ก็เป็นข่าวดีเล็กๆ ท่ามกลางข่าวร้ายมากมาย เมื่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯได้ฝากให้ กระทรวงการคลัง ไปหาทางช่วยเหลือ “ชนชั้นกลาง” ในเมืองไทยที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว หลังจากที่รัฐบาลทุ่มเงินแจกฟรีคนจนและเกษตรกรมาหลายปีโดยไม่ได้เหลียวแลชนชั้นกลางที่เป็นผู้เสียภาษีหลักของประเทศไทยเลย
ผมไม่รู้ว่า ชนชั้นกลางไทย มีจำนวนกี่คน เพราะ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ไม่มีบันทึกไว้ และไม่รู้ว่าเกณฑ์การจัดชนชั้นกลางไทย นับกันที่รายได้ต่อปีเท่าไหร่
แต่จากการขานรับนโยบายนี้ของ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาราว 11 ล้านคน ในจำนวนนี้ มีคนเสียภาษีจริงเพียง 4 ล้านคน เท่านั้น ที่เหลืออีก 7 ล้านคนรายได้ยังไม่พ้นรายได้ขั้นตํ่าที่ต้องเสียภาษี รายได้ขั้นตํ่าที่ไม่ต้องเสียภาษีคือ 26,583.33 บาทต่อเดือน หรือ 318,999.96 บาทต่อปี ผมเลยขอเอาเกณฑ์ผู้ยื่นแบบภาษี 11 ล้านคนมาเป็นข้อมูลก็แล้วกันว่า “ชนชั้นกลางไทยมี 11 ล้านคน” จากประชากรไทย 70 ล้านคน คิดเป็น 15.7% ของประชากรทั้งหมด ถือว่าน้อยมากๆ
ปีที่แล้ว ผู้บริหารเฟซบุ๊กประเทศไทย เคยเปิดเผยผลสำรวจว่า ประเทศไทยมีชนชั้นกลาง 49 ล้านคน ผมฟังแล้วก็งงๆ เป็นไปได้อย่างไร แต่ถือเสียว่าเป็นข้อมูลการตลาดเพื่อขายของก็ว่ากันไปแล้วใครจะเชื่อ
“ชนชั้นกลาง” คือ “ประชาชนในฝัน” ของทุกประเทศทั่วโลกที่ต้องการก้าวไปสู่ “ประเทศที่พัฒนาแล้ว” แต่ ประเทศไทยอยากรวย อย่างเดียว ไม่พูดถึงชนชั้นกลางเลย ถ้ารัฐบาลไม่สร้าง “ชนชั้นกลาง” ซึ่งเป็น “รากฐานสำคัญที่สุด” ในการพัฒนาประเทศไปสู่ ประเทศที่พัฒนา แล้ว หรือ ประเทศที่รํ่ารวยแล้ว ก็คงได้แต่ฝันและพรํ่าเพ้ออย่างที่ผ่านมา การพูดถึง “ชนชั้นกลาง” ของ ดร.สมคิด ครั้งนี้จึงเป็น เซอร์ไพรส์ อย่างยิ่ง ประเทศมีชนชั้นกลางมากก็ยิ่งเจริญมาก ยิ่งรํ่ารวยมาก เช่น สหรัฐฯ มหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก มีชนชั้นกลางในประเทศ สูงถึง 50% ครึ่งต่อครึ่ง หรือ เกาหลีใต้มีชนชั้นกลางมากถึง 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ
...
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า รัฐบาลปักกิ่ง ตั้งเป้าจะสร้าง “ชนชั้นกลางจีน” ที่มีอยู่เกือบ 300 ล้านคน ให้เพิ่มขึ้นเป็น 550 ล้านคนภายในปี 2022 ก็อีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ประเทศจีนก้าวขึ้นเป็น ประเทศที่มีชนชั้นกลางหนาแน่นอันดับ 3 ของโลก
คำจำกัดความ “ชนชั้นกลางจีน” ก็คือ ประชาชนที่มีรายได้ตั้งแต่ 60,000-106,000 หยวนต่อปี 9,000-16,000 ดอลลาร์ ราว 279,000-496,000 บาท เป็นชนชั้นกลางระดับล่าง และ ชนชั้นกลางระดับบน มีรายได้ตั้งแต่ 106,000-229,000 หยวนต่อปี 16,000-34,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 469,000 บาท ถึง 1.05 ล้านบาท ก็เป็นตัวเลขที่พอๆกับไทย
ดร.เอกนิติ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า การพิจารณาปรับปรุงรายการลดหย่อนและค่ายกเว้นภาษีที่กรมกำลังพิจารณาอยู่นั้น จะให้นํ้าหนัก “ลดภาระภาษีแก่ชนชั้นกลางให้มากขึ้น” จากปัจจุบันผู้มีรายได้สูงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีมากกว่า โดยรวมๆแล้ว เงินลดหย่อนยกเว้นทั้งหมดทุกรายการเป็นวงเงินสูงสุด 2 ล้านบาทคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากค่าลดหย่อนก็คือ คนรวย 20% แรกของประเทศ
ผมเสียดายที่ กรมสรรพากร ไม่มีการ เปิดเผยรายชื่อผู้เสียภาษี เหมือนประเทศอื่นจะได้รู้ว่า มหาเศรษฐีไทยที่ไปติดอันดับมหาเศรษฐีโลก เขาเสียภาษีให้ประเทศไทยเท่าไหร่ มีใครติดชาร์ตท็อปเทนผู้เสียภาษีสูงสุดในเมืองไทยบ้าง เห็นมีแต่ มนุษย์เงินเดือน ที่จ่ายภาษีให้รัฐบาลเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ไม่ค่อยได้รับการเหลียวแลเลย
ชนชั้นกลาง คือ ชนชั้นที่จ่ายภาษีเลี้ยงประเทศ มีกำลังซื้อสูง เป็นชนชั้นที่ช่วยลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ประเทศที่เจริญมาก จึงมีชนชั้นกลางมาก ความเหลื่อมลํ้าน้อย ประชาชนจึงอยู่กันสุขสบาย แต่การ “สร้างชนชั้นกลาง” เป็นเรื่องที่ยาก รัฐบาลต้องเข้าใจโครงสร้าง ไม่งั้นสร้างไม่ได้ ชนชั้นกลางทุกประเทศ คือ เสาหลักของประเทศ ไม่ใช่มหาเศรษฐีไม่กี่คน วันนี้ผมเชียร์ชนชั้นกลางสุดตัวเลยครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”