การหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากจะมีการทะเลาะกันด้วยเรื่องส่วนตัว และการเมืองพอหอมปากหอมคอแล้ว มีนิมิตหมายที่ดีอย่างหนึ่ง นั่นก็คือหลายพรรคแข่งขันเสนอนโยบายแก้ปัญหาของประเทศ แม้จะยังแข่งขันเน้นนโยบายประชานิยมที่เรียกกันว่า ลดแลกแจกแถม แต่หลายพรรคเสนอนโยบายสำคัญของชาติ เช่น การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ในเวทีเสวนาแห่งหนึ่ง มีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมหลายพรรค ทุกพรรคต่างเสนอแนวนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ เช่น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอ 7 ประเด็น เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนเป้าหมายในการบริหารเศรษฐกิจ ไม่มุ่งการเติบโตของจีดีพี แต่รายได้ภาคการเกษตรตกต่ำ ต้องกระจายรายได้ และเปลี่ยนตัวชี้วัดเศรษฐกิจ เป็นความเป็นอยู่ของคนที่ดีขึ้น
ในเวทีเดียวกัน หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่พูดถึงความอยุติธรรมที่กดทับสังคมไทย เช่น มหาวิทยาลัยได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ 2 หมื่นล้านบาท แต่มหาวิทยาลัยราชภัฏได้เพียง 1.9 พันล้าน พูดถึงกลุ่มทุนผูกขาด ทหาร และชนชั้นนำอนุรักษนิยม ที่รวมตัวกันผูกขาดทางการเมืองและเศรษฐกิจมาช้านาน จึงต้องแก้ปัญหาถึงระดับโครงสร้าง กระจายอำนาจออกจากรัฐรวมศูนย์
นักเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ดร.บัณฑิต นิจถาวร ชี้ว่า สาเหตุสำคัญของความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากในสิบปีที่ผ่านมา การจัดสรรรายได้ให้คนกลุ่มต่างๆมีความเหลื่อมล้ำมาก คนส่วนน้อยได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับส่วนแบ่งที่เป็นธรรม การแก้ปัญหาจะต้องเริ่มต้นด้วยการยอมรับว่า ไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรง
ขั้นตอนต่อไปคือการแก้ปัญหาให้ถูกทาง ไม่ใช่แค่การลดแลกแจกแถม ต้องใช้นโยบายเศรษฐกิจเสรีที่มีการแข่งขันไม่ใช่ผูกขาด ต้องปฏิรูประบบภาษีให้เป็นธรรม ให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพเป็นต้น แต่รัฐบาลไม่ยอมรับว่าไทยมีความเหลื่อมล้ำอันดับหนึ่งของโลก อ้างว่าเป็นข้อมูลเก่า หมายความว่าดีอยู่แล้วไม่ต้องแก้ปัญหา แจกเงินคนจนดีกว่า
...
เพื่อความเป็นธรรม ต้องยอมรับว่าไม่ใช่แค่รัฐบาล คสช.ที่ไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำถึงต้นตอ รัฐบาลอื่นๆก็เช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่จะเสพติดนโยบายแจกเงิน แม้จะแก้ปัญหาแบบยั่งยืนไม่ได้ แต่ทำคะแนน นิยมรัฐบาลพุ่งทันที และมีสิทธิชนะการเลือกตั้ง เท่ากับว่ารัฐบาลส่วนใหญ่ต่างมอมเมา ประชาชนให้เสพติดของฟรี
นักการเมืองและนักวิชาการ เสนอแนะให้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำถึงต้นตอ แก้โครงสร้างเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมไทย นักวิชาการบางคนชี้ว่าในกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เกิดกลุ่มทุนใหญ่ผูกขาด สถาปนาอำนาจครอบงำภาคเศรษฐกิจสำคัญๆ ของประเทศ และแผ่อิทธิพลการเมือง ฉะนั้น ถ้าจะแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำต้องใช้ความกล้าหาญทางการเมือง.