สืบ บก.น.3-ร่วมกับตำรวจลาดกระบังบุกรวบ 4 หนุ่มเมียนมาพร้อมโดรน 10 ลำ คาโรงแรมหลังพบเบาะแสอาจพัวพันโดรนบินป่วนสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวกัน ทั้งหมดยังอยู่ในกล่อง ไม่ได้ประกอบเป็นลำ ด้าน 4 พม่าระบุว่า หัวหน้าที่เปิดบริษัทในเมียนมาสั่งให้มารับสินค้าทั้งหมดกลับประเทศเพื่อขายต่อกองทัพพม่าอีกทอด โดยสั่งซื้อกับบริษัทโดรนที่อยู่ในไทยในราคาลำละ 5 แสนกว่าบาท ด้านตำรวจรอผู้ที่สั่งซื้อนำเอกสารหลักฐานซื้อขายมาแสดงสืบ บก.น.3 บุกยึดโดรน 10 ลำในโรงแรมย่านลาดกระบัง เปิดเผยเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 22 ธ.ค. พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.3 พ.ต.อ.สมคิด ประเชิญสุข ผกก.สน.ลาดกระบัง พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สส. บก.น.3 พร้อมชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.3 และชุดสืบสวน สน.ลาดกระบัง ร่วมกันเข้าตรวจค้นห้องพัก เลขที่ 2114 และ 2115 โรงแรมแกรนด์ บีเอส แอร์พอร์ต สุวรรณภูมิ ซอยลาดกระบัง 30/4 แขวงและเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งเก็บโดรนจำนวนมาก อาจเกี่ยวข้องกับฝูงโดรนที่บินใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ สร้างความแตกตื่นกันทั้งสนามบินเมื่อคืนวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมาจากการตรวจค้นพบชาวเมียนมา 4 คน คือ นายซเว เต้ต ออง อายุ 32 ปี นายซา นายลิน เต็ต อายุ 24 ปี นายจอ ซิน เฮน อายุ 21 ปี และนายเต็ง ซอ อายุ 34 ปี พร้อมของกลางโดรนยี่ห้อ DJI จำนวน 10 ลำ โดยทั้งหมดเข้ามาพักเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. มีนายเดวิด ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เป็นคนจองห้องพักทางออนไลน์ มีนายรัชพล พรชีวโชติ ชาว จ.นครราชสีมา เป็นผู้สั่งซื้อจากบริษัท ซิสทรอนิกส์ จำกัด สำนักงานตั้งอยู่ จ.นนทบุรี ตรวจสอบเบื้องต้นไม่ใช่ฝูงโดรนที่บินป่วนเมือง เพราะยังอยู่ในกล่องและไม่ผ่านการขึ้นบินสอบสวนทั้ง 4 คนให้การว่าได้รับการติดต่อจากหัวหน้าชาวเมียนมาให้มารอรับโดรนในประเทศไทยเพื่อนำออกไปยังประเทศเมียนมาอีกทอด ได้มารอรับโดรนจากรถขนส่งบริษัท ลาล่ามูฟ ที่โรงแรม โดยวิธีนำออกไปยังประเทศเมียนมา ต้องแยกชิ้นส่วนออกเป็นกล่องๆ และยังไม่ได้ประกอบเป็นตัวเครื่องจะสามารถนำออกทางเครื่องบินโดยสารได้ตามปกติ แบ่งหน้าที่กันนำออกไปคนละ 2-3 กล่อง เมื่อไปถึงเมียนมาจะนำส่งให้นายเควินโช หัวหน้าที่เปิดบริษัท อยู่ในเมียนมาเพื่อขายให้กับกองทัพเมียนมาอีกทีหนึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดโดรนทั้งหมดส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบัง ตรวจสอบ โดยรอนายรัชพลกลับมาจากประเทศโอมาน นำหลักฐานมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน และเพิกถอนวีซ่าชาวเมียนมาทั้ง 4 คน ต่อ ผบก.ตม.1 ควบคุมตัวไว้ที่ห้องกัก เพื่อสืบสวนขยายผลต่อไปมีรายงานว่านายรัชพล พรชีวโชติ ชาว จ.นครราชสีมา ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขณะนี้อยู่ประเทศโอมาน โดยเรื่องโดรนทั้งหมดนั้นได้รับการติดต่อจากเพื่อนชาวเมียนมาชื่อนายเควินโช รู้จักและเคยทำงานร่วมกัน สมัยที่ทำงานอยู่ที่บริษัท ทีอาร์ดี ขณะนี้ตนยังทำงานให้กับบริษัททีอาร์ดี โดยนายเควินโชให้ช่วยซื้อโดรนจากบริษัทในไทย เนื่องจากมีราคาถูกกว่าตลาดทั่วไป ได้ติดต่อซื้อโดรน จากบริษัท ซิสทรอนิกส์ จำกัด สำนักงานตั้งอยู่ จ.นนทบุรีขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่บริษัท ซิสทรอนิกส์ฯ ให้การว่า นายรัชพลเคยติดต่อซื้อโดรนก่อนหน้ามา 2-3 ครั้ง ครั้งละ 3-4 ลำ ล่าสุดได้ติดต่อซื้อโดรนรุ่น DJI FLYCart 30 จำนวน 10 ลำ ราคาลำละประมาณ 5 แสนบาท รวมภาษีแล้วเป็นเงิน 7.5 ล้านบาท นายรัชพลโอนเงินชำระเป็นที่เรียบร้อย ทางบัญชี บ.ซิสทรอนิกส์ฯ มีกำหนดส่งมอบให้เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. แต่เนื่องจากวันดังกล่าว นายรัชพล ไม่สะดวก จึงนำมาส่งมอบในวันที่ 21 ธ.ค. นัดหมายที่โรงแรมแกรนด์ บีเอส แอร์พอร์ต โฮเทล บริษัท ได้ว่าจ้างรถขนส่งของลาล่ามูฟนำไปส่งมอบให้สำหรับนายรัชพล พรชีวโชติ เป็นบุคคลที่เชี่ยวชาญเรื่องโดรน มีส่วนร่วมกับทีม Anti-Drone ของบริษัท ทีอาร์ดี (เคยถูก กสทช. เข้าค้นและตรวจยึดโดรนหลายลำ ที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.68) ส่วนบริษัท ซิสทรอนิกส์ จำกัด เป็นบริษัทนำเข้าโดรนรายใหญ่ของประเทศไทยให้กับหน่วยงานรัฐและเอกชนด้าน พ.ต.อ.สมคิด ประเชิญสุข ผกก.สน.ลาดกระบัง กล่าวว่า ตรวจสอบโดรนทั้ง 10 ลำ ไม่ใช่ กลุ่มเดียวกับที่บินป่วนสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะหากบินเข้าไปในระยะ 9 กม. จากสนามบินจะมีความผิดตามกฎหมายการบิน ข้อบังคับนี้คนบังคับโดรนจะทราบดี ส่วนโดรนที่ยึดได้นั้นยังไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนจึงมีความผิด แต่ต้องรอนายรัชพล ผู้สั่งซื้อกลับมาจากประเทศโอมาน นำเอกสารการสั่งซื้อมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วน 1 ในผู้ต้องสงสัย พบว่าอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่ากำหนด ต้องผลักดันออกนอกประเทศ และเพิกถอนวีซ่าทั้งหมดต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่