สงครามการค้า ระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน ที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ก่อขึ้นมา กำลังเพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีกระลอก มูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ราว 3.2 ล้านล้านบาท หลังจากที่ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ออกมาตรการตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนกว่า 1,300 รายการ มูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ของสหรัฐฯในระลอกแรก ด้วยการโจมตีจุดคี้มึ้งของสหรัฐฯคือ ภาคการเกษตรสหรัฐฯ ที่มี จีน เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด ทั้ง ถั่วเหลือง เนื้อหมู เนื้อวัว ฝ้าย ข้าวโพด ข้าวสาลี

ไม่ว่าจะมองมุมไหน สงครามการค้าครั้งนี้ ผมคิดว่าสหรัฐฯเสียเปรียบจีนแน่นอน

ทันทีที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้าจีนระลอกสอง มูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ก็ร่วงผล็อยลงทันทีเมื่อวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แดงเถือกทั้งกระดาน ทั้งหุ้นใหญ่หุ้นเล็ก ติดลบไปกว่า 572 จุด 2.34 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 160,000 ล้านดอลลาร์ ราว 5.2 ล้านล้านบาท ถ้าคิดจากมูลค่าหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้งหมดกว่า 30 ล้านล้านดอลลาร์ ความเสียหายเมื่อวันศุกร์วันเดียวจะเพิ่มขึ้นเป็น 700,000 ล้านดอลลาร์ ราว 22.46 ล้านล้านบาท

แค่ยกแรก อเมริกันก็บาดเจ็บสาหัสจนกระอักเลือด กันเป็นแถว

การเลือกโจมตีภาคการเกษตรของสหรัฐฯครั้งนี้ นับว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีแผนยุทธศาสตร์ลึกซึ้งมาก เหมือนดัง ตำราพิชัยสงครามของซุนวู ที่กล่าวไว้ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” การเลือกโจมตีภาคการเกษตรของสหรัฐฯของ ผู้นำจีน ในครั้งนี้ ก็เพื่อส่งผลกระทบไปยัง เกษตรกรสหรัฐฯในแถบมิดเวสต์์ ซึ่งเป็น ฐานเสียงสำคัญ ของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวงกว้าง การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในสมัยหน้า ปี 2020 ทรัมป์ต้องการคะแนนเสียงของเกษตรกรในแถบมิดเวสต์เพิ่มขึ้น เพื่อหวังชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย

...

เป็นที่รู้กันดีว่า รัฐในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯเป็นแหล่งปลูกถั่วเหลืองกว่าร้อยละ 80 ของผลผลิตถั่วเหลืองในสหรัฐฯ และเป็นพืชเกษตรที่เกษตรกรสหรัฐฯปลูกมากเป็นอันดับ 2 รองจากข้าวโพด ที่สำคัญกว่านั้น ถั่วเหลืองกว่า 100 ล้านตันที่ปลูกได้ในแต่ละปี จีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด ซื้อไปกว่า 30 ล้านตัน หรือ 1 ใน 3 ของผลผลิต

ถ้าจีนขึ้นภาษีถั่วเหลืองจากสหรัฐฯเป็นร้อยละ 25 ถั่วเหลืองสหรัฐฯก็จะแพงกว่าถั่วเหลืองจากประเทศอื่น 25 เปอร์เซ็นต์ เกษตรกรถั่วเหลืองในสหรัฐฯเดือดร้อนแน่นอน

แต่การตอบโต้สหรัฐฯของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในครั้งนี้ ไม่ใช่มีแค่ ถั่วเหลือง เท่านั้น ยังขึ้นภาษีสินค้าเกษตรที่สำคัญของสหรัฐฯทั้งหมด ไม่ว่า ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ฝ้าย เนื้อหมู (จีนเป็นตลาดเนื้อหมูใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ปีที่แล้วจีนซื้อเนื้อหมูจากสหรัฐฯกว่า 35,000 ล้านบาท) เนื้อวัว บุหรี่ น้ำส้ม รวมกว่า 100 รายการ ส่งผลให้เกษตรกรสหรัฐฯเดือดร้อนกันทั้งประเทศ เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังสั่งให้ ขึ้นภาษีเครื่องบินจากสหรัฐฯ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ บริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐฯที่มี แอร์บัส เป็นคู่แข่ง รวมทั้งโรงงานสหรัฐฯในจีน เช่น แอปเปิล บริษัทรถยนต์สหรัฐฯ ที่มีฐานผลิตในจีนก็จะได้รับผลกระทบด้วย

แต่การขึ้นภาษีสินค้าจีนกว่า 1,300 รายการของสหรัฐฯ เป็นการขึ้นภาษีสินค้าอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ อากาศยาน หุ่นยนต์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรน้อย

ผมดูยุทธศาสตร์การรบของ ผู้นำสหรัฐฯ กับ ผู้นำจีน ในครั้งนี้แล้ว ขอฟันธงว่าทรัมป์เป็นรอง เพราะสินค้าอุตสาหกรรมจีนส่งไปขายที่ไหนก็ได้ แต่สินค้าเกษตรของสหรัฐฯจะไปหาตลาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคนอย่างจีนได้ที่ไหน แค่จีนไม่ซื้อเนื้อหมูอย่างเดียว สหรัฐฯก็ชักดิ้นชักงอแล้ว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”