ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ การเมืองไทยเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง เมื่อศูนย์รวมอำนาจที่เคย “ผูกขาด” จากตระกูลหนึ่ง มาสู่การเมืองที่เปิดกว้างมากขึ้น เมื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ได้เป็นนายก รัฐมนตรีคนที่ 32จากการโหวตเสียงในสภาฯแบบขาดลอยเมื่อได้รับคะแนน 311 เสียงชนะ “ชัยเกษม นิติสิริ” ที่ได้แค่ 152 เสียง“เพื่อไทย” ที่เป็นรัฐบาลและมีอำนาจครอบครองเมืองมาระยะหนึ่งต้องกลายเป็นฝ่ายค้านสิ้นสุดอำนาจของตระกูล “ชินวัตร” ที่นำโดย “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้มากบารมีและเป็นเจ้าของพรรค “เพื่อไทย” ที่บริหารแบบบริษัทมากกว่าความเป็นพรรคการเมืองทุกอย่างจึงต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของบริษัทที่จัดการทุกอย่างและผ่องถ่ายอำนาจในแวดวงอย่างต่อเนื่องจากเจ้าของพรรคไปสู่น้องสาว สุดท้ายก็มาถึง “ลูกสาว”แต่วันนี้หมดอำนาจอย่างสิ้นเชิง!เพราะลูกสาว “แพทองธาร ชินวัตร” ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่อถูกถอดถอน“ทักษิณ ชินวัตร” จึงหมดอำนาจบารมีอย่างที่เคยมีมาเวลานี้เดินทางไปดูไบอ้างว่าไปรักษาตัว แต่แวดวงการเมืองมองกันว่าน่าจะเพื่อตั้งหลักรอดูว่าศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไรในวันที่ 9 ก.ย.2568คดีชั้น 14 รพ.ตำรวจเรื่อง “ป่วยทิพย์” ซึ่งมีแนวโน้มว่าไม่น่ารอดจึงต้องเผ่นไปรอที่ดูไบ เพราะถ้ามีความผิดก็จะได้หนีคดีไม่ต้องรับโทษหนทางชีวิตจะหวนกลับไปแบบเดิมอีกครั้ง หลังจากที่หนีคดีไปนานถึง 17 ปี แล้วหวนกลับมา แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบที่บอกว่าจะกลับมาก่อนเพื่อฟังคำตัดสินแต่รูปการณ์แล้วคงซ้ำรอบเดิมคือ “หนี”แน่นอนว่าสถานการณ์ทุกอย่างจึงไม่เป็นผลดีต่อ “เพื่อไทย” อย่างแน่นอน เพราะขาดหัวที่เป็นพลังขับเคลื่อนขวัญและกำลังใจคงไม่ต้องพูด!แต่เป็นอาการขวัญหนีดีฝ่อมากกว่าพูดง่ายๆว่า เวลาของตระกูล “ชินวัตร” ได้เดินทางถึงแล้วคือจบสิ้น...จากนี้ไปบ้านเมืองน่าจะสงบขึ้นเพราะถูกครอบงำยัดเยียดให้ต้องยอมรับกับการครอบงำมาตลอด “ลูกสาว” ไม่มีความรู้ความสามารถแต่ถูกดันให้เป็นนายกฯบรรดาข้าราชการต่างก็ต้องจำใจยอมรับแต่ไม่รู้จะทำยังไงได้ สุดท้ายก็ไปไม่รอดวันนี้ทุกอย่างน่าจะปลอดโปร่งขึ้น!ก็ขึ้นอยู่กับ “อนุทิน” ผู้นำประเทศคนใหม่ ว่าจะทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน เพราะปัญหาที่ถาโถมอยู่ ณ เวลานี้ต้องบอกว่า “หนัก”เบื้องต้นการจัด ครม.ก็ต้องเลือกบุคคลที่เหมาะสม มีความรู้ความสามารถจริงๆ เพราะไม่ใช่เวลาที่จะมาฝึกงานแต่ต้องได้คนที่ครบเครื่องจึงจะแก้ไขได้“คนนอก” ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีคลัง พาณิชย์ และต่างประเทศ จึงต้องเลือกสรรให้ได้คนทำงานได้จริงและทำทันทีถือว่าเป็นการเริ่มต้นของ “อนุทิน” ที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าเหมาะที่จะเป็น “ผู้นำประเทศ” มากน้อยแค่ไหนจะสอบผ่านหรือไม่ก็ในช่วงนี้แหละเพราะถ้าได้รับการยอมรับ การเลือกตั้งก็มีโอกาสที่จะชนะได้!"ลิขิต จงสกุล"คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม