ช่วงนี้นักการเมืองเคลื่อนไหวกันคึกคักมากขึ้น เพื่อเตรียมเลือกตั้งกุมภาพันธ์ปีหน้า หลังจากการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย 2 กุมภาพันธ์ 2557 ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะปฏิวัติในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นับถึงวันเลือกตั้งใหม่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 คนไทยไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมานานถึง 5 ปีกับ 22 วันแล้ว นานมากจน คนรุ่นใหม่ที่มีอายุครบ 18 ปีมีสิทธิเลือกตั้ง ในช่วง 5 ปีนี้ ไม่รู้ว่าประชาธิปไตยคืออะไร การเลือกตั้งคืออะไร ต้องนับหนึ่งกันใหม่หมด
แม้แต่พรรคการเมืองเก่าก็ต้องนับหนึ่งใหม่ เพราะกรรมการบริหารพรรคและสาขาพรรคถูกคำสั่ง คสช.ยุบไปหมดแล้ว มีแต่ชื่อพรรคกับหัวหน้าพรรค
เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ไปแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “หนึ่งองศาขยับ ปรับเปลี่ยนประเทศไทย กำลังคนคุณภาพกับการปฏิรูปประเทศเชิงบูรณาการ” ว่าต้องปรับเปลี่ยนส่วนราชการให้มีขนาดองค์กรเล็กลง แต่ต้องมีคุณภาพ เรื่องนี้พูดมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี การปรับกองทัพให้เล็กลง มีนายพลประจำการที่ไม่มีงานทำน้อยลง ทำหน่วยราชการให้เล็กลง แต่มีคุณภาพมากขึ้น จนถึงวันนี้ผู้นำรัฐบาลก็ยังพูดคำเดิม
ตอนหนึ่ง นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลกระจายอำนาจไปท้องถิ่นกว่า 200-300 กิจกรรม ให้ท้องถิ่นไปทำเอง หลายคนไม่รู้ก็กลับมาด่ารัฐบาล ด่านายกฯ เรื่องถนนในหมู่บ้านชำรุด ก็กลับมาด่านายกฯ คนในพื้นที่ไม่โดนด่า เรื่องนี้มันเกิดจากประชาธิปไตยที่ถูกบิดเบือน อบต.อบจ. หรือเทศบาล นายกฯไม่ได้เป็นคนเลือก แต่ประชาชนเป็นผู้เลือกขึ้นมา
“ก่อนเลือกตั้ง ผมอยากให้ท้องถิ่นมีการอบรมหลักสูตรต่างๆ รัฐบาลพร้อมสนับสนุน ไม่ใช่เพื่อให้มารักผม เลือกตั้งใครยังไม่รู้ แต่ให้เขารู้ว่าบ้านเมืองจะต้องไปอย่างไร อธิบายว่าท้องถิ่นต้องทำอะไร ให้ประชาชนเข้าใจ ต้องมีการเสวนาในลักษณะนี้ในทุกจังหวัด เอาข้าราชการ ประชาชน และท้องถิ่นทุกประเภทมาคุยกัน ไม่อย่างนั้นคุยแต่ละพวกเกิดยาก เราต้องเร่งตรงนี้ภายใน 3 เดือน ต้องทำให้เร็ว ไม่อย่างนั้นเป็นปัญหาขัดแย้งไปหมด เดี๋ยวจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นอีก”
...
ผมเห็นด้วยกับนายกฯทุกประการ รัฐบาลจำเป็นต้องให้ความรู้เรื่อง “ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง” แก่ประชาชน การที่เขาด่านายกฯ เรื่องถนนชำรุด ก็เพราะเขาไม่รู้ คิดว่านายกฯมีอำนาจช่วยได้ ผมเสียดายเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนได้เรียนรู้เรื่องประชาธิปไตยน้อยมาก จึงยังมีความเข้าใจที่ผิด คิดพึ่งคนมีอำนาจเหมือนเดิม โดยไม่รู้ว่าตัวเองก็มีอำนาจ
อีกด้านหนึ่ง นายกฯ ก็ต้องยอมรับว่า 5 ปีของรัฐบาล คสช. การปฏิรูปที่ล้มเหลวที่สุด ก็คือ “การศึกษา” จนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ต้องแยก “การศึกษาระดับมหาวิทยาลัย” ออกมาจาก กระทรวงศึกษาฯ เพื่อตั้งเป็นกระทรวงใหม่ชื่อ กระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม เพราะเพิ่งรู้ว่า ระบบการศึกษา ของ กระทรวงศึกษาฯ ที่ปฏิรูปกันมา 5 ปี ไม่สามารถตอบโจทย์ประเทศและนโยบายของรัฐบาล เรื่อง “ไทยแลนด์ 4.0” ได้
เรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ทำให้ ประชาชนรากหญ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจประชาธิปไตย ก็คือความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ที่รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขได้ จนต้องมีการ “ขึ้นทะเบียนคนจน 11.4 ล้านคน” เพื่อ “แจกเงินช่วยเหลือรายเดือน” ล่าสุดได้เพิ่มการช่วยเหลือด้วยการ “คืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้เดือนละ 500 บาท” แต่มีข้อแม้ ต้องใช้จ่ายเดือนละ 7,000-8,000 บาท ก็ไม่รู้ว่าการให้ภาษีคืน เดือนละ 500 บาท แลกกับการใช้จ่ายเดือนละ 7-8 พันบาท จะช่วยให้คนจน 11.4 ล้านคนหายจนได้อย่างไร
เหลือเวลาอีก 5 เดือนเศษ ก็จะเลือกตั้งแล้ว ผมเห็นด้วยกับนายกฯ ว่าต้องเร่งให้ความรู้เรื่อง “ประชาธิปไตย” ที่ถูกต้องแก่ประชาชน มิฉะนั้นก็จะเหมือนเดิมอีก
ป.ล. ผมเขียนในฉบับวันจันทร์ที่ 10 กันยายน แจ็ค หม่า จะลงจากตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารอาลีบาบากรุ๊ป ในวันที่ 10 กันยายน ตามข่าว นสพ.นิวยอร์กไทมส์ ที่อ้างว่าได้สัมภาษณ์ แจ็ค หม่า แต่วันจันทร์ที่ 10 กันยายน แจ็ค หม่า ส่งจดหมายถึงลูกค้าและ
ผู้ถือหุ้นแจ้งว่า จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 10 กันยายน 2019 ปีหน้าโน่น ไม่ใช่ปีนี้ครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”