การประชุม GBC ออกแววเหลว เมื่อกัมพูชาขอย้ายที่จัดประชุม GBC กะทันหัน ไปมาเลเซีย แต่ไทยยืนยันต้องจัดที่ไทยเท่านั้นไม่ประชุมในประเทศที่ 3 “บิ๊กเล็ก” ย้ำแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยกลไกทวิภาคี ชี้กัมพูชาผิดกติกาสากล 5 ประเด็น ไม่คุยคลุมเครือ หลัง “ฮุน เซน” บอกพร้อมรบในระยะยาว แต่รัฐบาลหลักกลับบอกพร้อมหยุดยิง ด้าน ครม.มีมติอัดฉีดงบให้กองทัพไว้ปกป้องอธิปไตยประเทศกว่า 5 พันล้านบาทเพิ่มเติมเงินเยียวยา 2.3 พันล้านบาท ลดเวลาจ่ายเงินช่วยเหลือ ต้องให้เสร็จใน 30 วัน ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชาปะทะดุเดือดเป็นวันที่ 16 โดยกัมพูชายังยิงจรวด BM-21/ปืน ค.ใส่ไม่ยั้ง กระสุนตกใส่จุดตรวจ 40 บ้านหนองจาน พลทหารเสียชีวิต 1 นาย เป็นรายที่23 ในการปะทะรอบใหม่การปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยาวนานมาถึง 16 วัน ในวันที่ 23 ธ.ค.ยังไม่วี่แววจะคลี่คลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งอีสานใต้ และที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่มีการยิงตอบโต้กันดุเดือดแต่เช้ายันเย็น ส่งผลให้พลทหารสละชีพ 1 นายพนมดงรักปะทะกันแต่เช้าผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 ธ.ค.ทหารไทยยิงตอบโต้ทหารกัมพูชา เป็นชุดสุดท้ายด้านชายแดนปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งทหารกัมพูชาได้ยิงปืน ค. เข้ามาในพื้นที่ชายแดนและยิงปืนเล็กปะทะกันสักระยะ ก่อนจะเงียบไปจนถึงเวลา 22.00 น. ไม่มีเสียงปืนใหญ่เกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่พอเวลา 05.30 น.วันที่ 23 ธ.ค.ทหารไทยยิงปืนใหญ่ตอบโต้ทหารกัมพูชาหลายชุดต่อเนื่อง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ที่แนวชายแดนปราสาทตาควาย เนิน 350 ช่องกร่างและปราสาทตาเมือนธม ขณะที่ผู้นำชุมชน และ ชรบ. ที่เพิ่งตื่นนอนออกมาอยู่นอกบังเกอร์ต่างรีบวิ่งเข้าหลุมหลบภัยกันให้วุ่นเขมรยิง BM–21/ปืน ค. เป็นระยะต่อมาเวลาประมาณ 07.45 น. ทหารกัมพูชา ยิงจรวด BM-21 เข้ามาใส่ทหารไทยชุดแรกของวัน จากนั้นกัมพูชาใช้ปืน ค. ยิงเข้ามาเป็นระยะๆ สลับเสียงปืนใหญ่ไทยที่ยิงเข้าสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานนี้ ทหารไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา ที่พยายามเสริมกำลังพลและอาวุธหนักเข้ามาประชิดชายแดนจำนวนมาก เพื่อยึดคืนจุดยุทธศาสตร์ชายแดนที่ทหารไทยยึดกลับคืนได้ทั้งหมด ทั้งชายแดนปราสาทตาควาย เนิน 350 ช่องกร่างและปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรักชาวบ้านโคกสูงเจ็บ 5 ตร.1นอกจากนี้ ผลจากจรวด BM-21 ของกัมพูชาที่ยิงใส่ชุมชนใน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อเช้าวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงสายวันที่ 23 ธ.ค.มีรายงานจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ว่า จรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชาตกในพื้นที่ของหมู่ที่ 4 บ้านคลองตะเคียน ต.หนองแวง หมู่ที่ 3 บ้านหนองเสม็ด หมู่ที่ 10 บ้านหนองสิม ต.โคกสูง มีพลเรือนและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 คน ดังนี้ 1.น.ส.ภาสิณี กงจักร อายุ 40 ปี ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด 2.นางคำพั้ง กงจักร อายุ 69 ปี ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด ส่งต่อโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว (รพร.สระแก้ว) 3.นายชลอ อินแสวง อายุ 70 ปี ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด ส่งต่อ รพร.สระแก้ว 4.นายชัยยะ ประดับสิน ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด 5.นางแสงเดือน คชเดช อายุ 56 ปี ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด 6.ด.ต.ขจรเกียรติ กันหากุลวัฒน์ อายุ 46 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ สส.สภ.โคกสูง ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ และมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและคอกวัวได้รับความเสียหายหลายหลัง ต่อมา พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เดินทางไปที่เกิดเหตุ เพื่อเยี่ยมและบำรุงขวัญ ด.ต.ขจรเกียรติ ที่อาการปลอดภัยแล้วส่งร่างวีรบุรุษ บ.คลองแผงสู่บ้านเกิดส่วนที่ค่ายจักรพงษ์ อ.เมืองปราจีนบุรี เวลา 09.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. พล.ต.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 ประธานในพิธีรับศพ “ส.อ.กัมปนาท ทองแสง” สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ในพื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จาก รพ.ค่ายจักรพงษ์ เข้าประจำที่อาคารสุริยบูรพา ร.2 รอ. ค่ายจักรพงษ์ และทำพิธีส่งศพ โดยมีกองทหารเกียรติยศ 1 หมู่ ถือปืนเล็กล้วน แตรเดี่ยว ตั้งแถว ณ หน้าอาคารสุริยะบูรพา ขบวนศพเคลื่อนลงจากอาคารสุริยะบูรพา นำร่าง ส.อ.กัมปนาท ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นำไปยังภูมิลำเนา และจะมีการเคลื่อนศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดเจริญสูง บ้านหนองหญ้าข้าวนก ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ โดยกองทัพบกจะดูแลสิทธิและสวัสดิการให้ดีที่สุดเจอสิงโต–หมีในบ่อนทมอดาส่วนสถานการณ์ฝั่ง จ.ตราด หลังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก.นย.ตราด) เข้าเคลียร์พื้นที่กาสิโนทมอดา จังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา และพบสิงโตเพศผู้และเพศเมียจำนวน 1 คู่ หมีควายเพศผู้จำนวน 2 ตัว หมีคนไม่ทราบเพศจำนวน 1 ตัว ถูกขังในกรงภายในพื้นที่ของกาสิโน นาวาเอก อุดม กุลศิริปัญโญ เสนาธิการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (เสธ.กปช.จต.) ได้ประสานไปยังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการเคลื่อนย้าย หมี 3 ตัว จะส่งไปที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนสิงโต 2 ตัว ส่งไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน และจะสอบสวนขยายผลต่อว่าเกี่ยวกับขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติหรือไม่ส่งจ่าทหารช่างไปรักษาต่อที่ชลบุรีขณะที่ รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี ช่วงสาย คณะแพทย์พยาบาล ประชาชนร่วมมาส่งกำลังใจและขอบคุณจ่าเอกเทอดพงษ์ ผมนะรา สังกัดกองร้อยทหารช่าง กปช.จต.ที่เหยียบทุ่นระเบิดที่กัมพูชาลอบเข้ามาวางในพื้นที่บ้าน 3 หลัง บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมืองตราด จนสูญเสียข้อเท้า เป็นรายที่ 8 เพื่อเดินทางไปรักษาตัวต่อยัง รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่ จ.ชลบุรี โดยมีแฟนสาว และเพื่อนของ จ่าเอกเทอดพงษ์ติดตามไปดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ นายแพทย์ธีรพงศ์ ตุนาค ผอ.รพ.พระปกเกล้า กล่าวว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น สามารถกลับไปพักฟื้นต่อได้ทั้งที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือที่บ้าน ด้านจ่าเอกเทอดพงษ์กล่าวเพียงสั้นๆขณะเคลื่อนย้ายว่าขอบคุณทุกกำลังใจที่มารอส่ง และหวังว่าหลังจากที่หายดีแล้ว อยากจะขอโอกาสกลับเข้าทำงานที่กองทัพ เพื่อรับใช้ชาติอีกครั้ง ทั้งนี้ จ่าเอกเทอดพงษ์ไปถึง รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เมื่อเวลา 13.30 น.โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนจำนวนมาก มาให้การต้อนรับ“อนุทิน” เชื่อชายแดนจบด้วยสันติที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นในแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นการใช้กำลังทางทหารต่อประเทศใด แต่จำเป็นต้องตอบโต้กัมพูชาที่มารุกรานไทยตามความเหมาะสม สำหรับมาตรการการควบคุมการส่งออกน้ำมัน เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันการลักลอบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชา ไม่มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดการส่งออกน้ำมันไปยัง สปป.ลาว พร้อมย้ำว่าประเด็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นปัญหาในระดับทวิภาคีเท่านั้นเมิน “ทรัมป์” บอกไทยโจมตีก่อนนายอนุทินยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอของบเยียวยากำลังพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา รอบที่ 2 ว่า มี รวมถึงเยียวยาประชาชนในเขตที่ประสบภัยการสู้รบชายแดน ส่วนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บอกว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มสงครามกับกัมพูชา ก็ไม่กังวล เราเป็นฝ่ายถูกรุกราน และถูกโจมตี สิ่งที่เราทำคือตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตยของเรา ยืนยันปัญหาเป็นเรื่องระดับทวิภาคีไทย-กัมพูชา ยังไม่เห็นประเทศไหนบอกว่ายืนอยู่ข้างไหน ประเทศที่มาทุกคนบอกว่าเป็นกลางหมด เป็นปัญหาที่เราต้องแก้ไข และต้องทำให้จบสิ้นให้ได้ ระหว่างประเทศเรากับคู่กรณี“ทรัมป์” ชี้เหตุไทยกัมพูชากำลังดีขึ้นอย่างไรก็ตาม ในกรณีดังกล่าวข้างต้นนั้น สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระหว่างการเปิดตัวเรือรบประจัญบานรุ่นใหม่ที่ทำเนียบขาว โดยผู้นำสหรัฐฯกล่าวถึงการยุติสงครามทั่วโลกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เขายุติสงครามได้แล้ว 8 แห่งทั่วโลก รวมถึงสงครามไทยและกัมพูชาด้วย และสถานการณ์ระหว่าง 2 ประเทศกำลังดีขึ้น แม้ตอนนี้ ทั้งสองประเทศกำลังสู้รบกันอีกครั้ง แต่เขาเชื่อว่านายมาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ พร้อมจะช่วยยุติสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา และเชื่อว่าจะทำได้แน่แฉสื่อเขมรบิดเบือนคำ “ทรัมป์”ส่วนประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักก่อนหน้านี้ที่ว่านายทรัมป์กล่าวว่าไทยเริ่มโจมตีก่อนนั้น เมื่อมีการตรวจสอบถ้อยคำของนายทรัมป์อย่างละเอียด พบว่าสำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชาได้รายงานบิดเบือนว่า นายทรัมป์บอกว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มต้นโจมตีกัมพูชาก่อน โดยตัดคำพูดบางส่วนของนายทรัมป์ที่กล่าวถึงไทยในแง่บวกออกไป ทำให้หลายฝ่ายเข้าใจผิดว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มสงคราม“บิ๊กเล็ก” ซัด 5 พฤติกรรมเขมรร้ายแรงสำหรับการเตรียมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ จ.จันทบุรี ในวันที่ 24 ธ.ค. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 24 ธ.ค. เป็นการประชุมของฝ่ายเลขานุการการประชุม GBC หากฝ่ายเลขาฯประชุมไม่ได้ตามที่ตนคิดเอาไว้ ตนก็ไม่ไปลงนาม และจากพฤติกรรมของกัมพูชาที่ผ่านมา เห็นประเด็นย่อย 5 ข้อ คือ 1.กองทัพกัมพูชา ผิดอนุสัญญาออตตาวา 3 เรื่อง คือ มีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลไว้ในครอบครอง มีการผลิต และใช้ทุ่นระเบิดสังหาร และจากการตรวจพื้นที่บ้านสามหลัง พบเอกสารฉบับหนึ่งที่มุมขวาบน เขียนวันที่ 30/10/2025 คือหลังการเซ็นปฏิญญาร่วมที่มาเลเซีย สะท้อนว่ากัมพูชาไม่ได้ปฏิบัติตามอย่างชัดเจน 2.ทหารกัมพูชาใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทางทหาร 3.ใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก โดยเฉพาะ BM-21ซัดเขมรใช้พลเมืองเป็นโล่มนุษย์พล.อ.ณัฐพลกล่าวอีกว่า 4.กัมพูชาใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้งทางการทหาร และเป็นคลังอาวุธ แต่ทำให้ไทยยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว เนื่องจากกัมพูชาใช้รังสแกมเมอร์และบ่อนกาสิโนเป็นที่ตั้ง เรามุ่งทำลายที่ตั้งทางการทหาร ไม่ใช่เหตุปราบสแกมเมอร์เป็นหลัก และ 5.กัมพูชาใช้พลเรือนเป็นโล่ รวมถึงใช้พลเรือนมาสู้กับเรา โดยทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นฐานคิดของตนย้อนคำฮุน เซนพร้อมรบยาวพล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า การทำงานของตนแบ่งเป็น 3 ขั้น ขั้นแรกคือการพยายามเจรจาก่อน ในห้วงก่อน 24 ก.ค. ตนพยายามเจรจา เพื่อใช้วิธีสันติ เพราะหลักคิดของตนในฐานะทหารเก่า มีอยู่ว่า การชนะโดยไม่ต้องรบดีที่สุด และเมื่อรบต้องชนะ ดังนั้นระยะแรกที่จะแก้ปัญหา คือใช้วิธีสันติใช้การเจรจา ให้เขาถอนกำลังออกไป เพื่อจะได้ไม่ต้องรบกัน แต่หลังหยุดยิง 28 ก.ค. ซึ่งเป็นระยะที่สอง คือพยายามหยุดยิง แต่จากหลักฐานที่ชัดที่สุด คือหลังจากลงนามปฏิญญาร่วมแล้ว ยังมาวางทุ่นระเบิดสังหารเราอีก ถือว่าตรงนี้เขาคุยไม่รู้เรื่องแล้ว และตอนนี้อยู่ในระยะที่สาม ว่าการเจรจาขั้นต่อไปจะเป็นอย่างไร ดังนั้นจากสถานการณ์ปัจจุบัน ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงช่วงเช้าในบางพื้นที่ยังมีการยิง BM-21 เข้ามา สมเด็จฮุน เซน บอกว่า พร้อมที่จะรบในระยะยาว ในขณะที่รัฐบาลหลักบอกว่าพร้อมหยุดยิง แล้วจะทำให้เราเชื่อใจได้อย่างไร ดังนั้น การประชุมครั้งนี้ ยืนยันว่าเรายังยึดหลักปฏิญญาร่วม แต่คงไม่เหมือนเดิม ต้องลงรายละเอียดมากกว่านี้พ้อโลกเหมือนยืนข้างกัมพูชาพล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ตนมองว่าเวลานี้ไม่มีประเทศไหนยืนข้างเราจริงๆ ทุกคนพูดเหมือนเป็นกลาง แต่เหมือนไปยืนฝั่งกัมพูชา พูดให้เป็นกลางคือเขาฟังข้อมูลทางการกัมพูชา และมองว่าเราเป็นประเทศใหญ่ที่ไปรุกราน ยืนยันในฐานะที่รับผิดชอบทางนโยบายเราปกป้องตัวเอง โดยยึดหลักกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อที่ 51 ด้วยความจำเป็น และได้สัดส่วน ยืนยันตรงนี้ ขอให้สื่อมวลชนสบายใจได้ มั่นใจว่าเราต้องยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่มีประเทศใดเข้าข้างเรา ไม่เห็นมีประเทศไหนที่ประณามกัมพูชาว่าทำไมวางทุ่นระเบิดในเขตของไทย ได้แต่มาพูดว่าขอให้ไทยลดการใช้อาวุธ ลดความรุนแรง ดังนั้นเราต้องยึดกฎหมายเพราะเป็นที่พึ่งของเรา ตนพูดได้แค่นี้ เพราะถ้าพูดมากกว่านี้จะทำให้การประชุมของฝ่ายเลขาฯลำบากได้เขมรยังยิงใส่ไทยจำต้องตอบโต้เมื่อถามว่าการสถาปนาพื้นที่สู้รบแต่ละพื้นที่ เบ็ดเสร็จแล้วหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เป็นไปตามที่กองทัพรายงาน รวมถึงเนิน 350 ด้วย และตราบใดที่กัมพูชายังยิงเข้าฝ่ายไทยอยู่ จำเป็นต้องตอบโต้ตามความจำเป็นและสัดส่วน มีแค่พื้นที่จันทบุรีเท่านั้นที่นิ่งอยู่ ทำให้การประชุม GBC ในวันที่ 24 ธ.ค. จึงกำหนดสถานที่เป็น จ.จันทบุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลอดภัย จึงอยากให้ช่วยกันรับรองความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่กัมพูชาด้วย“สีหศักดิ์” มองเขมรใช้โลกกดดันไทยด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ที่ จ.จันทบุรี วันที่ 24 ธ.ค.ว่ายุทธศาสตร์ของกัมพูชาที่ผ่านมาแสดงจุดยืนว่าพร้อมหยุดยิง แล้วกัมพูชาไปบอกกับนานาชาติว่าเขาหยุดยิง นานาชาติจึงมาถามว่าทำไมไทยถึงไม่หยุดยิง เราชี้แจงไปว่าการหยุดยิงเป็นสิ่งที่สำคัญต้องพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย อย่างตอนไปประชุมอาเซียนก็ไม่ได้กดดันเรา ขอให้ทั้งสองประเทศมาพูดคุยกัน และขอให้กัมพูชามาพูดคุยกับเรา ไม่ใช่ไปพูดคุยกับโลก แล้วให้โลกมาบอกเราย้ำจุดยืนไทยไม่เคยรุกรานเมื่อถามถึงกรณีที่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ต่างชาติไม่เชื่อไทยแต่เชื่อกัมพูชามากกว่า จะแก้เกมนี้อย่างไร นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เราต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจ หากเขาไม่เข้าใจเรา เราต้องเข้าใจตัวเอง ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เราต้องมีจุดยืน เมื่อเรามีจุดยืน ที่เราไม่ไปรุกรานเขา เราต้องการสันติภาพและการหยุดยิงที่แท้จริง หวังว่าเขาจะเข้าใจเราเช่นกัน และมิตรประเทศควรที่จะเข้าใจเราและฟังเราด้วย เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปห่วงใยอะไรมาก เราทำของเราไปมั่นใจในจุดยืนของเราและมั่นใจในตัวเราเองเขมรพลิกขอไปประชุม GBC ที่มาเลย์ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายกัมพูชา ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ให้จัดประชุมจีบีซีวาระพิเศษ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันที่ 24 ธ.ค.ไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ขณะนี้ฝ่ายไทยทำหนังสือปฏิเสธตอบกลับไป ยืนยันให้มาประชุมที่ อ.บ้านแหลม จ.จันทบุรี เพื่อยืนยันการแก้ไขปัญหาแบบทวิภาคี ไม่ประชุมในประเทศ 3ไทยยันจัดประชุมที่จันทบุรีต่อมาช่วงบ่าย มีรายงานข่าวเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหม ถึงการกำหนดท่าทีของไทยในการ ประชุม GBC พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ จะไปประชุมที่ชายแดน จ.จันทบุรี มีการกำหนดท่าทีหลายเรื่อง อาทิ สาระสำคัญที่ รมว.กลาโหมไทยสื่อคือไทยยืนยันว่าพฤติกรรมของกองกำลังกัมพูชามีลักษณะละเมิดกติกาสากลหลายประเด็น และการประชุม GBC จะต้องลงรายละเอียดเชิงเทคนิคให้ชัดเจน หากฝ่ายเลขานุการตกลงกันไม่ได้ ไทยอาจไม่เข้าร่วม/ไม่ลงนาม และยังมีเรื่อง 5 ข้อ ที่ไทยระบุว่ากัมพูชากระทำผิด ได้แก่ 1.ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (ครอบครอง-ผลิต-ใช้ทุ่นใหม่) 2.ใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทหาร 3.ใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก ย้ายกลับชุมชนหลังยิง 4.ใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้งคลังอาวุธ รวมถึงอาคารที่เชื่อมโยงสแกมเมอร์ กาสิโนถูกใช้ทางทหาร และ 5.ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์และเป็นเครื่องมือกล่าวหาเมื่อเกิดความสูญเสียรมว.กต.ย้ำถก GBC ที่เดิมทั้งนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการหารือวาระพิเศษไทย-กัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ในวันที่ 24 ธ.ค.กรณีฝ่ายเลขานุการของจีบีซี ฝ่ายกัมพูชา ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ ขอหารือที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยไม่ขอประชุม ที่ จ.จันทบุรี ว่าได้รับแจ้งล่าสุดว่าการประชุมยังจัดขึ้นที่ จ.จันทบุรี ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรในการเดินทางมาประชุม แต่หากกัมพูชามีเงื่อนไขอะไร หากมีการประชุมกันแล้ว ต้องพูดคุยกันได้ทั้งหมด เราก็มีเงื่อนไขของเรา แต่ในที่สุดต้องเจรจากันครม.อัดฉีดกองทัพกว่า 5 พันล้านวันเดียวกัน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติงบกลางสำหรับกองทัพบกในการจัดหายุทธภัณฑ์เพิ่มเติม เพื่อเสริมศักยภาพกำลังพลอีก 206 ล้านบาท และยังเห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมใช้จ่ายงบฯ ปี 69 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนกระทรวงกลาโหม โดยผ่านกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ เพิ่มเติมอีก 5,050,871,138 บาท ทั้งนี้ รัฐบาลให้การสนับสนุนเสริมศักยภาพกำลังพลอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตยประเทศขยายกรอบเวลาผู้ได้รับผลกระทบนายสิริพงศ์กล่าวว่า นอกจากนี้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขอมติทบทวนมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่กำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.-2 ส.ค.2568 ทำให้ผู้ที่ประสบเหตุหลังจากนั้น จะไม่เข้าหลักเกณฑ์ ดังนั้น สมช.จึงขอปรับมติ ครม.ใหม่ โดยใช้กรอบวงเงินเดิม และจากวันที่ 16 ก.ค.2568 เป็นจนกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนหลักเกณฑ์เยียวยาเป็นเช่นเดิมทุกประการเพิ่มเติมเงินเยียวยา 2.3 พันล้านนายสิริพงศ์ระบุอีกว่า ครม.มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ได้แก่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด อันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ปี 2568 เพื่อเป็นค่าเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และอนุมัติกรอบวงเงินงบฯ ปี 69 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม 467,128 ครัวเรือน วงเงิน 2,335,640,000 บาท โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ่ายเงินช่วยเหลือผ่านธนาคารออมสิน เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ย่นเวลาจ่ายเงินให้เสร็จใน 30 วันนอกจากนี้ อนุมัติระยะเวลาการจ่ายตามมติ ครม. วันที่ 26 ส.ค. ให้จ่ายเงินช่วยเหลือให้แล้วเสร็จจากเดิม 90 วัน เป็นภายใน 30 วัน ตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบฯ เพิ่มเติม จากเดิมจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีอพยพตั้งแต่ 8 วันขึ้นไปปรับแก้ไขเป็นต้องเป็นประชาชนผู้ที่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว และพื้นที่ปลอดภัย และมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ออกให้ตาม พ.ร.บ.ปภ.2550 ม.30 รวมถึงต้องได้รับการรับรองว่าเป็นผู้ประสบภัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จากผู้นำชุมชนหรือผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน คนใดคนหนึ่ง และผ่านการตรวจสอบยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.)เล็งปูนบำเหน็จ ขรก.พื้นที่อพยพนายสิริพงศ์ยังกล่าวถึงการเยียวยา ปูนบำเหน็จเจ้าหน้าที่อื่นๆว่า ได้มีการพูดคุยกันในประเด็นนี้ ไม่ได้หมายถึงทหารเท่านั้น แต่หมายถึงข้าราชการในพื้นที่อพยพทั้งหมด ที่ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์อพยพหรือผู้ที่ต้องไปอำนวยความสะดวก ปัจจุบันอาจจะเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการให้ขวัญและกำลังใจและการปูนบำเหน็จ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ได้คลี่คลาย โดยการปูนบำเหน็จรางวัล ทั้งกำลังพลและส่วนข้าราชการพลเรือน จะนำมาพูดคุยกันใน ครม.ครั้งต่อไปยังไม่มั่นใจ 24 ธ.ค.คุยกันจบนายสิริพงศ์กล่าวอีกว่า นายกฯได้พูดถึงสถานการณ์โดยรวม รับทราบว่ากระทรวงกลาโหมเริ่มมีการเจรจากับกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.เป็นต้นไป โดยไทยยังคงยึดถือแนวทางโดยกัมพูชาจะต้องแสดงความเสียใจ ขอโทษต่อการที่กัมพูชาดำเนินการ และหากจะกลับไปสู่ปฏิญญามาเลเซีย ต้องมาคุยในจุดที่ต้องถอนกําลังกันใหม่ โดยไทยยืนยันว่าจะต้องเป็นจุดที่เราอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ จะเป็นแนวทางที่จะไปคุยกัน และยังไม่มีความชัดเจนว่าวันที่ 24 ธ.ค.จะจบหรือไม่ เพราะความเห็นระหว่างไทยกับกัมพูชายังไม่ตรงกันจี้ ปภ.ลดซ้ำซ้อนการรับเงินเยียวยานายสิริพงศ์กล่าวว่า นายกฯได้เร่งรัดให้ ปภ.บูรณาการข้อมูลกับผู้ดูแลศูนย์อพยพนําข้อมูลของผู้อพยพในศูนย์มาขึ้นทะเบียนได้เลย ไม่ต้องไปทําเอกสารตามระเบียบราชการให้เกิดความซํ้าซ้อน เพื่อให้ง่ายต่อการจัดสรรเงินเยียวยา รวมถึงให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ร่วมกับกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาปรับระเบียบต่างๆให้ยืดหยุ่นขึ้น เพื่อให้สามารถบรรจุทายาทของกําลังพลที่เสียชีวิตเข้ารับราชการได้เขมรยิงปืน ค. ถล่มจุดตรวจ 40จากนั้นในช่วงเย็นมีรายงานว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.45-15.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนและเสียงอาวุธหนักดังสนั่นจากพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนจะถูกโจมตีด้วยอาวุธไม่ทราบชนิด ต่อมาพบว่ามีการใช้อาวุธยิงสนับสนุนลักษณะคล้ายกระสุนปืน ค. ยิงตกใส่บริเวณจุดตรวจ 40 และพื้นที่โดยรอบ ส่งผลให้กำลังพลฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เป็นทหารจากหน่วยเดียวกัน เหตุเกิดในพื้นที่ถ้ำเสือ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญใกล้แนวชายแดน เจ้าหน้าที่เร่งนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาเร่งด่วนที่ รพ.โคกสูงพลทหารบาดเจ็บ 2 ตาย 1สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บรายแรกคือ พลทหารอภิชาติ แนบเนียม ถูกสะเก็ดระเบิดจากแรงระเบิดกระสุนปืน ค. ได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนซ้ายเล็กน้อย แพทย์ประเมินอาการอยู่ในกลุ่มสีเขียว สามารถสื่อสารได้ดี รายที่สองคือ พลทหารอิศวะ ประวัติกลาง ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ จากแรงสะเก็ดและแรงอัดของการระเบิด แพทย์จัดอยู่ในกลุ่มอาการสีเหลือง จำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และถูกนำส่งรักษาต่อที่ รพ.วัฒนานคร ส่วนรายที่สาม คือ พลทหารธนพัฒน์ นันทะวงศ์ อยู่ระหว่างการประเมินอาการ แพทย์จัดอยู่ในกลุ่มอาการสีดำสดุดี “พลฯ ธนพัฒน์” สละชีพเพื่อชาติต่อมาเวลา 17.00 น. เฟซบุ๊กเพจกองทัพภาคที่ 1 โพสต์ข้อความระบุว่า “ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวพลทหารธนพัฒน์ นันทะวงศ์ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อ 23 ธ.ค.2568 กองทัพภาคที่ 1 ขอเชิดชูเกียรติในความเสียสละทำหน้าที่ชายชาติทหารปกป้องแผ่นดินไทยด้วยชีวิต ทั้งนี้ จะดูแลจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ และดูแลสิทธิต่างๆให้กับครอบครัวอย่างครบถ้วนต่อไป” นับเป็นกำลังพลฝ่ายไทยเสียชีวิตเป็นรายที่ 23 ในการปะทะรอบใหม่นี้บึม 2 ที่หมายทหารในปอยเปตเวลา 17.40 น. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. กกล.บูรพา ปฏิบัติการโจมตีต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ปอยเปต จำนวน 2 แห่ง โดยยิงทำลายอาคารที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการ และเก็บอาวุธกระสุน ซึ่งไม่มีพลเรือนพักอาศัยอยู่ในอาคารแล้ว ได้แก่ 1.อาคาร international center call center ซึ่งแต่เดิมเป็นอาคารที่รวบรวมบุคคลข้ามแดน ก่อนจะแยกย้ายส่งไปทำงานสแกมเมอร์ภายในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้แปรสภาพเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร โดยอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวร บ้านหนองเอี่ยน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ประมาณ 2 กม. 2.อาคารฝั่งตรงข้ามวัดวังมน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ซึ่งแต่เดิมเป็นอาคารในการจัดทำบัญชีม้าของกลุ่มสแกมเมอร์ และได้แปรสภาพเป็นที่เก็บอาวุธและกระสุนของฝ่ายกัมพูชา โดยมีการตรวจพบพลซุ่มยิงด้วย (อาคารที่ยิงทำลายเมื่อวานนี้) ทั้งนี้ ขณะปฏิบัติการฯพิสูจน์ทราบแล้วว่าไม่มีพลเรือนอยู่ภายในอาคารที่โจมตี เป็นผลให้อาคารได้รับความเสียหายอย่างหนัก และฝ่ายกัมพูชาลดความสามารถในการปฏิบัติต่อฝ่ายไทยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่