การช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ระหว่าง พรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย กำลังเป็นไปอย่างเข้มข้น หลังจากที่ คุณแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ด้วยมติ 6 ต่อ 3 ฐาน “มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง” ทำให้ ครม.ทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย พรรคที่กำลังเนื้อหอมก็คือ พรรคประชาชน ซึ่งมี สส.มากที่สุดในสภา 142 เสียง สิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่เกิดขึ้นก็คือ พรรคเพื่อไทยไปเจรจาขอให้พรรคประชาชน (พรรคก้าวไกลเดิม) สนับสนุนเป็นรัฐบาล ทั้งที่พรรคเพื่อไทยเคยหักหลังเขามาแล้ว ฉีกเอ็มโอยูที่ลงนามร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน แล้วไปจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยแทนประเทศไทยจะมี รัฐบาลที่ไร้มาตรฐานจริยธรรม ไปเพื่อประโยชน์อะไรคุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ซึ่ง ครม.นัดพิเศษเมื่อ 31 ส.ค. แต่งตั้งให้เป็น “ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ” เพราะ วันนี้ประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรีแล้ว คุณแพทองธารถูกศาลวินิจฉัยให้พ้นจากนายกฯไปแล้ว แกนนำสำคัญของพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์อย่างไม่เคอะเขินว่า “ส่วนตัวเห็นว่าพรรคประชาชนคุยกับพรรคเพื่อไทยจะง่ายกว่าคุยกับพรรคภูมิใจไทย” ในขณะที่ คุณสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก็ให้สัมภาษณ์ว่า “หากย้อนกลับไปจริงๆ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเป็นน้ำเดียวกัน เพราะเรามีจุดยืนเดียวกันคือคงไว้ซึ่งประชาธิปไตย แต่ถูกแยกโดยเหตุการณ์การเมืองบังคับให้เป็นแบบนั้น” พูดกันแบบไม่กระดากปากกันเลยก่อนที่ พรรคประชาชน จะตัดสินใจเลือกสนับสนุนใครเป็นรัฐบาลชั่วคราว ขอให้ไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงท้ายของคำวินิจฉัย“...นอกจากนี้ แม้ผู้ถูกร้องกล่าวอ้างในคำชี้แจงว่า เป็นการเจรจาแบบส่วนตัวกับผู้นำประเทศคู่กรณี เป็นไปเพื่อแก้ไขให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุข ไม่ต้องใช้ความรุนแรงจัดการปัญหา อันอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของทหารและประชาชนทั้งสองฝ่ายก็ตาม แต่เนื่องจากการกระทำของผู้ถูกร้อง ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของนายกฯ ทำให้สาธารณชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า ผู้ถูกร้องจะกระทำการใดๆอันเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชา มากกว่าการคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นเหตุให้สาธารณชนขาดความเชื่อถือศรัทธาต่อความเป็นนายกฯของประเทศไทย ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกร้อง อันมีลักษณะเป็นการเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์อย่างร้ายแรงในการดำรงตำแหน่งนายกฯ และยังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ...ดังนั้น การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 หมวด 2 ข้อ 17 และข้อ 21 ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบกับเจตนาและความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว เห็นได้ว่า มีลักษณะร้ายแรง ตามข้อ 27 วรรคสองอีกด้วยดังนั้น ผู้ถูกร้องจึงมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง คือวันที่ 1 กรกฎาคม”แม้ คุณแพทองธาร ชินวัตร จะหลุดจากเก้าอี้นายกฯ แต่เก้าอี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังอยู่ หัวหน้าพรรคที่เพิ่งถูกศาลฯวินิจฉัยว่าผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง แต่กำลังดิ้นรนกลับมาเป็นรัฐบาลอีก โดยไม่รู้สึกผิดอาย ถ้ามีรัฐบาลแบบนี้อีก ประเทศไทยจะไปต่ออย่างไรในสังคมโลก เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนต้องคิด และ พรรคประชาชน ก็ต้องคิด.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม