น้อมส่งเสด็จ “สมเด็จพระพันปีหลวงสู่สวรรคาลัย” บรรยากาศแห่งการถวายความอาลัย ด้วยหัวจิตหัวใจแห่งความจงรักภักดีที่แฝงอยู่ในดีเอ็นเอของปวงพสกนิกรไทยทั่วประเทศ “ห้วงเวลาพิเศษ” จากสำนึกของ “ความเป็นชาติไทย”ไม่แยกคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ อย่างที่เพจอย่างเป็นทางการของพรรคประชาชนได้โพสต์ข้อความในโซเชียลฯ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมด้วย สส.พรรคประชาชนขอน้อมรำลึกถึงพระกรณียกิจทั้งปวงที่ได้ทรงบำเพ็ญมาตลอดพระชนม์ชีพรวมไปถึงคอนเสิร์ตใหญ่ระดับโลกที่ถูกโปรแกรมไว้ล่วงหน้าในจังหวะกะทันหัน ก็ได้เห็นภาพประทับใจที่ “ลูกสาวแห่งชาติ” อย่าง “ลิซ่า แบล็กพิ้งค์” และเพื่อนๆใส่ชุดโทนสีดำบนเวที โชว์ชุดลายธงชาติไทยปรับความเหมาะตามสถานการณ์ นั่นเพราะรับรู้ด้วยหัวใจทุกฝ่ายรวมพลังกันสดุดี “แม่ของแผ่นดิน” ไม่มีการแบ่งขั้วแบ่งค่าย แยกเจน ไม่เว้นแม้แต่ต่างชาติยังร่วมสดุดี “พระราชินี” ผู้งามสง่า และเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณ“ควีนสิริกิติ์” เป็นที่ยอมรับในสายตาของชาวโลกปรากฏการณ์แบบที่ “ฮุน มาเนต” นายกฯกัมพูชา คือผู้นำชาติแรกๆที่ส่งสารแสดงความเสียใจ นั่นไม่เท่ากับผู้นำมหาอำนาจเบอร์หนึ่งโลกอย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็เอ่ยแสดงความอาลัย “ราชินีผู้สง่างาม” ของไทย บนเวทีอาเซียนมันคือความยิ่งใหญ่ “แม่ของคนไทย” ที่รับรู้ในเวทีสากลและโดยเงื่อนสถานการณ์ที่รับรู้กันเองโดยธรรมชาติ รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ก็แค่สนับสนุนหมายกำหนดพิธีตามสำนักพระราชวัง ไม่ต้องย้ำความชัดเจนกันซ้ำๆ 2–3 รอบ แบบที่ออกประกาศมาแล้วต้องชี้แจงตามเดี๋ยวห้าม เดี๋ยวไม่ห้าม กิจกรรมบันเทิง งดงานรื่นเริงทำให้เกิดความสับสน เพราะต้องเข้าใจในความจำเป็นของธุรกิจที่เตรียมการกันล่วงหน้า โดยเฉพาะในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ประเทศไทยเหลือเครื่องยนต์ทำรายได้อยู่แค่การท่องเที่ยว ในห้วงไฮซีซันพอดีแต่ที่ปั่นป่วนก็คือคิวของ “มาดามบิ๊กอาย” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ที่ออกคำสั่งห้ามสถานศึกษางดจัดกิจกรรมรื่นเริง พาลกระทบกีฬาสี กระตุกเสียงวิจารณ์ดังอื้ออึงจนต้องออกมาแก้ข่าวกันพัลวัน สะท้อนปมผิดคิวจนเกินพอดีพระราชพิธีโหมดของการถวายความอาลัย แยกส่วนออกจากการบริหารสถานการณ์ปกติ ในจังหวะการเมืองกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม โดยเฉพาะการเมืองภายในที่โยงกับการเมืองภายนอกผูกติดวิกฤติชายแดนไทย-กัมพูชา“นายกฯอนุทิน” ต้องบินไปกลับมาเลเซียวันละ 2–3 รอบเพราะไฟต์สำคัญ เดิมพันเกมอำนาจและผลประโยชน์ของประเทศไทยในช็อตอีเวนต์ระดับโลกที่ “คาวบอยทรัมป์” มาจัดคิวโชว์โบแดง ตั้งโต๊ะให้ “อนุทิน” กับ “ฮุน มาเนต” ลงนามข้อตกลงหย่าศึกชายแดน เข้าสู่แผนฟื้นสันติภาพเก็บโปรไฟล์เข้าแฟ้ม หวังชิงรางวัลโนเบลปีหน้าที่แน่ๆจับอาการกระตือรือร้นเป็นเหตุสังเกตได้ ภาพผู้นำคนลูกตระกูลฮุนดูจะพะเน้าพะนอพี่เบิ้ม อเมริกา อย่างออกนอกหน้า นั่นก็เพราะกำลังจนแต้ม โดนโลกล้อมกรอบรุมสกรัมหนักจนมุมสงครามล้างบางแก๊งโจรสแกมเมอร์ ตัดท่อน้ำเลี้ยงผู้นำโจรเขมรแดง“ฮุน มาเนต” โชว์ลูกเขี้ยวแย่งซีน “ผู้นำไทยแลนด์” ที่ดูเงอะๆเงิ่นๆ เพราะด้านหนึ่งก็ต้องระแวงกระแสกดดันในประเทศไทย รอดักโห่ กระแสขู่อย่าทำให้เสียค่าโง่กัมพูชาอีกทางก็ผวากระแสแก๊งสแกมเมอร์เขมรที่ลามมานัวเนียในไทยถึงจุดที่คนระดับรัฐมนตรีต้องไขก๊อกหนี “แบล็กลิสต์” สหรัฐฯ แต่ยังสลัดไม่พ้นปมร้อน ลูกติดพันหลักฐานสัมพันธ์ “เบน สมิท-ยิม เลียก” ตัวพ่อแก๊งอาชญากรเงินเทาโลก ที่โดนนักข่าวฝรั่งปล่อยข้อมูลมัดแน่นแถมด้วยจังหวะกลับโลดแล่นของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ขยับเคลื่อนไหว ร่วมขบวนผู้เชี่ยวชาญวงการ “ผีเห็นผี” ปล่อยของประจานแก๊งอาชญากรไซเบอร์ในแฟ้มคดี แง้มอักษรย่อ นักการเมือง “ช” แก๊งวัยรุ่นสร้างตัว นักการเมืองท้องถิ่นปักษ์ใต้ที่ไต่ระดับมาเป็นนักการเมืองระดับชาติชี้เป้าตัวเอ้ที่นัวเนียอยู่กับขาใหญ่รัฐบาล ยั่วแบล็กลิสต์สหรัฐฯ.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม