“อนุทิน” แจงยุบสภา ปฏิเสธชิงเหลี่ยมหักเอ็มโอเอ ชิ่งหนีซักฟอก บอกจัดให้ตาม “เท้ง” ต้องการ อ้างภูมิใจไทยไม่สามารถกดดันโน้มน้าว สว.ตามที่ พรรคประชาชนต้องการ โต้เสียงแข็งไม่ได้หักหลัง แต่ปมเสียง สว. 1 ใน 3 ไม่มีในเอ็มโอเอ อ่อยอนาคตจับมือค่ายส้มเป็นไปได้หมด ปัดฉวยโอกาสสู้รบชายแดนยื้อเป็นรัฐบาลรักษาการยาว “บวรศักดิ์” ยันรัฐบาลยังมีอำนาจเต็ม ม.11 ก.ม.ประชามติไม่ต้องกำหนดเลือกตั้ง 60 วันเป๊ะ “แสวง” ระบุ รธน. ม.104 ให้อำนาจเลื่อน ลต.ทั่วไปทั้งประเทศหากมีเหตุจำเป็น ประเมินสถานการณ์วันต่อวัน “ณัฐพงษ์” ขอโทษ ปชช. ดันเอ็มโอเอไม่สำเร็จ โต้ค่ายส้มอ่อนหัดไร้เดียงสา เชื่อเลือกตั้งหน้าคนเลือกพรรคถล่มทลาย “หนิม” เฉ่ง “หนู” หนีการตรวจสอบ ไม่รับผิดชอบการบริหารผิดพลาดล้มเหลว พท.จัดทัพส่ง “ยศชนัน-สุริยะ-จุลพันธ์” แคนดิเดตนายกฯสู้ศึก นำเสนอนโยบายคืนความหวังสู่ ปชช.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุยื่นยุบสภาฯ ตามที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ต้องการ ยืนยันพรรค ภท.ไม่ได้หักหลังใคร เพราะการแก้ไขมาตรา 256/28 อำนาจ สว.โหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเสียง สว. 1 ใน 3 ไม่เคยพูดกันในเอ็มโอเอมาก่อนราชกิจเผยแพร่ พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯเมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ พ.ศ.2568 มีเนื้อหาว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าด้วยนายกฯนำความกราบบังคมทูลฯ สมควรยุบสภาฯ เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.ใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ด้วยนายกฯนำความกราบบังคมทูลฯ ว่า ตามที่รัฐบาลได้เข้ารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่เดือน ก.ย. พ.ศ.2568 โดยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ในระหว่างที่ประเทศได้เผชิญความท้าทายหลายประการ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และภูมิรัฐศาสตร์ของโลก รวมทั้งสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลได้เร่งดำเนินการทุกวิถีทางให้สามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว อาทิ การผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ การเร่งแก้ปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า การเยียวยาความเดือนร้อนของประชาชนผู้ประสบภัย การป้องกันและปราบปรามบ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติภัยไซเบอร์ และการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ การเร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ผ่านกลไกการทูต ควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็งปัญหารุมเร้าเสียงข้างน้อยไร้เสถียรภาพแต่การบริหารราชการแผ่นดินจำเป็นต้องมีเสถียรภาพ โดยที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่มีปัญหารุมเร้าในหลายๆด้าน ส่งผลให้รัฐบาลไม่อาจบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพ หากปล่อยให้สภาวการณ์เป็นอยู่เช่นนี้ย่อมจะเกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อระบบรัฐสภาและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในที่สุดทางออกที่เหมาะสมคือการยุบสภาฯ เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนเจ้าของอำนาจสูงสุดโดยเร็ว เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากและมีเสถียรภาพที่ได้รับอาณัติที่ชอบธรรมจากประชาชนเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยราบรื่นและเรียบร้อยสืบไปจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วันอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 103 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ให้ยุบสภาฯเพื่อให้มีการเลือกตั้ง สส.ใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไป มาตรา 4 ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนด ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มาตรา 5 ให้ประธาน กกต.รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีภท.หักเอ็มโอเอชิงยุบสภาหนีซักฟอกผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทินได้ทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 11 ธ.ค. ระหว่างประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ที่พรรค ภท.มีท่าทีจะโหวตสวนมติ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้กลับมาใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. อภิปรายตอนหนึ่งว่า หากเป็นเช่นนั้นให้นายกฯยุบสภาเลยดีกว่า และเมื่อมีการโหวตสวนมติ กมธ.เสียงข้างมากแล้ว พรรค ปชน.ได้ล่ารายชื่น สส.ขอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ที่จะยื่นได้วันที่ 12 ธ.ค.หลังเปิดสภาฯ สมัยประชุมสามัญ แต่นายกฯชิงยื่นยุบสภาไปก่อนแล้ว“อนุทิน” อ้างจัดให้ตาม “เท้ง” ต้องการเมื่อเวลา 10.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเหตุผลการตัดสินใจยุบสภาว่า ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน ตนและพรรค ภท.เป็นรัฐบาลได้ เพราะพรรค ปชน.ให้มาเป็น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเราพยายามทำมาตลอด เอ็มโอเอทั้ง 4-5 ข้อพรรคปฏิบัติมาตลอด แต่การแก้ไขมาตรา 256/28 อำนาจ สว.โหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เคยพูดกันในเอ็มโอเอมาก่อน แต่เมื่อนายณัฐพงษ์อภิปรายในรัฐสภาว่าถ้าพรรค ภท.ไม่โหวตตามที่ต้องการ พรรค ปชน. จะไม่สนับสนุน ขอให้นายกฯยุบสภา เมื่อท่านโหวตให้เป็นนายกฯ แต่ท่านบอกว่าไม่สนับสนุนแล้ว ขอให้ยุบสภาตนก็ทำตาม ก่อนถึงจุดนี้มีการพูดคุยประสานกัน โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ เมื่อถามว่าสาเหตุที่ยุบสภาฯเพราะพรรค ปชน.เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทินตอบว่า ชัดเจนท่านต้องการให้ยุบสภาตนก็ยุบ เพราะท่านให้ตนมาเป็นรัฐบาล ให้เกียรติท่านไม่ได้หักหลังเสียง 1 ใน 3 ไม่มีใน MOAเมื่อถามว่า การยื่นยุบสภาฯ ยื่นก่อนที่พรรคปชน.จะเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราทำทุกอย่างแล้ว มาจนถึงแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ได้โหวตวาระ 1 และวาระ 2 แต่มาติดที่มาตรา 256/28 พรรค ภท.ไม่มีความสามารถที่จะไปกดดันหรือบังคับโน้มน้าว สว. ตามที่พรรค ปชน.ต้องการได้ เมื่อถามว่าการที่พรรค ภท.สนับสนุนการคงอำนาจ สว.ไว้ ถือเป็นการหักหลังทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีการหักหลังใดๆ ในเอ็มโอเอไม่มีเรื่องเกี่ยวกับ สว. เป็นข้อตกลงที่พรรค ภท.พยายามเต็มที่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อตกลงที่จะไม่เพิ่มจำนวน สส. ทั้งที่บริบททางการเมืองทำได้เราก็ไม่ทำ การขอให้มีมติคำถามแก้รัฐธรรมนูญเราก็ทำให้ถ้าส่งมาให้ ครม.หารือกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯบอกว่า กำหนดวันทำประชามติได้ โดยอำนาจ ครม.ที่ยังรักษาการอยู่ ตนทำให้ รักษาเงื่อนไขตามเอ็มโอเอ ขอย้ำว่าไม่มีการหักหลังใดๆทั้งสิ้นจับมือ ปชน.ทุกอย่างเป็นไปได้หมดเมื่อถามว่าในอนาคตยังจับมือกับพรรคประชาชนได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ส่วนการยุบสภาครั้งนี้มีการเตรียมการมาล่วงหน้าหรือไม่นั้น ตนเตรียม พ.ร.ฎ.ยุบสภาไว้ตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกฯ แค่เปลี่ยนเดือนมาสองเดือน เราต้องยอมรับสภาพว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เข้ามาเพื่อจัดการปัญหาบ้านเมืองที่ติดขัดค้างคาให้ผ่านพ้นไป เช่น การเจรจาทางการค้า การยอมรับจากนานาชาติ การนำประเทศไทยกลับสู่เวทีโลก เรื่องความมั่นคงก็ทำให้เป็นปึกแผ่น การจัดระเบียบข้าราชการให้บริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง ถึงจุดหนึ่งเมื่อคนที่เขานำเราเข้ามา บอกให้เราทำแค่นี้ เราก็คืนอำนาจให้ประชาชนปัดฉวยโอกาสสู้รบรักษาการอยู่ยาวต่อมาเวลา 14.30 น. ที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหลายคนมองว่าหากสถานการณ์สู้รบชายแดนยืดเยื้ออาจทำให้รัฐบาลรักษาการอยู่นานขึ้น นายอนุทินกล่าวว่า ตนไม่ได้ดูว่ายืดเยื้อหรือไม่ รัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้งเองไม่ได้ เป็นหน้าที่ของ กกต. ตนต้องกลับไปเตรียมของพรรค ไปหาเสียงคิดหานโยบาย เชิญบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมานำเสนอให้ประชาชนเสียงแข็งไม่ได้หนีการตรวจสอบเมื่อถามถึงกรณีพรรค พท.ระบุยุบสภาหนีการตรวจสอบ นายอนุทินย้อนว่า ทำไมหนีการตรวจสอบ ยังไม่มีใครยื่นมติไม่ไว้วางใจ เมื่อถามว่า พรรค ปชน. เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่พรรค ภท.ชิงยุบสภาก่อน นายอนุทินกล่าวว่า พรรค ปชน.เป็นคนบอกให้ตนยุบสภาฯต่างหาก ต้องเสนอข่าวให้ถูกต้อง ไม่มีใครยื่นมติไม่ไว้วางใจ วันที่ 11 ธ.ค. คนที่บอกให้ตนมาเป็นนายกฯ อภิปรายว่าอย่างนี้ยุบสภาไปดีกว่าก็ทำตาม เมื่อถามว่าได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าจะได้คะแนนมากกว่าหรือเสียคะแนนมากกว่า นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้วิเคราะห์ตามจีบ “เอกนิติ-ศุภจี” นั่งแคนดิเดตเมื่อถามว่านายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและ รมว.คลัง และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว. พาณิชย์ ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกฯพรรค ภท.หรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า คุยๆกันอยู่ เดี๋ยวรอเปิดตัว ยังไม่แสดงอะไรทั้งสิ้น ยังไม่มีการพูดคุยกัน นายเอกนิติบอกว่าไม่เอาไม่อยากรับ เดี๋ยวจะมีใครไปคิดมากว่าจะมีการวัดรอยเท้ากันหรือเปล่า เลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย เรื่องรับใช้บ้านเมือง ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้เลย เวลาไหนที่เหมาะสมทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมด ยังมีบุคคลอื่นสำรองไว้ คิดไปเรื่อยๆยังมีเวลาจนกว่า กกต.จะกำหนดวันสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนกรณีโซเชียลมีเดียโพสต์ทวงเงินที่ติดไว้ จากโครงการคนละครึ่งพลัส 2,400 บาท นายอนุทินกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “เดี๋ยวกลับมา”“ภราดร” ยัน ภท.จริงใจไม่มีใครเกินนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงนายกฯชิงยุบสภา พรรค ภท.ถูกมองว่าไม่จริงใจแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคที่จริงใจมากที่สุดไม่น่าจะมีเกินกว่าพวกตนหลายเรื่อง ภท.ยอมถอยในชั้น กมธ.มาตรา 256/28 แข่งขันระหว่างกมธ.เสียงข้างมากกับการแปรญัตติของ สว. เขาพูดชัดเจนว่าหากแพ้วาระ 2 วาระ 3 เขาไม่โหวตให้ วาระ 3 เราจะไม่ได้เสียง สว.ถึง 67 เสียงแน่นอน ภท.จึงต้องตัดสินใจลงมติตามการสงวนความเห็นของ สว. ไม่ใช่เพราะเนื้อหาสาระ แต่เราดูปลายทางที่ให้สัญญาว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ก่อนหน้านั้นวันที่ 9 ธ.ค. ครม.พยายามนำคำถามประชามติคำถามที่ 1 เข้าที่ ประชุม ครม.เพื่อจะมีมติ แต่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าควรต้องเริ่มจากรัฐสภา จึงต้องไปเสนอเป็นญัตติด่วนที่สภา เป็นสิ่งยืนยันว่าเราจริงใจเดินตาม MOA ไม่ใช่แผนตั้งใจหักหลัง ปชน.ตั้งแต่แรก เงื่อนไขนี้ไม่ได้อยู่ใน MOA ไม่มีเงื่อนไขใดที่ระบุไปในรายละเอียดเนื้อหาสาระต้องเป็นอย่างไร“โสภณ” ชี้ชายแดนไม่สงบอาจ ลต.ไม่ได้นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกฯ กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้ง สส.ทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ แต่ยังมีสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ถ้าคนยังอพยพอยู่อย่างนี้จะเลือกตั้งอย่างไร ไม่น่าจะได้ เพราะต้องเลือกตั้งพร้อมกัน แต่อยู่ที่ กกต. การหาเสียงของพรรค ภท.ในพื้นที่จังหวัดชายแดน ไม่มีปัญหา เราดูแลประชาชน“บวรศักดิ์” ยัน รบ.ยังมีอำนาจเต็มที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ กล่าวว่า คำว่ารัฐบาลรักษาการเป็นคำที่นักวิชาการใช้ แต่ในรัฐธรรมนูญไทยไม่มี รัฐบาลนี้ยังมี ครม.อยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่หลังเลือกตั้งทั่วไป มีอำนาจเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่มีสิ่งต้องห้ามทำ 2 ข้อคือ ห้ามทำโครงการใหม่ ที่ผูกพัน ครม.ชุดใหม่และห้ามนำทรัพยากรของรัฐ ทั้งบุคคลและยานพาหนะไปใช้ เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง บางเรื่องที่ ครม.พูดไว้ก่อนยุบสภา เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ต้องหารือ กกต.ว่าจะอนุมัติให้ทำได้หรือไม่และการประชุม ครม.สัญจรที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วันที่ 23 ธ.ค. ฟื้นฟู หาดใหญ่ ไม่ใช่การหาเสียง นายกฯพูดไว้กับชาวสงขลาและหาดใหญ่ใน ครม.เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ต้องทำได้ มี 2 เรื่องที่ต้องขอ กกต.คือการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและการใช้งบฯงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นอกนั้นมีอำนาจเหมือนเดิมทุกประการ รวมถึงเรื่องความมั่นคง วันนี้ยังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้และการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยยังเหมือนเดิม แต่ถ้าต้องใช้งบฯกลางเพิ่มต้องขอ กกต.ตามรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลจะนัดประชุมกับ กกต.วันที่ 15 ธ.ค. เพื่อหารือถึงเรื่องเลือกตั้งชี้ช่อง ม.11 ลต.ไม่ต้อง 60 วันเป๊ะเมื่อถามถึงการจัดทำคำถามประชามติ นายบวรศักดิ์กล่าวว่าจะมี 2 ข้อ คือ 1.คำถามว่าท่านเห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ สภาลงมติส่งมาที่ ครม. 4 ฉบับ ให้ ครม.เลือก และ 2.ครม.ถามเองได้ว่าท่านจะเห็นชอบ หรือยกเลิกเอ็มโอยูปีไหนหรือไม่ และให้อ่านกฎหมายดีๆว่าการกำหนดวันเลือกตั้ง ไม่จำเป็นต้อง 60 วันเป๊ะก็ได้ เพราะกฎหมายมาตรา 11 วรรคสุดท้าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พูดไว้ชัดว่าถ้ามีความจำเป็นด้วยเหตุผลเรื่องงบฯหรืออะไร ครม.กำหนดวันใหม่ได้ สมมติเลือกตั้งวันที่ 8 ก.พ.69 จะห่าง 2 วันเหลือเพียงแค่ 58 วัน ถือว่าไม่มีอะไรต่างและกฎหมายให้อำนาจทำได้“เท้ง–ไหม” ถก กก.บห.พร้อมลุย ลต.เมื่อเวลา 09.58 น. ที่พรรคประชาชน (ปชน.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน.มาถึงพรรคประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค หารือแนวทางการทำงาน เตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง โดยมี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคเดินทางเข้ามาด้วย ขณะที่บริเวณหน้าอาคารที่ทำการพรรคพบกองกระดาษใบปลิว แนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. จำนวนหนึ่งวางอยู่ ทั้งยังมีผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ กลุ่มเศรษฐกิจ ทยอยเดินทางเข้ามาสอบสัมภาษณ์เป็นวันสุดท้าย ขณะนี้ได้คัดเลือกผู้สมัครแบบเขต 90% แล้ว คาดว่าภายในวันที่ 16 ธ.ค. พรรค ปชน.จะสรุปรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อได้ทั้งหมด เพื่อเตรียมกระจายลงพื้นที่หาเสียงต่อไปปัดไร้เดียงสาเชื่อคนกาส้มถล่มทลายต่อมาเวลา 12.00 น. นายณัฐพงษ์แถลงทิศทางการเมืองของพรรคว่า อยากให้ทั้งสื่อมวลชนและประชาชนถามคําถามต่อนายกฯโดยตรงว่าเหตุใดพรรค ภท.ถึงเลือกโหวตสวนมติวิปรัฐบาลของตัวเอง เป็นการผิดเอ็มโอเอหรือไม่ อยากให้ถามคําถามนายกฯด้วย กระบวนการต่อไปเรื่องคําถามที่หนึ่งต้องจัดทำคําถามประชามติก่อนและรัฐสภาผ่านมติไปเรียบร้อยแล้ว ความหวังเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พวกตนยังไม่ได้ทิ้ง เดินหน้าอยู่เต็มที่ เมื่อถามว่าเสียใจหรือไม่ที่จัดทำ MOA และโหวตนายอนุทินเป็นนายกฯ นายณัฐพงษ์กล่าวว่าไม่ได้มีความเสียใจใดๆทั้งสิ้น เสียงสะท้อนประชาชนทุกเสียงมีความหมาย การกระทำเป็นข้อพิสูจน์ เลือกตั้งครั้งหน้านอกจากนโยบายที่พรรคเข้มแข็งมากที่สุด โดยเฉพาะทีมผู้บริหารจะทำให้พวกเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถล่มทลาย การดำเนินการทางการเมืองที่ผ่านมา ไม่ได้คิดว่าตนและพรรค ปชน.กลายเป็นเด็กไร้เดียงสา แต่พยายามทำให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่จะตัดสินในคูหาเลือกตั้งคือประชาชนย้ำจุดยืนมีเราไม่มีเทานายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า โจทย์การเลือกตั้งครั้งต่อไป วัตถุประสงค์เดียวคือเราเอาหลังอิงประชาชน ทำให้เชื่อมั่นเรามากที่สุด เติบใหญ่และเข้มแข็งมากพอที่จะกลายเป็นแกนนําจัดตั้งรัฐบาลที่กํากับทิศทางรัฐบาลได้จริงๆ และจะไม่ได้ถูกหักหลังทางการเมือง เชื่อว่าเสียงประชาชนยิ่งใหญ่มากที่สุด ถ้าเราเข้มแข็งพอด้วยเสียงประชาชน จะไม่มีใครหักหลังพวกเราได้ เมื่อถามว่านายอนุทินติดต่อมาหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. พยายามต่อสายถึงท่านนายกฯ 1 ครั้ง แต่ท่านไม่ได้รับสาย เมื่อถามว่านายอนุทินไม่ปิดโอกาสจับมือ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดยืนพรรค ปชน.ในตอนนี้คือมีเราไม่มีเทาฉะนั้นหากจำเป็นที่เราต้องเป็นพรรคร่วม แล้วมีรัฐมนตรีคนหนึ่งคนใด ที่หลายคนเห็นแล้วว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสีเทา คงเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ ส่วนสูตรการร่วมรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เป้าหมายพรรคปชน.มีเพียงอย่างเดียว คือต้องขอคะแนนเสียงจากประชาชน เมื่อถามว่าคดี 44 สส.จะรับมืออย่างไร นายณัฐพงษ์กล่าวว่าทางกฎหมายเตรียมรับมือเต็มที่ ไม่ได้ทำให้พวกเราเสียสมาธิ ตอนนี้เตรียมขึ้นไปประชุมกับทีมงานอีกหลายส่วน เตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าขอโทษ ปชช.ดันเอ็มโอเอไม่สำเร็จเมื่อถามว่าต้องขอโทษประชาชนหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กล่าวคําขอโทษไปแล้วและอยากจะขอโทษต่อประชาชนอีกครั้งที่เราไม่สามารถ ผลักดันวาระตาม MOA ได้สำเร็จ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ยังอยากให้ทุกคนมีความหวังอยู่ เมื่อถามว่าทำไมก่อนหน้านี้ขอให้พรรค พท.ชะลอยื่นซักฟอก นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่เคยร้องขอด้วยประโยคแบบนี้ว่าอยากให้พรรค พท.ชะลอยื่น แม้ที่ผ่านมามีการให้ข่าวจากตัวแทนพรรค พท.บ้างว่าพรรค ปชน.มีการร้องขอ มีการพูดคุยจริงแต่คล้ายเปิดหน้ากระดานการเมืองให้เห็นทั้งหมดว่า หากพรรค พท.จะยื่นตอนนี้เป็นสิทธิ์แต่ยื่นไปแล้วประเทศได้หรือเสียอะไร เป็นการตัดสินใจของเขาเอง มีการยืนยันทุกครั้งว่า ถ้าพรรค พท.จะยื่น พรรค ปชน. ก็พร้อมที่จะเดินหน้าทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นเดียวกัน ย้ำว่าไม่เคยเข้าไปพูดคุยกับพรรค พท. เรื่องการชะลอการยื่นพท.ไม่แปลกใจ แต่ห่วง ปชช.เมื่อเวลา 08.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า กระแสยุบสภามีมาต่อเนื่อง หัวหน้าพรรคกำชับลูกพรรคให้พร้อมลงพื้นที่ กก.บห.พรรคต้องพร้อมจัดการเลือกตั้ง พรรคไม่แปลกใจ แต่เป็นห่วงประชาชน เป็น สส.พื้นที่ชายแดน ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ 100% แต่ได้รับการดูแลไม่ทั่วถึงสะท้อนมายังผู้แทนฯ การยุบสภาไม่มีผลต่อประชาชนในศูนย์อพยพ เพราะจังหวัดดูแลอยู่แล้ว ไม่ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของแนวหน้า 7 จังหวัดชายแดนทหารทำงานเต็มที่อยู่แล้ว การจัดการเลือกตั้งในพื้นที่ชายแดนต้องดูว่า พ.ร.ฎ.เลือกตั้งจะออกเมื่อใด เลือกตั้งวันไหน เหตุการณ์จะบานปลายถึงตอนนั้นหรือไม่ ต้องดูหน้างานต้องถาม กกต.“ยศชนัน-สุริยะ-จุลพันธ์” แคนดิเดต พท.ต่อมาเวลา 09.30 น. พรรค พท.มีการประชุม สส.มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเป็นประธาน การประชุม มี กก.บห. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัว พท. นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ 1 ในบุคคลว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.เข้าร่วม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท.กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมเลือกตั้ง ขอให้มั่นใจศักยภาพพรรค เราตั้งสมมติฐานว่าการยุบสภาเกิดขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค.ในที่สุดเป็นจริง ขณะนี้พรรคเตรียมการหลายอย่างทั้งเอาป้ายผู้สมัครที่ติดก่อนหน้านี้ลง เพราะขนาดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด กิจกรรมขัดกฎหมายเลือกตั้งต้องลดทุกชนิด การแจกสิ่งของผู้ประสบภัย หรือสถานการณ์ชายแดนที่ขัดกฎหมายเลือกตั้งทำไม่ได้แล้ว เพราะ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลวันที่ 12 ธ.ค.แล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท. 3 คน ที่จะเปิดตัววันที่ 16 ธ.ค. คือนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชายนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นักวิชาการคนรุ่นใหม่ มีผลงานวิจัย Brain-Computer Inter face (BCI) หรือการเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์ ช่วยเหลือผู้พิการร่างกายขยับไม่ได้ แต่สมองยังทำงาน อีก 2 คนคือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.เลือกตั้งพรรค พท.นักการเมืองมากประสบการณ์ อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีหลายกระทรวง คนในยอมรับและนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท. เป็นนักการเมืองรุ่นกลางที่มีความรู้ความสามารถขึ้นเวทีดีเบตในนามพรรคได้ และมีประสบการณ์เป็นรัฐมนตรีมาแล้วฉะ “หนู” ชิ่งหนีไม่รับผิดชอบบริหารพลาดต่อมาเวลา 11.10 น. นายจุลพันธ์แถลงความพร้อมการเลือกตั้งว่า การยุบสภาครั้งนี้คือ การหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดและไร้ประสิทธิภาพ ทั้งความขัดแย้งชายแดน การโยกย้ายข้าราชการ การใช้งบฯเอื้อประโยชน์คนบางกลุ่ม ความเดือดร้อนจากอุทกภัย รัฐบาลไม่จริงใจแก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น สัญญาเอ็มโอเอไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักประชาธิปไตย ประเทศไม่ได้ประโยชน์จากกระบวนการนี้ กลายเป็นการเปิดช่องให้พรรค ภท.ใช้อำนาจ ทรัพยากรและเครือข่ายของรัฐแสวงหาผลประโยชน์ สะสมอำนาจเพิ่มขึ้น พรรค พท.เสียดายโอกาสประเทศ แต่ไม่สิ้นหวังเตรียมพร้อมเลือกตั้งมาแก้ปัญหา นำความหวังสู่ประชาชน วันที่ 16 ธ.ค.จะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ 3 คน พร้อมเปิดนโยบายชุดแรกนำเสนอต่อประชาชน“มาร์ค” เสียดายชิงไหวชิงพริบจนชะงักเมื่อเวลา 13.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า พรรคพร้อมไม่มีปัญหา ปัญหาของประเทศมีทั้งการสู้รบตามแนวชายแดน และการฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม หากการเมืองมีเอกภาพ มีพลังและมีอำนาจเต็มจะผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ด้วยดี เสียดายการชิงไหว ชิงพริบทางการเมือง ที่ทำให้ชะงักงันทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญและร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯต้องตกไปหมดเมื่อยุบสภาก่อนหน้านี้พรรค ปชน.ไม่ได้บอกว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่พอมีปัญหาตกลงกันไม่ได้ เรื่องสาระของรัฐธรรมนูญเลยทำให้เป็นเหตุขึ้นมา ถ้าเอาปัญหาใหญ่เป็นตัวตั้งแล้วคุยกันเสีย เผื่อหาทางออกได้มันน่าจะดีกว่านี้รทสช.ซัดยุบสภาเพื่อประโยชน์การเมืองวันเดียวกัน พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกแถลงการณ์ถึงการยุบสภาของนายกฯว่า การประกาศยุบสภาครั้งนี้ สะท้อนชัดเจนว่าพรรคการเมืองให้ความสำคัญกับประโยชน์ทางการเมืองของตนเองมากกว่าการทุ่มเทกำลังเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่กำลังรอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ไม่ได้เกิดจากความจำเป็นของบ้านเมือง แต่เกิดจากผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองล้วนๆ ฝ่ายหนึ่งมุ่งเป้าหมายจะแก้รัฐธรรมนูญ ไม่คำนึงถึงวิกฤติประเทศในปัจจุบัน ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการแค่หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ทั้งที่มีหน้าที่แก้ไขวิกฤติโดยตรง ข้อตกลงของ 2 ฝ่ายทำให้การแก้ไขปัญหาวิกฤติประเทศสะดุดลง“ณรงค์” ชี้เป็นไปได้เข้าคูหา 8 ก.พ.69ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ว่าไทม์ไลน์จัดการเลือกตั้งยังคงเดินหน้าต่อไป ไม่มีปัญหาอะไร กกต.ต้องประชุมกำหนดวันเลือกตั้ง เราเตรียมพร้อมไว้แล้ว ภายในวันจันทร์หรืออังคารจะชัดเจนการแบ่งเขต เมื่อถามว่าวันเลือกตั้งจะเป็นวันที่ 8 ก.พ.69 เหมือนที่สื่อคาดการณ์หรือไม่ นายณรงค์กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ เมื่อถามว่ากฎหมายกำหนดให้วันเลือกตั้งต้องเป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา อาจทำให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งภายในวันเดียวกันได้ เตรียมการอย่างไร นายณรงค์กล่าวว่า เราคาดการณ์ ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา แต่การจัดการเลือกตั้งต้องจัดพร้อมกันอยู่แล้ว ยังเชื่อว่าจะจัดการเลือกตั้งได้ ส่วนการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ ต้องรอ ครม.ก่อน ครม.จะส่งผู้แทนมาหารือสัปดาห์หน้า เกี่ยวกับอำนาจ ครม.รักษาการ เห็นว่า ครม.รักษาการมีอำนาจจัดออกเสียงประชามติได้ และมีอำนาจอนุมัติงบฯที่เป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว“แสวง” ชี้ รธน.ม.104 ให้อำนาจเลื่อน ลต.นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการระบุว่าอาจขยายการกำหนดวันเลือกตั้ง สส.เกินกว่า 60 วัน ทำให้รัฐบาลรักษาการอยู่ยาวว่า ต้องดูเงื่อนไขตามกฎหมาย พอมี พ.ร.ฎ.ยุบสภาแล้ว กกต.ต้องประกาศวันเลือกตั้งและเขตเลือกตั้ง ภายใน 5 วันต้องมีวันเลือกตั้ง สถานการณ์จริงจะเป็นอย่างไรต้องดูสถานการณ์ก่อน แต่ทางกฎหมาย มีช่องทางแก้ไขได้ทุกเรื่อง ที่คนกังวลจะกระทบคือกรณีรัฐธรรมนูญกำหนดว่าให้กำหนดวันเลือกตั้งวันเดียวกันทั่วประเทศ ตอนนี้มีสถานการณ์สู้รบที่จังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ในทางกฎหมายมีทางออกเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว รัฐธรรมนูญมาตรา 104 ระบุว่าหากมีเหตุจำเป็น กกต.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เหตุนั้นสิ้นสุดลง นี่คืออำนาจแต่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เรายังบอกไม่ได้ มาตรา 104 ใช้กับทั้งประเทศ ต่างจากที่ จ.ศรีสะเกษที่ใช้มาตรา 102 เพราะมีเหตุบางหน่วยบางพื้นที่ เป็นการกำหนดวันลงคะแนนใหม่ แต่อันนี้คือการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศ เพราะให้การเลือกตั้งเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรต้องประเมินความปลอดภัยทุกฝ่ายเมื่อถามว่าหากเหตุสู้รบชายแดนยืดเยื้อ ไม่สามารถเลือกตั้งได้ใน 60 วัน ต้องขยายเวลาไปอีกหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ต้องดูเวลาที่ กกต.พิจารณา เหมือน จ.ศรีสะเกษ การเลือกตั้งต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริตและเที่ยงธรรม คนจัดการเลือกตั้งคือ กปน. ผู้สมัคร หาเสียง ประชาชนผู้มีสิทธิ เราต้องดูความสะดวกและความปลอดภัยของเขาด้วย กกต.ต้องนำมาพิจารณาแล้ววินิจฉัย และข้อเท็จจริงในพื้นที่ ประเมินสถานการณ์ ผอ.กกต.จังหวัดรายงานมาทุกวันอะไรเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าต้องรอให้เหตุการณ์สงบโดยสิ้นเชิงก่อน ถึงจะประกาศวันเลือกตั้งทั้งประเทศได้หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เราติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะต้องดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ความสะดวก ชีวิตและความปลอดภัยของผู้มีสิทธิ เราต้องดูทั้งหมด ไม่ควรจะไปที่ใดที่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าไม่อยากเลือกตั้ง แต่เขาไม่สะดวก เราไม่รู้และไม่มีใครบอกได้ว่าสถานการณ์จะจบเมื่อไหร่ แต่ทางออกตามกฎหมายเป็นทางออกแรกที่เรามีอยู่ แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำ และยังมีทางออกอื่นอีกคือลงทะเบียนออกเสียงลงคะแนนล่วงหน้า แล้วเอาผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปลงคะแนนข้างนอก เช่นนี้ไม่ต้องเลื่อนก็ได้ แต่ต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวันยังตอบไม่ได้ทำประชามติพร้อม ลต.เมื่อถามว่าเวลาที่ยืดออกไปจะทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคการเมืองหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ยืดเวลา ยังเป็นกำหนดตามพ.ร.ฎ. แต่ต้องนำเวลามาคำนวณทุกอย่าง เพื่อให้การแข่งขันอย่างเป็นธรรม ส่วนการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังจัดในวันเดียวกับการเลือกตั้งได้หรือไม่ เอาเวลาตามกฎหมาย เลือกตั้ง สส.ไม่น้อยกว่า 45 วันแต่ไม่เกิน 60 วัน แต่ประชามติทำไม่น้อยกว่า 60 วัน แต่ไม่เกิน 150 วัน แต่มาตรา 11 ของ พ.ร.บ.ประชามติระบุว่า เพื่อประหยัดงบฯทำให้น้อยกว่า 60 วันได้ จึงต้องมาดู จริงๆน่าจะใช้เวลามากกว่า งานธุรการต้องพิมพ์ประเด็นแจกผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำความเข้าใจ จัดเวทีแสดงความคิดเห็นหลายรูปแบบ คำนวณขั้นต่ำ 40-50 วัน แต่กระบวนการทำประชามติยังไม่ได้เริ่มเลย ทั้งที่เวลาการเลือกตั้ง สส. นับ 1, 2, 3 แล้ว แต่ประชามติยังไม่ได้แจ้งมายัง กกต.เลย จะแจ้งวันไหนยังไม่ทราบ ดังนั้นจะทำร่วมกันวันเดียวเลยจึงยังตอบไม่ได้ส่งคำถามประชามติให้ ครม.12 ธ.ค.ที่รัฐสภา นายศิโรจน์ แพทย์พันธุ์ เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการสภาฯจะส่งมติรัฐสภาเห็นชอบให้ส่งประเด็นคำถามประชามติว่าด้วยการเห็นควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ไปยังรัฐบาลในวันที่ 12 ธ.ค. ส่วนกรณีมี พ.ร.ฎ.ยุบสภา ครม.รักษาการต้องพิจารณาดำเนินการต่อไป กรณีสภาฯสิ้นสุดลงเพราะเหตุยุบสภา ตามรัฐธรรมนูญการประชุมวุฒิสภาจะไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าจะมีสภาฯ เว้นแต่เป็นเรื่องจำเป็นตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 126 เมื่อถามว่ามี สส. 3 คน ยังไม่ได้ปฏิญาณตนต่อที่ประชุมสภาฯ จะมีสถานะ สส.หรือไม่ นายศิโรจน์ตอบว่า สส.ทั้ง 3 คนนั้นถือว่ามีชื่อเป็น สส. แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะยังไม่ได้ปฏิญาณตน สิทธิประโยชน์ในฐานะอดีต สส.จึงยังไม่ได้รับอดีต สส.แห่ไขก๊อกย้ายเข้าค่าย ภท.ด้านความเคลื่อนไหวของนักการเมือง เตรียมเข้าสังกัดพรรคเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ช่วงเช้า ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) อดีต สส.พรรค ชทพ.ทั้ง 10 คน นำโดยนายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน อดีตเลขาธิการพรรค ทยอยเข้าพรรค เขียนใบลาออกจากสมาชิกพรรค ชทพ.ต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค ชทพ. โดยเวลา 12.00 น.วันที่ 15 ธ.ค. นายวราวุธจะนำทีมไปสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ภท.ต่อไปส่วนที่สำนักงาน กกต. นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีต สส.ศรีสะเกษ เขต 4 พรรค พท. นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร อดีต สส.ศรีสะเกษ เขต 9 นายกิตติ สมทรัพย์ อดีต สส.ร้อยเอ็ด เขต 6 และนายประเสริฐ บุญเรือง อดีต สส.กาฬสินธุ์ เขต 2 เข้ายื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรค พท.จากนั้นนพ.ภูมินทร์โพสต์ภาพหนังสือลาออกและภาพถ่ายร่วมกับ 3 อดีต สส.พรรค พท.แล้วเปิดเผยว่า ตนพร้อมนางนุชนาถ นายกิตติและนายประเสริฐยื่นลาออกจากสมาชิกพรรค พท.และกรอกใบสมัครเตรียมยื่นเป็นสมาชิกพรรค ภท.วันที่ 13 ธ.ค.“บิ๊กป้อม” ต้อนรับ “ป๋าเหลิม”ร่วม พปชร.เมื่อเวลา 15.10 น. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. มี พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร.ร่วมต้อนรับ มีนายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย กรรมการบริหารพรรค พปชร.มาด้วย จากนั้นทั้งหมดได้ทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นกันเอง มีรายงานว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมจะลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อกธ.คึกคักอดีต สส. 4 พรรคย้ายซบขณะที่พรรคกล้าธรรม (กธ.) มีอดีต สส.จาก 4 พรรคย้ายมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค คือนายจักรัตน์ พั้วช่วย อดีต สส.เพชรบูรณ์ นายปริญญา ฤกษ์หร่าย อดีต สส.กำแพงเพชร น.ส.กาญจนา จังหวะ อดีตสส.ชัยภูมิ พรรค พปชร. นายสัญญา นิลสุพรรณ อดีต สส.นครสวรรค์ นายปรเมษฐ์ จินา อดีต สส.สุราษฎร์ธานี พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร อดีต สส.นครปฐม พรรครทสช. นางสุพัชรี ธรรมเพชร อดีต สส.พัทลุง พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ อดีต สส.สงขลา นายยูนัยดี วาบา อดีต สส.ปัตตานี ว่าที่ ร.ท.ยุทธการ รัตนมาศ อดีต สส.นครศรีธรรมราช และนายวุฒิพงษ์ นามบุตร อดีต สส.อุบลราชธานี พรรค ปชป. และนางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ อดีต สส.อุบลราชธานี พรรค ทสท.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่