ก็ลงนามกันเรียบร้อยแล้วหลังเที่ยงวันอาทิตย์ “ผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายก รัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย” (คำแปลไม่เป็นทางการของกระทรวงการต่างประเทศ) ซึ่ง นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ไลฟ์สดยืนยันกับคนไทยเช้าวันที่ 26 ต.ค.ก่อนเข้าร่วม การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และลงนามในถ้อยแถลงสองฝ่าย โดยมี นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมลงนามเป็นสักขีพยานว่า จะไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบตามที่หลายฝ่ายเป็นกังวล ไม่ใช่สนธิสัญญา ที่ต้องไปขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ไม่ใช่สัญญาสงบศึก ไม่ใช่ Peace Agreement เป็น Joint Declaration หรือ แนวทางที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพนายกฯอนุทิน กล่าวว่า ปฏิญญาที่ลงนามกำหนดให้กัมพูชาดำเนินการใน 4 เรื่อง 1.การถอนอาวุธหนักออกจากชายแดน 2.การเก็บกู้วัตถุระเบิด 3.การร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4.การแก้ปัญหาการรุกล้ำเขตแดนเมื่อมีการลงนามแล้ว ฝ่ายกัมพูชาจะเริ่มดำเนินการตามเงื่อนไข 2 ข้อแรก ไทยก็จะเร่งดำเนินการในส่วนของไทย เมื่อมั่นใจว่าต่างฝ่ายต่างปฏิบัติตามข้อผูกพันแล้วไทยก็จะส่งคืนเชลยศึก 18 คนพิธีลงนามสันติภาพไทยกับกัมพูชาครั้งนี้ มาเลเซียแอบเอาใจกัมพูชาเป็นพิเศษ จัดให้นายกฯกัมพูชานั่งติดกับผู้นำสหรัฐฯ เอกสารคำประกาศก็ให้นายกฯกัมพูชาลงนามก่อนนายกฯไทย ทั้งที่กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกรานก่อน เมื่อลงนามเสร็จ นายกฯกัมพูชายังแอบขโมยซีนเดินเข้าไปคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่กำลังจะเดินลงจากเวที ทำให้นายกฯไทยและนายกฯมาเลเซียต้องยืนรอเป็นระยะเวลาหนึ่งในเอกสารที่เป็น ถ้อยแถลงผลการประชุมสองฝ่ายมีทั้งหมด 8 ข้อ โดยระบุว่า “พวกเรานายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทย โดยมีประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ อเมริกา และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นสักขีพยาน ได้พบกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2568 ขอประกาศดังนี้...”สาระสำคัญของคำประกาศอยู่ที่ “ข้อ 3” เรื่อง “การจัดตั้งกลไกผู้สังเกตการณ์อาเซียน” (ASEAN observer Team : AOT) ประกอบด้วยบุคลากรจากรัฐสภาอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความแน่ใจว่า ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และ “ข้อ 4” ที่ระบุว่า “...พวกเราได้ตกลงในขั้นตอนดังต่อไปนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ เพื่อฟื้นฟูสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน”แนวทางปฏิบัติใน “ข้อ 4” มีด้วยกัน 5 ประการดังนี้1.ลดความตึงเครียดทางทหาร ภายใต้การสังเกตการณ์และยืนยันตรวจสอบโดย AOT รวมถึง การถอนอาวุธและยุทโธปกรณ์หนักและการทำลายล้างสูงออกจากแนวชายแดน และนำกลับไปยังที่ตั้งปกติของหน่วยทหารแต่ละประเทศ 2.ละเว้นการเผยแพร่หรือส่งเสริมการใช้ข้อมูลเท็จ การกล่าวอ้าง การกล่าวหา และ วาทกรรมที่สร้างความเสียหาย ไม่ว่าจะผ่านช่องทางที่เป็นทางการของรัฐบาล หรือช่องทางที่ไม่เป็นทางการ เพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหารืออย่างสันติ 3.เห็นพ้องที่จะดำเนินมาตรการสร้างความเชื่อมั่นโดยทันทีและเต็มรูปแบบ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน และนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต4.ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดน 5.ยืนยันความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดน และการจัดทำหลักเขต ผ่านสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยกลไก RBC GBC และ JBC ที่มีอยู่เมื่อ ดำเนินการตามมาตรการข้างต้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะยอมรับว่า “สิ้นสุดการเป็นปรปักษ์” ที่ดำเนินอยู่ ไทยจะปล่อยตัวเชลยศึกโดยพลันก็หวังว่า พ่อลูกฮุนเซน จะปฏิบัติตามคำประกาศนี้อย่างเคร่งครัด อย่าพูดโกหกอีก."ลม เปลี่ยนทิศ"คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม