จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา หลังฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงตามปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ เปิดฉากโจมตีทหารไทย และใช้อาวุธหนักยิงถล่มพื้นที่แนวชายแดนไทยหลายจังหวัด รัฐบาลและกองทัพไทยจึงปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ เพื่อปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนการสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดต่อเนื่อง ทำให้มหาอำนาจ ทั้งสหรัฐอเมริกา จีน อังกฤษ รวมทั้งประธานอาเซียน และสหประชาชาติ ออกมาเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่าย ยุติการสู้รบ กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา โดยผู้นำสหรัฐฯต่อสายตรงคุยกับผู้นำรัฐบาลไทยและกัมพูชา ขณะที่จีนส่งตัวแทนมาเจรจากับรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย ไกล่เกลี่ยให้ยุติการสู้รบทั้งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ช่วงที่ผ่านมานายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ได้คุยกับหลายฝ่าย ทั้ง รมว.ต่างประเทศของจีน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยทางจีนได้แสดงความ ปรารถนาอยากเห็นความสงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาซึ่งนายสีหศักดิ์ชี้แจงว่าเราก็ ปรารถนาที่จะมีสันติภาพ แต่สันติภาพจะมาได้ต้องปฏิบัติตาม 3 ข้อ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จะลดความตึงเครียดเพื่อนำไปสู่การหยุดยิง การเจรจาเพื่อสันติภาพเป็นเป้าหมายของไทยแต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะต้องรอให้ชายแดนมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง โดยผ่านการประเมินของทหารไทยก่อนถึงจะเริ่มเจรจาได้ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ระบุถึงการที่นายสีหศักดิ์ ได้หารือกับ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯว่ามีแนวโน้มทิศทางที่ดี โดยได้อธิบายเหตุผลที่ไทยดำเนินการ ยืนยันไทยไม่ได้เป็นฝ่ายรุกราน หากจะให้หยุดยิงต้องไปบอกกัมพูชาที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ให้ดำเนินการเป็นรูปธรรม จนกว่าจะทำให้ไทยรู้สึกว่าความเป็นอันตรายต่อไทยหมดไปถึงแม้ขณะนี้จะมีการสู้รบกัน แต่ไทยยังทำตามปฏิญญา 4 ข้ออย่างเต็มที่ ยกเว้นข้อ 1 ที่เราไม่สามารถถอนกำลังได้ เพราะเราถูกโจมตีและคุกคาม หากใครมา บอกให้ไทยต้องกลับไปยึดตามปฏิญญา ก็ควรต้องไปบอกให้กัมพูชาทำตามปฏิญญา เพื่อให้เป็นที่ไว้วางใจและพึงพอใจจากฝ่ายไทยก่อนว่าไม่เป็นอันตรายต่อประเทศไทยแน่นอน กระแสกดดันจากมหาอำนาจที่ต้องการให้ไทยยุติการสู้รบ เพื่อสันติภาพ แม้ดูดีมีหลักการ แต่ก็ควรพิจารณาปมเหตุที่แท้จริงว่าใครคือตัวปัญหาทำให้เกิดการสู้รบ หากมหาอำนาจโดนรุกราน รุกล้ำอธิปไตย เหมือนที่ไทยถูกกระทำ จะยึดหลักสันติภาพ ยุติสู้รบกับศัตรู หรือจะถล่มสั่งสอนอย่างไร้ปรานี แบบที่เคยทำมา.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม