น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อ วารสาร “การเงินธนาคาร” ฉบับเดือนกรกฎาคม ทำเรื่องกลยุทธ์การบริหารความมั่งคั่ง Private Banking ของธนาคารพาณิชย์ไทย พบว่า ปี 2016 ประเทศไทยมีเศรษฐีระดับ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 33.25 ล้านบาทขึ้นไปมากถึง 107,860 คน มีความมั่งคั่งรวมกันสูงถึง 548,070 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 18.22 ล้านล้านบาท (คิดที่อัตรา 33.25 บาทต่อดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 13.3% จากปี 2015 เติบโตสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจาก สิงคโปร์

ใครอยากรู้ว่า Private Banking ของธนาคารขนาดใหญ่และขนาดกลางในเมืองไทย มีบริการสร้างความมั่งคั่งอะไรบ้าง ต้องไปอ่านเอาเอง

ข้อมูลความมั่งคั่งของเศรษฐีไทย เป็นรายงานจาก World Wealth Report 2018 ของ Capgemini ที่วิจัยเรื่องแนวโน้มการบริหารความมั่งคั่ง โดยปี 2018 นี้ แคพเจมินิ สำรวจความมั่งคั่งของบุคลากรจาก 71 ประเทศ ที่มีส่วนแบ่งรายได้ประชาชาติสูงถึง 98% ของโลก และมีส่วนแบ่ง 99% ของมูลค่าหุ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก พบว่า ความมั่งคั่งของเศรษฐีโลกในปี 2017 เพิ่มขึ้น 27.4% และ ไตรมาสแรกของปี 2018 ความมั่งคั่งของเศรษฐีโลกเพิ่มขึ้นอีก 30.9% รวยกันไม่รู้เรื่องจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น

เมื่อวันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม ราคาหุ้น “อเมซอน” ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ ทำให้ เจฟฟ์ เบซอส เจ้าของอเมซอนกลายเป็น บุคคลที่รวยที่สุดในโลก จากรายงาน Real time net worth ของ นิตยสารฟอร์บสสหรัฐฯ มีความมั่งคั่ง กว่า 151,400 ล้านดอลลาร์ 5.034 ล้านล้านบาท ก่อนที่ความร่ำรวยจะลดลงมานิดหน่อยตอนปิดตลาดหุ้นที่ 149,700 ล้านดอลลาร์ 4.977 ล้านล้านบาท รวยจน เจฟฟ์ เบซอส คงนึกไม่ออกว่า เงิน 1 ดอลลาร์จะมีค่าเท่าไร

รายงานของแคพเจมินิ ระบุว่า จากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกในปีที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าหุ้นทั่วโลกขึ้นไปอยู่ที่ 70.2 ล้านล้านดอลลาร์ (คูณ 33.25 บาทต่อดอลลาร์) 2,334.15 ล้านล้านบาท โดย ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค รวม ประเทศไทย ด้วย มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นสูงสุดอันดับ 1 เป็น 21.6 ล้านล้านดอลลาร์ 718.2 ล้านล้านบาท โดยมี จีน อินเดีย เป็นสองประเทศที่ขับเคลื่อนความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นสูงสุด (สองประเทศมีประชากรรวมกัน 2,800 ล้านคน)

...

อันดับ 2 อเมริกาเหนือ 19.8 ล้านล้านดอลลาร์ อันดับ 3 ยุโรป 15.9 ล้านล้านดอลลาร์ อันดับ 4 ละตินอเมริกา 8.7 ล้านล้านดอลลาร์ อันดับ 5 ตะวันออกกลาง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ อันดับ 6 แอฟริกา 1.7 ล้านล้านดอลลาร์

รายงานของ แคพเจมินิ ยังคาดการณ์ด้วยว่า ความมั่งคั่งของเศรษฐีโลก ที่มีเงินอย่างน้อย 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯขึ้นไป จะเพิ่มขึ้นถึง 100 ล้านล้านดอลลาร์ 3,325 ล้านล้านบาท ในปี 2025 แสดงว่า เศรษฐกิจโลกจากปีนี้ไปยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไม่มีวี่แววว่าจะเกิด ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตามที่มีผู้คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า

ได้เห็นความมั่งคั่งของเศรษฐีใน แต่ละภูมิภาคแล้ว ลองไปดูอีกนิดว่าแต่ละภูมิภาคมีเศรษฐี 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปกี่คน เห็นตัวเลขแล้วก็น่าตื่นตะลึงเหมือนกัน

อันดับ 1 เอเชียแปซิฟิก 3.37 ล้านคน อันดับ 2 อเมริกาเหนือ 3.35 ล้านคน อันดับ 3 ยุโรป 3.17 ล้านคน อันดับ 4 ละตินอเมริกา 0.50 ล้านคน อันดับ 5 ตะวันออกกลาง 0.45 ล้านคน อันดับ 6 แอฟริกา 0.12 ล้านคน รวมทั้งโลกมีเศรษฐี 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป เพียง 10.96 ล้านคน

เห็นตัวเลขความมั่งคั่งเหล่านี้แล้ว ผมก็นึกถึงรายงานล่าสุดของ OXFAM องค์กรระหว่างประเทศที่ตั้งขึ้นมาแก้ปัญหาความยากจนของโลก ที่ระบุว่า 82% ของความมั่งคั่งรวมของประชากรโลกตกอยู่ในมือของคนรวยเพียง 1% แต่ละปี มูลค่าทรัพย์สินของคนรวยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 13% แต่มูลค่าทรัพย์สินของคนจนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2% ต่างกันถึง
6.5 เท่า จนไม่มีวันที่จะเอื้อมถึงกันได้

ปัญหาของโลกวันนี้ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะ ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำนี้ลงได้ ผมคิดว่า เป็นเรื่องใหญ่ของรัฐบาลทั่วโลก รวมทั้ง รัฐบาลไทย ที่จะต้องเร่งแก้ไขด้วยการ พัฒนาประเทศให้ถูกทาง เพิ่มความมั่งคั่งระดับล่างให้มากที่สุด ไม่ใช่ระดับบน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”