ภูมิใจไทยเปิดโรงละครอักษราแถลง ชุดนโยบายหาเสียง “เสี่ยหนู” จัดเต็มประชานิยม ชูจ้างทหาร อาสา 1 แสนนายเงินเดือนหมื่นสอง อ่อยเหยื่อถ้าได้กลับมาดันคนละครึ่ง พลัสหัวละสองพันสี่ ไม่บังคับฝืนใจ “เอกนิติ-ศุภจี” “สิริพงศ์” แจงชัด “อนุทิน” แคนดิเดตนายกฯหนึ่งเดียว “เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์” นั่งรองนายกฯคุมงานเดิม “ยศชนัน-สุริยะ” ยกทีม ศก.คุย ส.อ.ท. ดันเทคโนโลยีช่วยภาคอุตสาหกรรม-SMEs ส่งนโยบายหาเสียงให้ กกต.ตรวจ “เท้ง” ขยาดไม่มีอีกแล้วโหวต “หนู” ซ้ำสอง กล้าธรรม-ปชป.ซัดกันแหลก ปมมี “มาร์ค” ไม่มีเทา “ลุงป้อม” ฝืนสังขารไม่ไหวถอนตัวแคนดิเดตผู้นำ ดัน “ตรีนุช” ขึ้นแท่น ศาล รธน.นัดชี้ชะตา “ภูมิธรรม-ทวี” 21 ม.ค.69 สว.น้ำเงินสลอน โหวต “สุชาติ-มนูภาณ” นั่ง ป.ป.ช.พรรคภูมิใจไทยเปิดโรงละครอักษรา แถลงชุดนโยบายพรรคสำหรับใช้หาเสียงในการเลือกตั้งสส. ขณะที่นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคภูมิใจไทย แคนดิเดตนายกฯของพรรค เป็นนายอนุทินเพียงหนึ่งเดียว ส่วนบุคคลที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านั้น จะมาเป็นรองนายกฯให้ภูมิใจไทยเปิดโรงละครแถลงนโยบายเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ธ.ค. ที่โรงละครอักษรา ศูนย์การค้าคิง เพาเวอร์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จัดประชุมพรรคและแถลงนโยบายในการเลือกตั้ง นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำ อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รวมถึงแกนนำกลุ่มบ้านใหญ่ที่เพิ่งย้ายเข้ามา เช่น นายวราวุธ ศิลปอาชา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายสนธยา คุณปลื้ม นายสุชาติ ชมกลิ่น รวมถึงผู้ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีรายชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯมากันพร้อมหน้าทั้ง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ และว่าที่ผู้ลงรับสมัครเลือกตั้ง สส.ทั้งแบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ 500 คน“หนู” ชูจ้างทหารอาสา 1 แสนนายนายอนุทินกล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พวกเรารู้สึกว่าประชาชนตั้งความคาดหวังไว้สูงกับการทำงานของพรรค วันนี้เรามีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว ไม่ใช่เด็กละอ่อนอีกต่อไป กล้าเสนอคำว่าพูดแล้วทำพลัส เพราะมีความพร้อมสูงสุดทุกด้าน เรามีความสามารถทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างมีเอกภาพ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับข้าราชการ กองทัพ ภัยของประเทศมี 4 ด้าน คือ เศรษฐกิจ สังคม ภัยพิบัติ และภัยความมั่นคง ไม่อยากให้คนไทยต้องกังวลหรือกลัวจะเสียอธิปไตย พรรคจะทำให้ความหวาดระแวงความกลัวของท่าน เปลี่ยนมาเป็นความมั่นคง มั่งคั่ง และเชื่อมั่น เสริมสร้างศักยภาพกองทัพให้เข้มแข็ง จะเปิดโอกาสทหารอาสารับใช้ชาติอย่างสมัครใจ และมีอนาคต เราจะเปลี่ยนคำว่าทหารเกณฑ์เป็นคำว่าทหารอาสา ให้มีทหารที่ตั้งใจเต็มใจปกป้องอธิปไตย โดยจะเปิดรับสมัครทหารอาสา 1 แสนคน รับราชการเป็นทหาร 4 ปี เงินเดือน 12,000 บาท ทำให้ประเทศมีกำลังพล ที่เข้มแข็งอ่อยเหยื่อกลับมาจัดให้คนละ 2,400นายอนุทินกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเรามีนโยบายควิก บิ๊ก วิน ทำโครงการคนละครึ่งพลัส ยังติดประชาชนอยู่คนละ 2,400 บาท ขอให้มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ให้ แน่นอนว่าโครงการนี้จะกลับมาแบบไม่ธรรมดาเพราะมีคำว่าพลัส และที่ผ่านมาเราทำให้เห็นแล้วว่า เราเป็นฝ่ายตรงข้ามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผู้ค้ายาเสพติด ปราบสแกมเมอร์ สามเดือนที่ผ่านมาเราได้แสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์ นำประเทศไทยกลับคืนสู่เวทีโลก รักษาเกียรติภูมิประเทศ “ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยกลับมา ได้ผมเป็นนายกฯ จะให้นายสีหศักดื์เป็นรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ นางศุภจี จะไม่เพียงเป็น รมว.พาณิชย์ แต่จะเป็นรองนายกฯกำกับการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและการค้า นายเอกนิติยังเป็นรองนายกฯ และ รมว.คลัง คุมการคลังแผ่นดิน สิ่งเหล่านี้พรรคภูมิใจไทยไม่เคยมีมาก่อนแต่วันนี้มีแล้ว และนอกเหนือจากสามคนนี้ ยังมีคนมีความรู้ความสามารถที่เชิญเข้ามาร่วมงานกับภูมิใจไทย”บอกไม่บังคับฝืนใจ “เอกนิติ-ศุภจี”“ไม่ต้องห่วงสามท่านนั้นมาแน่ แม้คนจะบอกว่าเขาไม่เป็นแคนดิเดตนายกฯหรือ แต่ไม่สำคัญเพราะผมเป็นนายกฯ แต่ผมอาจเผื่อเหลือเผื่อขาดบ้าง เราไปบังคับจิตใจคนไม่ได้ พวกเราเป็นนักการเมืองคุ้นชินกับการรับแรงปะทะ รับฟังเสียงตำหนิของคนที่เราไม่รู้จัก แต่สามท่านนี้อาจยังไม่ชินแต่เดี๋ยวก็ชิน แต่เที่ยวนี้ขอให้ท่านทำสิ่งที่สบายใจ จะได้กลั่น ผลงานที่ประชาชนประทับใจ ไม่มีความกังวล ไม่มีเอ๊ะ ไม่มีเฮ้ย มีแต่คำว่าสู้ เมื่อเขาได้สั่งสมประสบการณ์ทางการเมืองสักระยะ โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ แล้ววันนั้นเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของเรา วันนี้มองเขาเป็นคนนอกไม่ได้แล้ว เขาอาจไม่ชินระบบแต่การทำงานเขาคือคนใน เป็นเพื่อนร่วมงานของเรา และผมให้คำยืนยันว่าเราทำได้ดีกว่ายิ่งใหญ่กว่า สำเร็จกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา” นายอนุทินกล่าว“สีหศักดิ์” มุ่งพาไทยแถวหน้าเวทีโลกนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ สมาชิกพรรค ภท. กล่าวว่า มารับหน้าที่เข้าเดือนที่ 4 คิดว่ามาถูกทางแล้วเพราะมีผู้นำที่เข้มแข็ง และมีเอกภาพระหว่างทหารกับฝ่ายการทูต เราทำงานร่วมกัน และพูดเป็นเสียงเดียวกัน อีก 4 ปีข้างหน้าหวังว่าไทยจะก้าวพ้นความขัดแย้ง และการต่างประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้าจะสร้างโอกาสให้ประเทศและประชาชนชาวไทย จากการแข่งขันของมหาอำนาจทั้งสหรัฐฯ จีน รัสเซีย อินเดีย และกลุ่มประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก ไทยต้องรักษาความสัมพันธ์กับทุกฝ่ายโดยไม่เลือกข้าง การทูตไทยต้องมองไกลกว่าผลประโยชน์ใกล้ตัว เพื่อสร้างศักดิ์ศรีบนเวทีโลก โดยไทยควรมีบทบาทนำในประเด็นสากล การต่างประเทศของเรา ต้องมุ่งสู่ที่ประเทศไทยจะอยู่ในเวทีโลกอย่างมีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรี และผลักดันผลประโยชน์ของประเทศไทยทุกด้าน เพื่อให้ไทยอยู่ในแนวหน้าของประชาคมโลก และเพื่อให้ไทยเป็นไทยในเวทีโลก“เอกนิติ” ชู 10พลัสพลิกฟื้นเศรษฐกิจนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและ รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเหมือนรถติดหล่ม ตอนเข้ามาเศรษฐกิจดิ่งเหว จีดีพีเหลือแค่ 1.2% ถ้าไม่ทำอะไรเลยจีดีพีจะเหลือ 0.3% เรามีเวลาสี่เดือนจึงเกิดนโยบาย ควิกบิ๊กวิน คนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน ฯลฯ ใช้เวลา 73 วันสามารถทำได้ และเศรษฐกิจไทยพ้นจากรถติดหล่มแล้ว วันนี้ได้รับโจทย์แล้วจะไปต่ออย่างไร ถ้าเราได้ทำต่ออีกสี่ปี 2569-2572 ตั้งใจจะทำให้จีดีพีเกิน 3% พลัส ด้วยนโยบายเศรษฐกิจ 10 พลัส อาทิ เติมชีวิตให้คนตัวเล็กแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เติมชีวิตให้คนตัวเล็ก 13 ล้านราย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส คนละครึ่งพลัส พันธบัตรรัฐบาลออมพลัส ค่าไฟไม่เกิน 3 บาทต่อหน่วย (200 หน่วยแรก) ปิดหนี้ไว ไปต่อได้ (AMC) แมดอินไทยแลนด์ SMEs พลัส เติมทุนให้ ค้ำประกันไว สู้ได้ทุกที่ ลงทุนพลัส เพิ่มการลงทุน รัฐร่วมทุน กระตุ้นโตยาว ผลิตได้ ขายออกพลัส ผลิตของที่ใช่ ขายของที่คนชอบ รัฐฉับไว เศรษฐกิจใหม่ คนไทยแฮปปี้ ฯลฯ“ศุภจี” ดันไทยฮับฮาลาลอาเซียนนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่าตัวเลขจีดีพีทางการเกษตรอยู่ที่ 6% ภาคอุตสาหกรรม 25% และการบริการ 66% ในภาคเกษตรเรามีแรงงานอยู่ 30% แต่หารายได้แค่ 6% เราต้องเพิ่มผลผลิตต้องทำให้ได้มากขึ้น ต้องชูให้เกษตรกรมีความมั่นคงทางรายได้ แทนที่เราจะซื้อเครื่องบินกริพเพน เรือฟริเกต และเครื่องบินพาณิชย์ด้วยเงินสดอย่างเดียว ต้องพูดคุยเอาสินค้าเกษตรไปแลกแบบมีเงื่อนไขบ้าง ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการข้าว (กบข.) อนุมัติงบ 2,000 บาทต่อไร่ ให้ไปทดลองหาปลูกพืชท้ายไร่ ที่ผ่านมามีการหาตลาดไว้รองรับ สินค้าด้วย ผลงาน 2 เดือนที่ผ่านมาอนุมัติไปแล้วถึง 1 ล้านไร่ รวมทั้งมีนโยบายติดปีก SME ให้ประชาชน สร้างสินค้ามูลค่าสูง รวมถึงสนับสนุนการเป็น Multicaster อาทิ ฮาลาล หากไทยสามารถผลักดันตัวเองให้เป็นฮาลาลฮับในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็จะสามารถต่อยอดธุรกิจได้ชัด “อนุทิน” แคนดิเดตนายกฯเดี่ยวนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรค ภท. กล่าวว่าแคนดิเดตนายกฯของพรรค ตามที่นายอนุทินประกาศว่า แคนดิเดตฯมีนายอนุทินเพียงหนึ่งเดียว ส่วนนายเอกนิติ นายสีหศักดิ์ และนางศุภจี จะมาเป็นรองนายกฯ ให้แน่นอน ส่วนความกังวลเรื่องอุบัติเหตุการเมืองนั้น ตอนนี้ยังไม่มีตัวสำรอง เมื่อถามว่าหากต้องมีการร่วมรัฐบาล มีคำตอบหรือยังว่าจะจับมือกับพรรคไหนได้บ้าง นายสิริพงศ์ตอบว่ายัง ต้องดูหลังเลือกตั้ง เมื่อถามว่าหลังเปิดนโยบายแล้วพรรคภูมิใจไทยจะส่งคนไปร่วมดีเบตในเวทีต่างๆหรือไม่ นายสิริพงศ์ ตอบว่ามีไปแน่นอน การดีเบตเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. มีขึ้นก่อนเราแถลงนโยบาย จึงไม่ได้ส่งตัวแทนไป และจากนี้นายอนุทินจะไปร่วมดีเบตหรือไม่ ต้องดูหลายเหตุการณ์ เพราะยังมีภาระที่ต้องทำในฐานะนายกฯ“ยศชนัน–สุริยะ” ขนทีม ศก.คุย ส.อ.ท.ช่วงเช้าที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมทีมเศรษฐกิจพรรค เข้าพบนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. หารือแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจไทยในอนาคต นายเกรียงไกรกล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจประเทศอยู่ในช่วงเปราะบางมาก ปัญหาเศรษฐกิจคือหัวใจ ทุกคนเฝ้ารอนโยบายพลิกฟื้นให้เศรษฐกิจกลับมาเดินได้ ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากปัญหาเทคโนโลยีที่ก้าวเข้ามาทดแทนอุตสาหกรรม ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาความอ่อนแอภาคเอสเอ็มอี นับวันสถานการณ์ทวีความรุนแรง แต่ยังไม่มีมาตรการใดช่วยปกป้องได้ดีพอ เราคาดหวังการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ โครงสร้างของภาคอุตสาหกรรมเพื่อไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้เกิดมูลค่าเพิ่ม สามารถเดินต่อได้อย่างแข็งแรงยั่งยืนดันเทคโนโลยีช่วยภาคอุตสาหกรรมด้านนายยศชนันกล่าวว่า สิ่งที่ ส.อ.ท.ทำเป็นทิศทางที่มีจุดหมายเดียวกับพรรคเพื่อไทย ปัจจุบันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่เครื่อง ยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเรามีอยู่แล้ว สนับสนุนการใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเข้ามาทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเต็มรูปแบบไปสู่การผลิตขั้นสูง ทุกอย่างต้อง เกิดจากการวางรากฐานที่ดี ไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องขยายผลไปสู่การวิจัยและพัฒนาในระดับมหภาค สิ่งสำคัญคือต้องเพิ่มทักษะแรงงานทุกมิติ หากบุคลากรในประเทศไม่พอต้องให้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเข้ามาช่วย ผ่านระบบ One Stop Service หรือไม่ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีข้อได้เปรียบด้านชีววิทยาสังเคราะห์ มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่พร้อมเชื่อมโยงความรู้สู่ภาคเอกชน ให้นำมาใช้จริง รวมถึงการผลักดัน Green Premium ให้อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีต้นทุนแข่งขันได้มากกว่าอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษส่งนโยบายหาเสียงให้ กกต.ตรวจต่อมานายยศชนันให้สัมภาษณ์หลังการหารือว่า พรรคเพื่อไทยได้รับข้อเสนอที่ชัดเจน ทำให้มีความมั่นใจในนโยบาย มีการพูดคุยถึงปัญหารากหญ้าเพื่อให้ทุกคนฟื้นขึ้นมา ทั้งเรื่องหนี้สิน การบริหารจัดการน้ำ การบริหารความเสี่ยงต่างๆ ทำให้คนไทยรองรับอุตสาหกรรมเศรษฐกิจมูลค่าสูงได้ ให้ SMEs ลืมตาอ้าปาก มุ่งเน้นการเสริมศักยภาพกลุ่มสตาร์ตอัพ สิ่งที่ ส.อ.ท.เสนอมาตรงกับนโยบายพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว จะนำข้อเสนอต่างๆมาทำให้ละเอียดยิ่งขึ้นไม่รอให้ถึงการเลือกตั้งสามารถเลือกทำได้เลย คนไทยต้องสามัคคี มองไปข้างหน้า มองประชาชนเป็นที่ตั้ง มองอนาคตประเทศไทย รวมถึงการกิโยตีนกฎหมาย วันนี้จะส่งนโยบายให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่มีพรรคใดเป็นฮีโร่ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลต้องผันตัวเองเป็นผู้อำนวยความสะดวก สนับสนุนให้เอกชนมุ่งไปข้างหน้า ให้เอกชนมีความสามารถในการแข่งขัน เราคือ One Thailandปัด “ตระกูลชิน” ไม่เกี่ยวไฟสงครามเมื่อถามว่าได้หารือถึงมาตรการภาษีสหรัฐฯกับปัญหาเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายยศชนันตอบว่า พูดคุยกันว่าต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ยอมรับว่าเป็นเรื่องน่ากังวล ต้องทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าการที่พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตนายกฯจากเครือญาติตระกูลชินวัตร ทำให้เป็นปัญหาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชามากขึ้นหรือไม่ นายยศชนันตอบว่า ไม่เกี่ยว สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราปราบปรามสแกมเมอร์ในทุกรูปแบบ ทำให้ลดลงได้กว่า 40% ย่อมเกิดความไม่พอใจ เป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ชาวโลกล้อมความขัดแย้งนี้เอาไว้ ให้ประเทศไทยพิสูจน์ตัวเองว่า สิ่งที่ทำถูกต้อง เป็นลักษณะโลกล้อมกัมพูชา ใช้การทูตการทหารไปด้วยกัน จะเป็นสิ่งที่ดีต่อภาคอุตสาหกรรมด้วย การรักชาติก็ต้องรัก Made in Thailand ด้วย เมื่อถามว่าเรื่องกระแสชาตินิยม พรรคเพื่อไทยมักถูกหยิบยกเรื่องปัญหาชายแดนมาโจมตี นายยศชนันตอบว่า เรื่องชาตินิยมต้องไม่ใช่เรื่องพรรคการเมืองใดเอามาล้อเล่น เพราะสำคัญและอ่อนไหวกับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่ทำเรื่อง SMEs“เท้ง” ลั่นไม่มีโหวต “อนุทิน” ซ้ำสองนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ แคนดิเดตนายกฯ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวผ่านรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ตอกย้ำการขอโทษประชาชนจากใจจริงที่ไปโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ รวมถึงความผิดพลาดที่ไม่สามารถผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้สำเร็จ น้อมรับทุกคำวิจารณ์และเข้าใจความรู้สึกผิดหวังของผู้สนับสนุน ชวนให้ทุกคนมองไปข้างหน้า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือคนสิ้นหวังและไม่ออกไปใช้สิทธิ ซึ่งน่ากลัวกว่าการไปเลือกพรรคอื่น เมื่อถามถึงกรณีนายอนุทินยังคงย้ำคำว่า “ฝ่ายค้ำ” นายณัฐพงษ์ตอบว่า เป็นเพียงวาทกรรมตั้งใจพูดคำนี้เพื่อทำลาย เพราะรู้ว่าจุดยืนของพรรคประชาชนเป็นอย่างไร และรู้ว่าจะทำให้ผู้สนับสนุนของพรรคบางส่วนรู้สึกสั่นคลอนหรือไม่ และหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร จะไม่มีเสียง สส.พรรคประชาชนไปโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯอีกแน่ จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก อย่าไปไว้ใจคนที่หักหลังซ้ำสองกล้าธรรมฉะ “มาร์ค” ปลุกแตกแยกวันเดียวกัน นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ โฆษกพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวว่า กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศบนเวทีดีเบตว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรค กธ. ท่าทีดังกล่าวสะท้อนแนวคิดที่มุ่งสร้างความแตกแยก มากกว่าการแสวงหาความสามัคคีเพื่อร่วมกันทำงานให้ประเทศเดินหน้า เชื่อว่าประชาชนยังจดจำบทเรียนในอดีตได้ดี ทั้งการเรียกร้องให้เกิดการปฏิวัติ การบริหารประเทศที่นำไปสู่วิกฤติความขัดแย้ง รวมถึงปัญหาการจัดการที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ที่ถูกตั้งคำถามเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน ตลอดจนความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ มีครั้งหนึ่งที่เคยตระบัดสัตย์ หัวหน้าพรรค ปชป.เคยประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่สุดท้ายมติพรรคกลับเข้าร่วม การเมืองยุคปัจจุบันควรมุ่งสมานฉันท์ สร้างความร่วมมือและความหวังให้กับประชาชน ไม่ใช่พฤติกรรมหรือวาท กรรมที่นำไปสู่ความแตกแยก เราไม่ใช่สักแต่พูดสวยหรูเพื่อขายฝัน ผลการเลือกตั้งก็ยังเป็นเรื่องของอนาคต พรรค ปชป.ไม่น่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คงไม่ใช่ผู้กำหนดทิศทางการเมืองไม่มีสิทธิมาสอนคุณธรรมคนอื่นน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรค กธ. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การเมืองที่ดีต้องพาประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่พากลับไปซ้ำรอยเดิม ลองหยุดคิดสักนิดว่า พรรคดีแต่พูดเคยทำอะไรไว้กับประเทศนี้บ้าง เคยเรียกร้องการปฏิวัติแทนการแก้ปัญหาในระบบรัฐสภา เคยเป็นรัฐบาลในช่วงเหตุการณ์รุนแรงกลางเมืองหลวง มีประชาชนเสียชีวิต แต่ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างแท้จริง ยุบสภาหนีการลงมติไม่ไว้วางใจ คำถามคือพรรคแบบนี้มีสิทธิสอนใครเรื่องคุณธรรมทางการเมืองจริงหรือ น่าแปลกที่ทุกครั้งที่พรรค การเมืองลักษณะนี้ได้เป็นรัฐบาล ประเทศจะเจอวิกฤติและความขัดแย้งเสมอ และเมื่อไม่ได้เป็นรัฐบาลก็เลือกใช้วิธีนอกระบบปลุกกระแส อดสงสัยไม่ได้ว่านี่คือความเชื่อจริงๆ หรือเป็นเพียงการตลาดการเมืองเพื่อวัดกระแส เพื่อแย่งฐานจากพรรคสีอื่น“เชาว์” เย้ยดิ้นเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้าขณะที่นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้กลับว่า ที่ น.อ.อนุดิษฐ์และโฆษกพรรค กธ. ออกมาโจมตีนายอภิสิทธิ์ด้วยวาทกรรมดีแต่พูด ไม่ต่างจากไส้เดือนคลุกขี้เถ้าที่กำลังดิ้นทุรนทุราย พรรคกล้าธรรมอ้างว่าจะพาประเทศไปข้างหน้า แต่เนื้อในกลับเป็นการรวมตัวของกลุ่มการเมืองหน้าเดิม เพียงแค่เปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อหวังกลับเข้าสู่อำนาจ การที่นายอภิสิทธิ์ประกาศไม่ร่วมงานด้วย คือการติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก เพราะหากยอมจับมือกับพรรคที่ถูกตั้งคำถามเรื่องทุนเทา เพียงเพื่อหวังเป็นรัฐบาล จะเป็นการพาประเทศกลับสู่วงจรอุบาทว์ของการทุจริตและความเสื่อมศรัทธา คนของพรรคกล้าธรรมพยายามใช้คำว่าความสามัคคีมาปิดปาก คำถามเรื่องจริยธรรม การขีดเส้นแบ่งไม่ใช่การแตกแยก แต่คือการแยกการเมืองสีขาวออกจากการเมืองสีเทา การปรามาสว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีสิทธิกำหนดทิศทางการเมือง สะท้อนทัศนคติที่มองการเมืองเป็นเพียงเกมตัวเลข การต่อรองเก้าอี้ เราพร้อมเป็นรัฐบาล และพร้อมเป็นฝ่ายค้าน แต่เราไม่พร้อมเป็นนั่งร้านให้ใครเข้าไปโกงบ้านกินเมืองชง “มาร์ค-การดี-กรณ์” 3 แคนดิเดตฯที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค มีวาระสำคัญเพื่อขอมติมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เป็นผู้จัดทำลำดับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค คาดว่าเป็นนายอภิสิทธิ์ นางการดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค เรียงตามลำดับ นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า คาดว่าจะเปิดตัวแคนดิเดตฯทั้ง 3 คน ได้ในวันที่ 26 ธ.ค. ส่วนนโยบายทั้งหมดจะเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังวันรับสมัคร สส. และยืนยันว่าหากพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจะไม่มีพรรคกล้าธรรมร่วมอยู่ด้วย“ลุงป้อม” ถอนตัวแคนดิเดตผู้นำที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. แถลงว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพิจารณาการเสนอชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต รวมถึงแคนดิเดตนายกฯ ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ขอถอนตัวเพราะมีปัญหาสุขภาพ เปลี่ยนให้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน เลขาธิการพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯลำดับที่ 1 แทน ลำดับ 2 คือนายธีระชัย ภูวนาถ นรานุบาล รองหัวหน้าพรรค และพิจารณาส่งผู้สมัครสส.แบบแบ่งเขตประมาณ 200 เขต ส่วนผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อ คณะกรรมการบริหารพรรคมอบให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรจะวางมือ นายไพบูลย์ตอบว่า เอาอย่างนี้แล้วกันว่าตอนนี้ท่านยังอยู่“ตรีนุช” รอดูท่าทีก่อนตัดสินใจน.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวอาจถอนตัวจากแคนดิเดตนายกฯว่า ยืนยันยังไม่ออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค รวมถึงยังไม่มีการถอนตัวจากแคนดิเดตนายกฯ ยังอยู่กับพรรค พปชร. ยังงงๆกับข่าวที่ออกมา ยังไม่มีการถอนตัว กรรมการบริหารพรรคจะหารือกันอีกครั้ง วันนี้ยังไม่มีการขยับ เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรจะวางมือทางการเมือง มีผลหรือไม่ น.ส.ตรีนุชตอบว่ายอมรับว่ามีผลกระทบ แต่ทุกอย่างต้องมูฟออน ร่างกายท่านอาจไม่เหมือนเดิม แต่คิดว่าประสบการณ์และความคิดของท่านที่ผ่านอะไรมาเยอะ เป็นประโยชน์กับพรรคมาก คงต้องรอความชัดเจนจาก พล.อ.ประวิตรอีกครั้งไทยก้าวใหม่เปิดตัวสองแคนดิเดตฯที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ “ดร.เอ้” หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ พร้อมคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธานที่ปรึกษาพรรค น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร หัวหน้าทีมเสมอภาคและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ และคณะผู้บริหารพรรคไทยก้าวใหม่ ร่วมแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ทั้งระบบเขต และ สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯพรรคไทยก้าวใหม่ 2 คน คือ นายสุชัชวีร์ และคุณหญิงกัลยา นายสุชัชวีร์กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ไปร่วมเวทีดีเบตเวทีแรกของผู้ชิงตำแหน่งนายกฯ มั่นใจว่าไม่แพ้ใคร วันนี้ประชาชนต้องเลิกทนกับการเมืองแบบเดิมๆ คิดแบบเดิมๆ เลือกแบบเดิมๆ และคนเดิมๆ ที่พิสูจน์มาแล้วว่าทำให้ประเทศถดถอยจนมาถึงทุกวันนี้ ขอให้ทุกคนเลือกพรรคไทยก้าวใหม่ เราต้อง “เลิกจน” ซ้ำซากข้ามรุ่น “เลิกจม” สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พรรคคัดส่งผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อครบทั้ง 100 คน เช่น คุณหญิงกัลยา นายก้องเกียรติ กรสูต เลขาธิการพรรค น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ฯลฯศาล รธน.นัดชี้ชะตา “ภูมิธรรม-ทวี”อีกเรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยาน คดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ สว. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 42 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ กรณีใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือก สว.ของ กกต.มีพยานและผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯและ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เดินทางมาให้ปากคำต่อศาลตามนัด หลังใช้เวลาไต่สวนพยานนานกว่า 2 ชั่วโมง คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแถลงว่า กระบวนการไต่สวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายยื่นคำแถลงปิดคดีเป็นหนังสือภายในวันที่ 6 ม.ค.69 และนัดแถลงผลการพิจารณาด้วยวาจา ในวันที่ 21 ม.ค.2569 เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัยในวันเดียวกันในเวลา 15.00 น.สว.โหวต “สุชาติ–มนูภาน” นั่ง ป.ป.ช.ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 2 คน ตามที่คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. เสนอชื่อนายสุชาติ สุนทรีเกษม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา แทน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ที่อายุครบ 70 ปี และนายมนูภาน ยศธแสนย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา แทนนางสุวณา สุวรรณจูฑะ ที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ โดยที่ประชุมวุฒิสภาได้ประชุมลับพิจารณาประวัติทั้ง 2 คน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนลงคะแนนลับ มีมติเห็นชอบให้นายสุชาติดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช. ด้วยคะแนน 150 ต่อ 0 งดออกเสียง 28 ไม่ลงคะแนน 1 และเห็นชอบนายมนูภานดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยคะแนน 162 ต่อ 0 งดออกเสียง 18 ถือว่าทั้งสองคนได้รับเลือกให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. เพราะได้คะแนนเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่