ในที่สุด “ชะตากรรม” ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็เป็นไปตามที่ผู้สันทัดกรณีส่วนใหญ่คาดไว้คือ ต้องหลุดพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในทันทีหลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6-3 วินิจฉัยว่า “กรณีโทรศัพท์ถึงนายฮุน เซน”เป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงผมเองก็คาดไว้เช่นกัน และเคยเขียนเตือนให้ท่านตัดสินใจลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะหากรอให้มีการวินิจฉัยแล้วหากมิได้ไปต่อด้วยความผิดในประเด็นฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง อาจกลายเป็น “สารตั้งต้น” ที่จะเดินไปสู่การถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตได้แต่ทางตัวท่านอดีตนายกฯและพรรคเพื่อไทยก็ดูเหมือนจะตัดสินใจเดินหน้าต่อไป และก็เดินหน้ารอจนมีการวินิจฉัยเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568 ด้วยผลดังได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นโดยส่วนตัวผมเองได้เคยแสดงความคิดเห็นไว้แล้วเช่นกันว่า การพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของท่านน่าจะเป็นผลดีต่อประเทศไทยของเราโดยรวมมากกว่าการที่ท่านจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปข้อแรก “ภาพลักษณ์” ในการบริหารประเทศของท่านไม่ประทับใจประชาชนในกลุ่มที่เรียกว่าชนชั้นกลางขึ้นไปจนถึงกลุ่มผู้มีการศึกษาค่อนข้างสูงเท่าไรนักเมื่อมาเจอกับเหตุผลหลัก ข้อที่สอง คือเรื่องของ “เทปหลุด” ที่นายฮุน เซน เจตนาปล่อยออกมาอย่างไร้มารยาท แต่ด้วยเนื้อหาสาระของการสนทนากลับทำให้ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่รู้สึกขุ่นเคืองและข้องใจนายกรัฐมนตรีของเราขึ้นมาทันที จนเกิดปฏิกิริยาต่อต้านขึ้นอย่างกว้างขวางมาจนถึงนาทีนี้ด้วยเหตุนี้หากท่านอดีตนายกฯได้อยู่ต่อไปก็จะไม่สามารถเป็นที่เชื่อถือเชื่อมั่นของประชาชนส่วนมาก จะทำให้การร่วมแรงร่วมใจเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ไม่ประสบความสำเร็จการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจากคุณแพทองธาร จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีของประเทศไทย ขึ้นอยู่กับว่านายกรัฐมนตรีท่านใหม่นั้นจะเป็นใคร?หากมองรายชื่อของผู้ที่ยังมีสิทธิในขณะนี้ เราคงต้องยอมรับว่ายังไม่มีท่านใดโดดเด่นถึงขั้นที่จะมาสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คนไทยได้มากนัก เพียงแต่ดีกว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีท่านเดิมเท่านั้นเองแต่สิ่งที่ดีงามและถูกต้องก็คือ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นการปฏิบัติตามกฎกติกาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะได้ท่านใดมาก็จะเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศทั่วโลกที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นหลัก และปฏิเสธผู้นำประเทศที่มาจากระบอบเผด็จการประเทศไทยจึงไม่ควรเผลอเข้าไปติด “กับดัก” เผด็จการโดยเด็ดขาด และเท่าที่ติดตามข่าวอยู่ในขณะนี้ก็พบว่า ทั้ง 2 ขั้ว คือฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านต่างก็ใช้ความพยายามที่จะรวบรวมเสียง สส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่อันเป็นไปตามกฎกติกาของประชาธิปไตยหรือหากสามารถยุบสภาได้ดังที่มีความเห็นขัดแย้งกันอยู่ขณะนี้ เพราะบ้างก็ว่าได้และบ้างก็ว่าไม่ได้ เพราะอำนาจยุบสภาเป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรี...ใครจะผิดจะถูกก็ว่ากันไปแต่ถ้าสามารถ “ยุบได้” ก็เป็นการปฏิบัติตามแนวทางประชาธิปไตยอีกแนวทางหนึ่งเหตุการณ์จะดำเนินการไปอย่างไรคงต้องลุ้นกันทุกวินาที นับจากนี้เป็นต้นไปกลับมาที่อดีตนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งได้โบกมือ-อำลาผู้สื่อข่าวทำเนียบเสมือนโบกมืออำลาประชาชน ภายหลังการแถลงอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายที่ทำเนียบจบลงใบหน้าของท่านแม้จะดูเศร้าๆ แต่ก็มีรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านปรากฏขึ้นด้วย ผมขอให้กำลังใจในการกลับไปสู่โลกใบเก่าด้านธุรกิจของตระกูลท่าน และขอให้ประสบความสำเร็จในอาชีพที่ท่านถนัด...การพัฒนาธุรกิจให้เจริญขึ้นไม่ถดถอยลงในสถานการณ์เช่นนี้...ถือเป็นการช่วยพยุงและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยได้โดยตรง...ขอให้โชคดีนะครับ!"ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม