เปิดหัวไม่ค่อยสวยหรูเท่าไหร่สำหรับช้างศึกจูเนียร์ 23 ปีไทย ที่เสมอกับมองโกเลียไปแบบเหลือเชื่อ 1-1 ใน ศึกฟุตบอลชิง แชมป์เอเชีย 2018 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก กลุ่มเอช ทั้ง ที่รูปเกมไทยน่าจะเป็นฝ่ายชนะหลายลูก แต่ก็ต้องยอมรับทีเด็ดทีขาดหรือจังหวะสุดท้ายของไทยยังไม่เฉียบคมพอ

แต่จะว่าไปแล้วก็วัดอะไรไม่ได้ เพราะนัดนี้ก่อนการแข่งขันฟ้าฝนดันไม่เป็นใจตกลงมาอย่างหนักจนทำให้น้ำท่วมขังสภาพสนามเละเทะ แต่สุดท้ายแมตช์คอมฯก็มีมติให้แข่งตามเดิม โดยไม่มีการเลื่อนวัน เพียงแต่เลื่อนเวลาแข่งเท่านั้น

ก็คงทำได้แต่เห็นใจและให้กำลังใจทีมงานช้างศึกในการลงสนามนัดที่เหลือ เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุดและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ยังเชื่อฝีไม้ลายมือของ “โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ ที่เคยฝากผลงานมาแล้วหลายรายการ จะพาลูกทีมฝ่านาวาไปได้แน่นอน

อย่างนัดแรกหากสภาพสนามเป็นปกติไม่มีฝนตกชนิดที่น้ำท่วงขัง ก็ยังมั่นใจว่าขุนพลช้างศึกจะเป็นฝ่ายเอาชนะได้ไม่ยากและหลายประตูด้วย

นี่แหละที่บอกว่า “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” จะให้ง่ายเกินไปก็ยังไงอยู่ มีอุปสรรคบ้างจะได้มีบทเรียนเอาไว้แก้ไขในครั้งหน้า หรือรายการสำคัญอย่างซีเกมส์ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า ที่ถือเป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญที่จะพลาดไม่ได้

จะว่าไปแล้วเหตุในวันนั้นหลายคนก็มองไปที่เจ้าของสถานที่ “กรมพลศึกษา” ที่น่าจะปรับปรุงสนามให้เป็นระบบที่ทันสมัยและมีมาตรฐานมากกว่านี้ เพราะสนามแห่งนี้เป็นสนามกีฬาแห่งชาติที่มีความเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์

การที่ฝนตกแค่นี้ ถ้ามีระบบการระบายน้ำที่ดี คงจะไม่เกิดท่วมขังแบบนี้ เห็นจากสนามของหลายสโมสรที่สร้างอย่างเป็นมาตรฐานสมัยใหม่เขาจะมีระบบระบายน้ำที่ดี ถ้าฝนตกไม่กี่ชั่วโมงอย่างไรก็ระบายน้ำได้ทัน ไม่ท่วมขังแบบนี้

...

อยากฝากถึงว่าที่อธิบดีกรมพลศึกษาคนใหม่ “ดร.ปัญญา หาญลำยวง” อย่างไรควรพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เพราะจะทำให้เสียชื่อ “สนามกีฬาแห่งชาติ”

เห็นแล้วเหนื่อยใจแทนครับ คงทำอะไรไม่ได้ คงภาวนาให้ฟ้าฝนเป็นใจกับทีมไทยไม่ตกในนัดที่ไทยลงสนามก็เชื่อว่าช้างศึก 23 ปีจะผ่านเข้ารอบได้ไม่ยาก

เอาใจช่วยครับ.

โจโจ้