เมื่อพูดถึง “การเมืองไทย” ภาพที่หลายคนนึกถึงคือการประชุมรัฐสภา การประท้วงบนท้องถนน หรือการหาเสียงของพรรคการเมือง แต่ในความเป็นจริงแล้ว...“การเมืองแบบไม่เป็นทางการ” ที่เกิดขึ้นในระดับรากหญ้าต่างหาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนนี่คือเหตุผลที่เราควรหันมามองและทำความรู้จักกับแนวทางความสำเร็จของ “ชุมชนเข้มแข็ง”พุ่งเป้าไปที่ “ชุมชนเข้มแข็ง...ประชาธิปไตยฉบับชาวบ้าน” ในขณะที่กลไกทางการเมืองส่วนกลางมักเต็มไปด้วย “ความขัดแย้ง” และ “ผลประโยชน์” แต่ในชุมชนที่เข้มแข็ง การตัดสินใจและการแก้ปัญหาเกิดขึ้นจาก “ความร่วมมือร่วมใจ” ของคนในพื้นที่ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการบริหารจัดการน้ำในท้องถิ่น การจัดการขยะ...สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อาศัยกฎหมายหรือคำสั่งจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก “กติกาชุมชน” ที่ทุกคนเห็นชอบร่วมกันความสำเร็จของชุมชนเข้มแข็งสะท้อนให้เห็นถึง “การเมืองแบบไม่เป็นทางการ” หมายถึง การจัดการอำนาจ การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาที่ไม่ได้ผ่านกลไกหรือโครงสร้างที่เป็นทางการของรัฐ เช่น การเลือกตั้งรัฐบาล, การออกกฎหมาย หรือระบบราชการ แต่เกิดขึ้นในกลุ่มคนหรือชุมชนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน นำไปสู่ “ชุมชนเข้มแข็ง” คือ ชุมชนที่สมาชิกมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน มีความไว้วางใจ และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของชุมชนอย่างเป็นระบบ ซึ่งการที่ชุมชนเข้มแข็งได้นั้น มาจากการที่คนในชุมชนมีการจัดการตนเองในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมทำให้สามารถ “พึ่งพาตัวเองได้” และ “มีอำนาจต่อรอง” กับหน่วยงานภายนอกมากขึ้นเมื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล เสนอชื่อบุคคลจากภายนอกเป็นรัฐมนตรี เช่น บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว, เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทันทีว่าเป็นคนคุณภาพ ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี มองว่า “ประเทศไทย” ติดอยู่ในวิกฤตการณ์เรื้อรัง รัฐมนตรีไม่มีคุณภาพ...โดยมากได้มาจากผู้บริจาคเงินจำนวนสูงลิ่วให้พรรคการเมือง“...กลายเป็นธนกิจการเมืองที่อาศัยเงินเป็นตัวนำ แต่คนนอกที่คุณอนุทินเสนอชื่อได้รับความนิยมจากประสบการณ์การทำงานว่าเป็นคนทำงานเป็นและซื่อสัตย์สุจริต การแสวงหาคนดีมาเป็นรัฐมนตรี จึงต้องแสวงหาจากคนที่มีประสบการณ์การทำงานและซื่อสัตย์สุจริต” ซึ่ง...สามารถหาได้จาก “ผู้นำ” ที่ “ไม่เป็นทางการ” ที่มีมากในภาคส่วนต่างๆของสังคมไทย“ผู้นำ” ที่ไม่เป็นทางการไม่ได้มาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง แต่มาจากการเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ และคนทั่วไปรับรู้ได้จากการทำงานร่วมกัน ทำให้คุณสมบัติตามธรรมชาติปรากฏให้สาธารณะเห็นผู้นำที่ไม่เป็นทางการมีคุณสมบัติ 5 อย่าง หนึ่ง...เป็นคนเห็นแก่ส่วนรวม คนเห็นแก่ตัว...ผู้คนก็ไม่ยอมรับว่าเป็นผู้นำถัดมา...มีความสุจริต ใครทุจริต ขี้โกง ชาวบ้านก็รู้และไม่ยอมรับเป็นผู้นำเด็ดขาด สาม...มีความรอบรู้เรื่องราวต่างๆ สี่...มีความสามารถในการสื่อสาร คนสื่อสารเก่งจึงจะเป็นผู้นำได้ ถ้าทำอะไรเก่งทุกอย่างแต่สื่อสารไม่เป็นก็เป็นผู้นำไม่ได้ ห้า...เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ ย้ำว่า ประเทศไทยสนใจแต่ความเป็นทางการ ไม่ยอมรับผู้นำที่ไม่เป็นทางการและไม่ยอมรับอะไรที่ไม่เป็นทางการ ทั้งที่ในความจริงแล้ว ความไม่เป็นทางการสำคัญกว่าความเป็นทางการ...มีมาก่อน ใหญ่กว่า เป็นธรรมชาติมากกว่า คล่องตัวมากกว่า และตรวจสอบได้ง่าย“ประเทศไทย”...รู้จักแต่ความเป็นทางการ จึงใช้รูปแบบความเป็นทางการ (Formal) กฎหมาย กฎระเบียบ ซึ่งทำให้เกิดความฉ้อฉล และไม่เคยพบผู้นำที่ไม่เป็นทางการซึ่งมีคุณสมบัติ 5 ประการอย่างดังกล่าวข้างต้น อันเป็นคุณสมบัติสูงสุดในหมู่ผู้นำทุกชนิดการเมืองจึงควรทำความรู้จักความไม่เป็นทางการ โดยดูที่ “ชุมชนเข้มแข็ง” ชุมชนเข้มแข็ง ประกอบด้วยสภาผู้นำชุมชน ซึ่งเป็นที่รวมของผู้นำไม่เป็นทางการประมาณ 40-50 คน ชุมชนที่มีผู้นำที่มีคุณสมบัติสูงเช่นนี้จึงเจริญโดยรวดเร็ว ดูตัวอย่างการทำงานสภาผู้นำชุมชนระดับหมู่บ้านได้ที่บ้านหนองกลางดง ต.ศิลาลอย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของ อดีตผู้ใหญ่โชคชัย ลิ้มประดิษฐ์ส่วนสภาผู้นำชุมชนระดับตำบล มีตัวอย่างที่ ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช มี นายประยงค์ รณรงค์ เป็นผู้นำ และได้รับรางวัลแมกไซไซเมื่อหลายปีก่อน“การเมือง” ควรรู้จักผู้นำที่ไม่เป็นทางการของไทย ซึ่งมีอยู่ในทุกวงการ...ประเทศไทยแบ่งได้เป็น 9 ภาคส่วน (1) สังคมติดแผ่นดิน ได้แก่ หมู่บ้าน ตำบล อำเภอต่างๆ ทั่วประเทศ (2) ระบบการเมือง (3) ภาครัฐ ซึ่งประกอบด้วยพลเรือนและกองทัพ (4) ภาคธุรกิจและการเงิน (5) ภาคการศึกษา (6) ภาคการศาสนาและวัฒนธรรม (7) ภาคสุขภาพ (8) ภาคประชาสังคม (9) ภาคสื่อมวลชนแต่...ละภาคส่วนล้วนมีผู้นำที่ไม่เป็นทางการ ถ้ามีการสรรหาผู้นำที่ไม่เป็นทางการจากสังคมทั้ง 9 ภาคส่วน ก็น่าจะเป็นตัวแทนที่มีคุณภาพและมีการกระจายทั่วถึงมากกว่าการเลือกตั้ง ใน “ประเทศจีน” คนที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง ล้วนต้องผ่านประสบการณ์การทำงานและพิสูจน์ตัวเองว่าทำงานเก่งและมีความซื่อสัตย์สุจริตเท่านั้น คุณภาพของนักการเมืองจีนจึงสูง เขาถือว่ากระบวนการเช่นนี้เป็นประชาธิปไตย เพราะเป็นการคัดเลือกคนที่ถูกต้องให้ประชาชนใน “สหรัฐอเมริกา” คนที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีมักเคยเป็นผู้ว่าราชการรัฐมาก่อน คือมีประสบการณ์ในการทำงาน และพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตถึงเวลาแล้วที่การเมือง “ระดับชาติ” และ “ระดับท้องถิ่น” ต้องเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง รัฐบาลต้องรับฟังเสียงจากฐานราก ทำให้ “การเมือง”...เป็นเรื่องของทุกคน ทุกชุมชนและทุกครัวเรือน.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม