ไขกุญแจดอกแรก...การแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายยิ่งฉบับปี 60 ยิ่งยากเข้าไปใหญ่เพราะผู้ร่างได้กำหนดเงื่อนไขที่ทำให้แก้ไขยากกว่าทุกฉบับเลยก็ว่าได้โดยเฉพาะต้องถามประชาชนก่อนว่าเห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขหรือไม่นี่จึงเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงมากสุดได้เสนอเงื่อนไขให้พรรคภูมิใจไทยว่าจะหนุนให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรีแต่มี 2 เงื่อนไข1.ต้องยุบสภาภายในเวลา 4 เดือน2.ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อตกลงกันจึงเริ่มเดินหน้าตั้งรัฐบาลและมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพรรคใหญ่ 3 พรรคต่างก็ยื่นร่างที่ว่าด้วยการตั้ง ส.ส.ร.และกำหนดที่มาก็เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้นคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกพรรคและ สว.ต่างก็เห็นชอบที่จะให้มีการแก้ไขเพียงแต่ทำตามหลักเกณฑ์หากร่างแก้ไขนี้ผ่านวาระ 3 ก็จะรู้ว่าจะมี ส.ส.ร.กี่คนและมีที่มาจากไหน เพราะศาลรัฐธรรมนูญกำหนดว่าจะต้องไม่มาจากประชาชนโดยตรงก็ต้องไปหาวิธีที่จะได้มาโดยอ้อม!ว่าที่แล้ว “ประชาชน” คือพรรคที่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากที่สุด ถือเป็นแนวทางของพรรคที่สำคัญอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้นมาจาก “เผด็จการ” ที่มีเนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตยแต่คนร่างบอกว่านี่คือรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงประเด็นที่พรรคประชาชนต้องการให้มีการแก้ไขก็คือหมวด 1-2 และ ม.112 อ้างว่าเพื่อให้สถาบันดำรงฐานะที่มั่นคงและไม่ถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ด้วยการแอบอ้างประเด็นนี้คงเป็นไปไม่ได้ เพราะแทบจะทุกพรรคการเมืองต่างก็ไม่เห็นด้วยคือแก้ไขมาตราอื่นได้แต่ห้ามแตะหมวดสถาบันเด็ดขาดนอกจากนั้นยังต้องการแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นว่ามีอำนาจล้นฟ้าผลปลดนายกรัฐมนตรีก็ได้ ทั้งที่ควรจะเป็นอำนาจของสภานอกจากนั้นยังต้องการแก้ไขในประเด็นที่เกี่ยวกับการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าด้วยเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และจริยธรรมของนักการเมืองเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรมีอำนาจนี้!นอกจากนั้นยังเห็นว่าการได้มาซึ่งองค์กรอิสระ การตรวจสอบ จะต้องมีการควบคุมให้เข้มข้นไม่ใช่อย่างปัจจุบันนั่นเป็นมุมของพรรคประชาชน!“เพื่อไทย” ก็มีความเห็นบางส่วนที่สอดคล้องกัน คือการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญปลดนายกรัฐมนตรีได้แต่พรรคการเมืองอื่นๆเห็นว่าดีอยู่แล้วไม่ต้องแก้ไขปัญหาก็คือหากแก้ไขในส่วนที่ว่ามานั้นจะใช้วิธีการอย่างใดกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับการกระทำของนักการเมืองเพราะสังคมไม่เชื่อว่านักการเมืองจะจัดการกับนักการเมืองได้จึงจำเป็นต้องตั้งองค์กรขึ้นมาดำเนินการคงเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันอีกยาวที่สำคัญก็คือประชามติจะผ่านหรือไม่...นี่แหละคือปัญหา!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม