จากกรณีทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงทหารไทย ที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ รวมทั้งยิงปืนใหญ่ จรวด BM–21 ถล่มชุมชนพลเรือน โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ทำให้ประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และขยายการโจมตีตลอดแนวชายแดนหลายจุดใน จ.สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์การโจมตีชุมชนและโรงพยาบาล ส่งผลให้ชาวบ้านเสียชีวิตนับสิบราย รวมถึงเด็กๆ สตรี และคนชรา ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง รัฐบาลจึงให้กองทัพไทยปฏิบัติการทางทหาร เพื่อรักษาอธิปไตยและปกป้องคุ้มครองประชาชน บนหลักการปกป้องตนเอง ตามมาตรา 51 กฎบัตรสหประชาชาติขณะที่สถานการณ์ตามแนวชายแดนในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคอีสาน มีปะทะกันอย่างดุเดือดต่อเนื่อง ทหารกัมพูชาพยายามใช้อาวุธหนักรุกเข้าตียึดพื้นที่เขตแดนไทย โดยทหารไทยก็ระดมตอบโต้กลับทั้งทางบกและทางอากาศ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่ทหารไทยก็พลีชีพในการต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินไทย 8 นายรัฐบาลไทยได้ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลกัมพูชา ที่ใช้อาวุธหนักโจมตีชุมชน และโรงพยาบาล โดยไม่เลือกเป้าหมาย ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งเด็กเสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ถือเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมของกัมพูชาเมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้ประชุมหารือสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยตัวแทนฝ่ายไทยย้ำว่ากัมพูชาโจมตีไทยก่อน แต่ตัวแทนกัมพูชาก็โกหกหน้าตายโต้แย้งว่าไทยยิงก่อน และเสนอให้มีการหยุดยิง ยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี แต่ขณะเดียวกันทหารกัมพูชาก็ยังยิงถล่มไทยต่อเนื่องขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ออกมาหย่าศึกขอให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิงทันที โดยขู่จะไม่ทำข้อตกลงเรื่องภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯกับประเทศที่กำลังทำสงครามกัน ซึ่งกัมพูชาและไทยต่างตอบรับหลักการเรื่องการเจรจาหยุดยิง แต่กัมพูชาก็ฉวยโอกาสก่อนเปิดเจรจายิงถล่มทหารและพลเรือนในเขตไทยทั้งนี้แม้จะเริ่มมีการเจรจาเรื่องเงื่อนไขที่จะหยุดยิงกันแล้ว แต่ก็ยังต้องรอดูความจริงใจของกัมพูชาในการปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลง เพราะรู้กันดีว่ากัมพูชาเจ้าเล่ห์สับปลับ พร้อมแว้งกัดไทยได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะการฟ้องร้องเวทีโลก หากรัฐบาลไม่เตรียมข้อมูลและประสานพันธมิตรในเวทีสากลต่างๆไว้ให้พร้อมก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำได้.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม