หลัง พ.ศ.2529 อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว อาจารย์เสยย์ เกิดเจริญ ร่วมกันสอบชำระต้นฉบับตัวเขียนนิราศเมืองเพชรฉบับตัวเขียน ได้ไม่นาน อาจารย์ล้อมเขียนลงใน “ศิลปวัฒนธรรม”“โคตรญาติสุนทรภู่ บรรพชนเป็น พราหมณ์เมืองเพชร”(พราหมณ์สมอพลือ ทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตต์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ย.2561)“เพราะกรุงแตกแยกย้ายพลัดพรายกัน จึงสิ้นพันธุ์พงศาเอกากาย ที่เหล่ากอหลอเหลือให้เนื้อญาติ เป็นเชื้อชาติชาวเพชรบุรียังมีหลาย แต่สิ้นปู่ย่าพวกตายาย ญาติทั้งหลายมิได้รู้เรื่องโบราณ แต่ตัวเราเข้าใจได้ไถ่ถาม จึงแจ้งความเทือกเถาจนเอาวสานจะบอกเล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน ก็เกรงท่านทั้งหลายละอายครัน”สุนทรภู่ เกิด 26 มิ.ย.2329 บรรพชนรุ่นบิดามารดา เป็นข้าอยู่ในกรมพระราชวังหลัง หลังเสียกรุงศรีอยุธยา 19 ปี เรื่องเสียกรุงยังเป็นแผลสด เจ็บในใจถ้าพูดออกไป ก็เหมือนตอกย้ำซ้ำเติมกันความจริงอันใด...เป็นเหตุให้สุนทรภู่เขียนว่า “จะบอกเล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน ก็เกรงท่านทั้งหลายละอายครัน” เป็นประเด็นที่ ทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตต์ ตั้งเป็นข้อกังขาสุนทรภู่ มีญาติเป็นคนตระกูลสูง เข้าใจความเป็นมาของเทือกเถาเหล่ากอ ที่เป็นเชื้อสายพราหมณ์เมืองเพชรทั้งหมด ว่า ใครเป็นใครทำไม สุนทรภู่กลัวว่าญาติเมืองเพชรจะละอาย บรรพชนพราหมณ์เมืองเพชรทำสิ่งให้น่าอายหรือ?กลอนวรรคนี้ ทำให้ไพล่ไปทบทวนลำดับข้อความ เรื่องพราหมณ์สมอพลือซึ่งก็พบความเชื่อมโยง ตระกูลพราหมณ์สมอพลือ พราหมณ์ เมืองเพชร และราชนิกุลเชื้อสายพราหมณ์ในสมัยอยุธยา มีสัมพันธภาพโยงใยต่อกันอย่างแนบแน่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายสุนทรภู่ อาจมีเชื้อสายพราหมณ์สมอพลือด้วยก็เป็นได้เพราะขนบธรรมเนียมพราหมณ์โบราณสืบตระกูลเผ่าพงศ์กับคนตระกูลพราหมณ์ ในลักษณะวงศ์เทวัญ คือแต่งงานในหมู่ญาติกันเองเรื่องน่าอาย...ที่สุนทรภู่รู้ อาจเกี่ยวข้องกับราชสำนัก ตอนที่กรุงศรีอยุธยาล่มสลาย จนเสียแผ่นดิน กล่าวคือ เจ้าเอกทัศ หรือสมเด็จพระที่นั่งสุริยาอมรินทร์ กษัตริย์องค์สุดท้ายเป็นพระราชโอรสของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกับพระมเหสีเอก พระพันวัสสาน้อย และพระพันวัสสาใหญ่พระมเหสีทั้งสองพระองค์ เป็นบุตรี เจ้าพระยาบำเรอภูธร (นายทรงบาศ) เชื้อสายพราหมณ์สมอพลือทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตต์ สันนิษฐาน บรรดาญาติที่เมืองเพชร รวมถึงตัวสุนทรภู่เอง อาจเป็นเทือกเขาเหล่าก่อเดียวกับพระพันวัสสาน้อย พระพันวัสสาใหญ่สองพระมเหสีพระที่นั่งสุริยาอมรินทร์ กษัตริย์ผู้ปักใจกันว่า ทำให้ไทยเสียแผ่นดินให้พม่าถ้าเป็นเช่นนี้ เรื่องที่สุนทรภู่อยากเล่า แต่เล่าไม่ได้ “เพราะเกรงท่านทั้งหลายละอายครัน” มาจากเรื่องการเมือง ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ที่ฝ่ายญาติพราหมณ์เพชรบุรี ทำไว้แต่ประการใดเลยเรื่องน่าอาย ของพรรคการเมืองไทยตอนนี้...อยู่ที่คำว่า “พรรคทหาร” ขนาดพรรคมิตรรักนักเพลงกอดคอกรำสงครามมาด้วยกัน...ยังตีตัวออกห่างใครหนา? เป็นตัวการ ทำให้คำ “ทหาร” ที่เคยน่ารักในหลายๆครั้ง กลายเป็นทหารที่น่าชังไปได้...ใครนะใคร...หรือว่า จะเป็นคนใกล้ตัว.กิเลน ประลองเชิง