งแรก พอถึงกรุงเทพฯ พ่อป่วยกะทันหันเข้าโรงพยาบาล อีก 6 เดือนต่อมา พ่อก็ตาย ไม่ได้เข้าไปในถ้ำเสืออย่างที่ตั้งใจ

ผมอ่านเรื่องคนดีที่โลกไม่ต้องการ ที่สด กูรมโลหิต เขียน ก็เพิ่งรู้จักพ่อบัวศรี คนดีอีกคน คนดีคนนี้โลก (รัฐบาล) รู้จัก และต้องการใช้...น่าเสียดายจริงๆ...ที่ไม่ได้ใช้

ข่าวล่า...โครงการผลิตหน้ากากกันไวรัส...คนดีระดับรัฐมนตรีเสนอทำ แต่นายกฯ ไม่เอา เพราะเหตุว่าราคาแพงกว่าที่อีกรายทำ...คนดีเสียแล้ว...แบบนี้แหละที่โลกใช้...คิดถึงพ่อบัวศรีเสียจริงๆ.

กิเลน ประลองเชิง