เสียงตอบโต้กันระหว่างนักการเมืองต่างพรรค ที่ดังมากขึ้นทุกขณะ ทำให้ย้อนระลึกถึงบรรยากาศทางการเมืองเก่าๆ ที่นักการเมืองผู้ถือคติ “ปากเป็นเอก” ใช้ปากเป็นอาวุธในการจูงใจประชาชนให้เลื่อมใสศรัทธา และเชือดเฉือนคู่แข่ง เป็นการตอบโต้ทั้งเรื่องส่วนตัวและปัญหาการเมือง มีน้อยครั้งที่จะเป็นการโต้เถียงเรื่องนโยบายบริหารประเทศ
ฤดูการเลือกตั้งนี้มีการเปลี่ยนคู่กัดใหม่ จากพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่วันนี้ส่วนใหญ่เป็นการตอบโต้ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ ที่โตแบบก้าวกระโดด กลายเป็นคู่แข่งเพื่อไทยทันที เพราะประกาศสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ คสช. และสนับสนุนหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วน ปชป.กลายเป็นอันดับ 3
การปะทะคารมของนักการเมืองเป็นเรื่องปกติ ถือว่าเป็นสีสัน มิฉะนั้นการหาเสียงจะขาดชีวิตชีวา จืดชืดไม่น่าสนใจแต่ต้องระวังอย่าล้ำเส้น กลายเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ เช่น อาจเข้าข่าย “ใส่ร้ายด้วยความเท็จ” หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการ เมือง ผู้ฝ่าฝืนอาจต้องโทษอาญาถึงติดคุก
จากการติดตามข่าวการสวนหมัดของนักการเมือง แกนนำบางพรรคอ้างว่าพรรคของตนมีกระแสความนิยมดี จะกวาดที่นั่งทั้งจังหวัดหรือทั้งภาค จะได้ที่นั่งในสภาถึง 150 ที่นั่ง จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง ถูกแกนนำพรรคคู่แข่งตอบโต้ว่าไม่มีทางได้ถึง 150 ที่นั่ง แต่พรรคของตนกับพรรคพันธมิตร อาจได้ถึง 300 ที่นั่ง
คำพูดลักษณะนี้เข้าข่าย “จูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม” หรือไม่ ถ้าเข้าข่ายอาจต้องโดนโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี เช่นเดียวกับการใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือกรณีที่กล่าวหาว่าปลัดจังหวัดคนหนึ่ง ซึ่งเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคหนึ่งสั่งกำนันผู้ใหญ่บ้านเก็บบัตรประชาชนแลกเงิน 500 บาท ก็ผิดกฎหมาย
...
ผู้ถูกกล่าวหาอาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ฐานซื้อเสียงล่วงหน้า หรือให้สินจ้างประชาชน เพื่อจูงใจให้เป็นสมาชิกพรรค เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องตรวจสอบ แต่ถ้าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริง ผู้กล่าวหาอาจเข้าข่ายกระทำการอันเป็นเท็จ เพื่อให้คนเข้าใจว่าผู้สมัครทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีโทษทั้งจำคุกตั้งแต่ไม่เกิน 2 ปีถึง 10 ปี
กฎหมายเลือกตั้งยังกำหนดความผิดใหม่ๆไว้มากขึ้น รวมทั้งความผิดเดิมๆ กฎหมายถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ผู้ฝ่าฝืนจึงต้องรับโทษ เพื่อให้นักการเมืองและการเมืองไทยสะอาดโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต เข้าสู่อำนาจโดยวิถีที่ชอบธรรม มิฉะนั้นนักการเมืองอาจถูกกล่าวหาชั่วร้าย และอ้างเป็นเหตุเพื่อยึดอำนาจประชาชน.