ผมกับเพื่อนชวนกันจะไปเที่ยวสิงคโปร์ ก็คุยกันว่าจะไปเที่ยวจุดไหนบ้าง แน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องอาหารการกิน เลยเข้าไปส่องดูในเว็บไซต์มิชลินไกด์ (สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มิชลินเข้าไปจัดทำคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก ส่วนไทยเป็นประเทศที่ 2 เพิ่งจัดครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ร้านเจ๊ไฝดังระเบิดระเบ้อ) ซึ่งปีนี้มิชลินไกด์เพิ่งประกาศผลร้านอาหารแนะนำในสิงคโปร์เมื่อปลายเดือน ก.ค. ในหมวดร้านอาหารเปิดใหม่ที่น่าไปลองชิมมีร้านหนึ่งที่ผมเห็นชื่อแล้วสะดุดตาทันที คือร้าน Un-Yang-Kor-Dai by PENLAO หรือร้านอันหยังก็ได้ บาย เป็นลาว ตั้งอยู่ที่ถนนเซาท์บริดจ์
ร้าน “อันหยังก็ได้” เป็น ร้านอาหารไทยอีสาน และเป็นแบรนด์น้องของร้าน “เป็นลาว” ทั้งร้านพี่ร้านน้องตั้งอยู่ที่เขาใหญ่ โคราช ผมยังไม่เคยไปชิม แต่ได้ยินหลายคนชมว่ารสชาติอาหารอร่อย ที่ผมบอกว่าเห็นชื่อร้านในมิชลินไกด์แล้วสะดุดตาสะดุดใจก็เพราะร้านอันหยังก็ได้เพิ่งเปิดเมื่อปลายปี 2559 คอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” ในไทยรัฐ ก็เคยเขียนถึง ไม่อยากเชื่อเลยว่า ใช้เวลาไม่ถึง 2 ปีก็ขยายสาขาไปถึงสิงคโปร์ แถมยังผ่านเข้ารอบได้รับคำแนะนำในมิชลินไกด์ด้วย (อันหยังกะได้ อาหารไทยสายพันธุ์ลาว โดย คุณชายตะลอนชิม)
...
พอหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมเมื่อรู้ว่าร้านอันหยังก็ได้ สาขาสิงคโปร์ เพิ่งเปิดร้านเมื่อ วันที่ 5 พ.ค.2561 ไม่ได้เป็นร้านแพงร้านหรูประเภทไฟน์ไดนิ่ง แต่ทำร้านบรรยากาศสบายๆ ราคาไม่หนักกระเป๋า เปิดร้านได้แค่ 3 เดือนก็เข้าตามิชลินซะแล้ว ทั้งยังผ่านการทดสอบเข้ารอบเป็นร้านอาหารแนะนำซะด้วย แสดงว่ากระแสแรงจริง และรสชาติได้มาตรฐาน แม้กระทั่ง รัฐมนตรีกลาโหมของสิงคโปร์ ก็เคยย่องไปกินเป็นการส่วนตัวด้วย
ย้อนไปดูข่าววันเปิดสาขาสิงคโปร์ คุณพันชนะ วัฒนเสถียร เจ้าของร้าน “อันหยังก็ได้” และ “เป็นลาว” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเสน่ห์ของอาหารไทยอีสาน เมนูจานเด็ด รวมถึงเรื่องราวความเป็นมาของร้าน ซึ่งแนวคิดของคุณพันชนะในการทำร้านอันหยังก็ได้และร้านเป็นลาวต้องการให้เป็นร้านอาหารเพื่อชุมชน (community restaurant) พนักงานในร้านจะมีคน 3 วัย ทั้งคนสูงอายุ คนวัยทำงาน และเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน รวมถึงนักเรียน นักศึกษา ที่มาทำงานหารายได้พิเศษในช่วงวันหยุด
ด้วยความเป็นร้านอาหารเพื่อชุมชน คงจะถูกจริตกับคนสิงคโปร์ และตรงกับเทรนด์ของร้านอาหารยุคปัจจุบัน ทำให้ร้านสาขาสิงคโปร์ได้รับกระแสตอบรับแรงและเร็ว
ความเท่อีกอย่างที่ผมชอบคือ ร้านอันหยังก็ได้สาขาสิงคโปร์เป็นร้าน แฟรนไชส์ (ลักษณะเดียวกับร้าน Somtum Der ส้มตำเด้อ ที่ขายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศ ซึ่งร้านส้มตำเด้อที่นิวยอร์กเคยได้มิชลิน 1 ดาวเมื่อปี 2559 ส่วนร้านอาหารไทยในสิงคโปร์ที่มิชลินไกด์เคยแนะนำก็มีร้านลองชิม กับร้านหญิงไทย)
การเป็นร้านแฟรนไชส์นั้นอาหารต้องปรุงตามสูตรที่กำหนด วัตถุดิบต้องซื้อจากผู้นำเข้าสินค้าจากประเทศไทย โดยมี เชฟใหญ่ เชฟรอง และ เชฟตำส้มตำ ผลัดเปลี่ยนกันไปคุมรสชาติอาหาร นอกจากนี้มีเมนูอีกส่วนหนึ่งที่คิดสูตรขึ้นใหม่เพื่อให้ถูกปากลูกค้าสิงคโปร์ โดยเฉพาะซีฟู้ด
เมนูที่มิชลินไกด์แนะนำต้องไปกิน ได้แก่ ไก่ย่างสมุนไพร ตำไทยกุ้งสด ต้มยำกุ้ง คอหมูย่างจิ้มแจ่ว และ ข้าวเหนียวดำ น่าเสียดายไม่ได้แนะนำ ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ไว้ด้วย คงกลัวรสชาติจัดจ้านเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยว
ถ้าผมกับเพื่อนไม่เลิกล้มความตั้งใจซะก่อน รับรองว่าจะแวะไปลองชิมแน่ แล้วจะซอกแซกหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง และอยากฝากถึงรัฐบาลหากคิดผลักดันครัวไทยสู่ครัวโลก ต้องส่งเสริมการทำร้านให้เจ๋งจริงได้อย่างนี้ หรือบรรดาสตาร์ตอัพที่อยากประสบความสำเร็จ ก็ต้องมองตลาดให้ออกและมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนครับ.
ลมกรด