จากสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างประเทศไทย–กัมพูชาครั้งล่าสุด จุดเริ่มการปะทะตามแนวชายแดน ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ เบื้องต้นทำให้ทหารไทยเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ที่สำคัญทำให้การสู้รบลุกลามกลายเป็นการเปิดสงครามกันอย่างเต็มรูปแบบตลอดแนวพรมแดนหากประเมินชนวนขัดแย้งครั้งนี้ หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่ามาจากปัจจัยหลัก ทั้งกรณีประเทศกัมพูชาเสียหน้าในเวทีระหว่างประเทศ หลังจากประเทศไทยได้ยื่นร้องเรียนประท้วงต่อที่ประชุมภาคีอนุสัญญาออตตาวา พร้อมเอกสารหลักฐาน คลิปวิดีโอ ฉีกหน้ากากเพื่อนบ้าน ลอบวางทุ่นระเบิดร้ายแรงต่อเนื่อง กระทำขัดต่ออนุสัญญาฯอีกปัจจัยสำคัญคือการที่หน่วยงานของประเทศไทย รัฐบาลไทยได้เอาจริงกับการปราบปรามขบวนการหลอกลวงออนไลน์ อาชญากรรรมไซเบอร์ สแกมเมอร์ข้ามชาติ ล่าสุดประกาศยึดอายัดทรัพย์สิน 1 หมื่นกว่าล้านบาทของบุคคลที่เป็นเครือข่ายใกล้ชิดผู้มีอำนาจ และอดีตผู้นำของกัมพูชา เป็นการทุบต้นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อนบ้านเต็มๆนอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆที่อาจมีส่วนทำให้กัมพูชาตัดสินใจเปิดศึกเล่นเกมสงครามกับประเทศไทย แต่ที่ต้องจับจ้องถึง 2 สาเหตุหลักๆข้างต้น ทั้งการถูกฉีกหน้าแฉพฤติกรรมในเวทีความร่วมมือนานาชาติ ทั้งการถูกทำลายสลายเครือข่ายการเงินทุนสีเทา โดนทุบท่อน้ำเลี้ยง เป็นชนวนให้ผู้มีอำนาจในกัมพูชาไม่พอใจอย่างมากสำหรับประเทศไทยแนวทางรับมือภัยคุกคามความมั่นคง นอกจากที่รัฐบาลและกองทัพไทย ต้องมุ่งไปที่มิติของการสู้รบ ปกป้องเกียรติภูมิและอธิปไตย อีกทางหนึ่งในภาวะสงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) จะต้องขับเคลื่อนสู้รบทุกด้านทุกมิติ ทั้งการทูต การต่างประเทศ ต้องเท่าทันในมิติสงครามข้อมูลข่าวสารที่ส่งถึงประชาคมโลกเหนืออื่นใดเรื่องการกวาดล้างทุนเทา สแกมเมอร์ อาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ เป็นอีกเรื่องที่รัฐบาลไทยจะต้องเดินหน้าควบคู่ เพราะเป็นการตีข้าศึกศัตรูที่ตรงเป้าหมายในมิติด้านเศรษฐกิจที่รู้กันดีว่ากัมพูชาพึ่งพาหล่อเลี้ยงประเทศด้วยเครือข่ายทุนสีเทาเป็นหลัก ตรงนี้จะดึงประชาคมโลก มหาอำนาจโลกมาเป็นแนวร่วมประเทศไทยที่สำคัญจะเป็นบทพิสูจน์รัฐบาล เพราะแม้แต่นายกฯก็ยังถูกบ่อนเซาะความเชื่อมั่นด้วยภาพถ่ายโยงความสัมพันธ์ตัวใหญ่สีเทาเครือข่ายผู้มีอำนาจเพื่อนบ้าน การเดินหน้ากวาดล้างทุนเทาเหล่านี้จะเป็นผลดี เพราะวันนี้ไม่ว่าจะจีนเทา เขมรเทา ฝรั่งเทา รวมทั้งไทยเทา ล้วนเป็นภัยร้ายแรงของโลก และภัยคุกคามบ้านเมืองไทย.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม