ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ การเมืองกำลังเปลี่ยนไปสู่ฉากทัศน์ใหม่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติพ้นจากตำแหน่ง คดี “คลิปฉาว” ระหว่างการสนทนานายกรัฐมนตรีไทยกับ “ฮุน เซน” เป็นอันว่า “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีวัยละอ่อนแค่ 39 ปี ลูกสาวเจ้าของพรรค “เพื่อไทย” ผู้พ่อผลักดันจนเกินงามความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงทำให้ประเทศชาติเสียหาย คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าชาติและประชาชนที่สำคัญก็คือทำให้ชาติเสียหาย!เพราะการพูดคุยดังกล่าวแม้จะอ้างว่าคุยส่วนตัว เพราะสนิทสนมกันมานาน แต่ในฐานะผู้นำประเทศจะต้องมีความรับผิดชอบยิ่งไปกว่านั้นทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำประเทศไม่มีเกียรติศักดิ์เพราะแอบแฝงไปด้วยเรื่องประโยชน์ส่วนตัวในทางการเมืองด้วยการหาเสียงหาคะแนนแต่ไม่สามารถทำให้ความขัดแย้งยุติลงได้ด้วยมติ 6 ต่อ 3 จากจำนวนตุลาการ 9 ท่านถือว่าคะแนนเสียงสูงมากพอสมควรไม่ต่างไปจากมติ 9 ต่อ 0 ในการรับคำร้องพิจารณา และ 7 ต่อ 2 ที่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จากคำแถลงของศาลไม่ได้เน้นในประเด็นอื่นๆ นอกจากเรื่องจริยธรรมที่ให้น้ำหนักสูงกว่าเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์มีเสียงเตือนให้ “ลาออก” ก่อนเพื่อจะได้ไม่มีชนักติดหลัง แต่ด้วยความมั่นใจเกิน 100 จึงเดินหน้าสู้เต็มที่ยิ่งใกล้วันที่ศาลนัดฟังคำวินิจฉัยยิ่งแสดงออกว่า “รอด” แน่ไม่ใช่แค่ตัว “นาย” เท่านั้น!แต่บรรดาลิ่วล้อก็พลอยพยักไปด้วยเช่นกันแต่ความจริงย่อมหนีความจริงไปไม่พ้น เพราะฟังคำแถลงของศาลแล้วทุกอย่างมีเหตุมีผลและรับฟังได้ไม่ใช่กลั่นแกล้งแต่อยู่ที่เจตนามากกว่าวันนี้ “ชินวัตร” ก็ไม่เหลือใครแล้วที่รับมรดกตกทอดต่อเหลือแต่ผู้พ่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่แม้จะหลุดคดี ม.112 มาได้ แต่ก็ยังเหลือคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งศาลนัดตัดสินในวันที่ 9 ก.ย.2568เหลืออีกเพียงไม่กี่วันสถานการณ์อย่างนี้ดูไม่ค่อยจะเป็นใจนักสงสัยจะตกที่นั่งไม่ต่างจากลูกสาวเท่าใดนี่ถ้าพ่อ–ลูกโดนเหมือนกันก็น่าจะปิดฉากกันเสียที!จากนี้ไปเมื่อนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง รัฐบาลก็ต้องไปทั้งคณะที่เคยบอกว่ายังมี “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนเมื่อมนต์เสื่อมเสกเป่าอย่างไรก็คงไม่รอด!อ่านตามหน้าไพ่แล้วคงไม่มีทางได้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีแน่วันนี้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แคนดิเดตอีกคนที่เคลื่อนไหวหนักด้วยการล็อบบี้พรรค การเมืองอื่นๆให้สนับสนุนเป็นนายก รัฐมนตรีทำท่าจะสดใสขึ้นมาแล้วพรรคประชาชนจะเทเสียงให้เพียงแค่ยอมรับข้อเสนอที่สำคัญสุดคือ “ยุบสภา” ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก ทำให้การเมืองเดินต่อไปได้เหลือพรรคร่วมรัฐบาลเดิมซึ่งก็ไม่น่าจะยากเพราะ “เพื่อไทย” วันนี้เมื่อหัวขบวน “เน่า” อย่างนี้จึงผละหนีไปสร้างโอกาสใหม่ดีกว่าประเด็นคือการอยู่กับพรรคผูกขาดอำนาจไม่ยอมให้ใครใหญ่อยู่ไปอนาคตก็ได้แค่เบ๊อย่างเดียว!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม