เพื่อไทยเกาะดีลแน่น แม้เป็นดีลที่ล้มไปแล้วเหมือนเรือไททานิค นับเป็นดีลที่ไม่ใช่การให้เพื่อไทยมีอำนาจ แต่ให้พรรคส้มไม่มีอำนาจ ชนชั้นนำตอนทั้ง 2 ฝ่าย เป็นรัฐบาลอะไรไม่ได้ เกรงใจทหาร-ชนชั้นนำน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า พลิกมุมมองให้เห็นโครงสร้างการเมืองไทย หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในคดีคลิปผู้นำไทยคุยกับลุงชาวกัมพูชาตลอด 20 ปี มีนายกฯหลุดจากตำแหน่ง 4 คน ดูตามประวัติศาสตร์ น.ส.แพทองธารจะเป็นนายกฯคนที่ 5 ที่หลุดจากตำแหน่ง แม้ด่วนสรุปไปก่อน เพราะยังมีเวลาอย่างน้อยอีก 1 เดือนผลชี้ขาดถึงออกมาที่ผ่านมาถึงได้ยืนยันตลอดไม่เห็นด้วยกับนิติสงคราม แม้ชอบหรือไม่ชอบ น.ส.แพทองธาร ทำให้เสียงของประชาชนไม่มีความหมาย ณ วันนี้ โครงสร้างการเมืองไทยมันเกินมือประชาชนไปหมดแล้วยุบสภาเป็นทางเดียวคืนอำนาจประชาชนเป็นนักการเมืองอย่ากลัวการเลือกตั้ง ต่อให้ไปสู่การเลือกตามบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯตามรัฐธรรมนูญ อำนาจก็ไม่ได้อยู่ในมือประชาชน วันนี้ สส.ข้ามขั้วย้ายพรรคไปย้ายพรรคมาจนงงไปหมด มันเละขนาดนี้แล้ว ตกลง สส.คนไหนอยู่รัฐบาล คนไหนอยู่ฝ่ายค้าน ขอให้ยอมรับความจริงว่าไปต่อไม่ได้“อย่าลืมรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนโดยคณะรัฐประหาร เขียนเปิดช่องให้มีกลไกในองค์กรอิสระสอยนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งเขาพยายามหากลไกที่เป็นทางลัด กำจัดนายกฯที่ไม่เป็นที่ต้องการของพวกเขาได้ อาทิ ใครฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่ฝังอยู่ในกลไกรัฐธรรมนูญ”ฉะนั้นขอให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มองย้อนกลับไปตรองดูให้ดีว่า เกมนี้ต้องการตอน “เพื่อไทย-ประชาชน” ทั้งที่นายทักษิณเป็นคนที่ไปร่วมมือกับเขา ทำให้เกมนี้เดินทางมาถึงวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นยังงงมากที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ด่าพรรคประชาชน (ปชน.) ที่จะไปโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ พรรค ปชน. พูดชัดเจน ไม่ได้ระบุจะโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกฯพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรืออาจารย์ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.แทนที่พรรค พท.จะยิ้มกริ่ม พรรคร่วมรัฐบาลห้ามแตกแถว ไม่เช่นนั้นไปหาพรรค ปชน. แต่กลับด่าพรรค ปชน. ชี้ชัดพรรค พท.คงเกาะดีล ไม่มีทางหันมาขอความช่วยเหลือพรรค ปชน. กลัวเจ้าของดีลไม่พอใจ เห็นชัดเจนขนาดเก้าอี้ รมว.มหาดไทยตีกันแทบตาย พรรค ภท.มี 68 เสียง แต่พรรค ปชน.มี 142 เสียงให้ฟรี เพื่อผ่าทางตันชนชั้นนำทำแบบนี้ยิ่งทำให้ผลงานพรรค พท.ไม่มี เลือกตั้งครั้งหน้าเข้าทางพรรค ปชน. น.ส.พรรณิการ์ บอกว่า เป็นไปตามสภาพที่ชนชั้นนำคงปวดหัว ต้องทำอย่างไรถึงไม่ให้พรรค ปชน.โตขึ้นชนชั้นนำมีความหวังภายใต้กลไกรัฐธรรมนูญ 60โอกาสที่พรรคการเมืองใดได้ สส.เสียงข้างมากเด็ดขาดเหมือนในสมัยพรรคไทยรักไทยคงไม่มี โดยถูกล็อกคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ ต่อให้คะแนนเสียงเลย 50% ได้ สส.บัญชีรายชื่อแค่ 50 คน สส.เขตก็ไม่มีพรรคไหนสามารถกวาดได้ 300-400 เขต เป็นไปตามพื้นที่นิยมของแต่ละพรรคฝั่งอนุรักษ์นิยมมีความหวังเดียวอย่างน้อยทุกพรรคที่ส่งผู้สมัคร สส. ได้ สส. 300 คนรวมกัน เพื่อจัดตั้งรัฐบาล พรรคส้มได้ สส. 200 คนถือว่าเก่งแล้ว ฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ปล่อยให้ได้ไป สุดท้ายเป็นฝ่ายค้านอยู่ดี“พรรค ปชน.มีทางออกเดียวที่จะได้เป็นรัฐบาล ต้องแก้สมการนี้ เดินฝ่าเกมนี้ไปให้ได้ สส. 250 คน บวกลบนิดหน่อย เสียงขาดนิดหน่อยยังสร้างพลังต่อรองจัดตั้งรัฐบาลได้วันนี้โอกาสเดียวที่พรรค ปชน.เล็งเห็น จึงประกาศตั้งแต่แรกต้องทำให้ได้ สส.มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อเอาชนะเกมของฝ่ายอนุรักษ์นิยม”พรรค ปชน.มีเงื่อนไขโหวตสนับสนุนนายกฯคนที่ 32 ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายชัยเกษม นิติสิริ ทั้งหมดยอมรับเงื่อนไขของพรรคปชน. จะโหวตเลือกใคร น.ส.พรรณิการ์ บอกว่า ถ้าจำเป็นส่วนตัวขอโหวตเลือก “อาจารย์ชัยเกษม” แคนดิเดตนายกฯของพรรคอันดับ 2ถ้าอาจารย์ชัยเกษมและพรรค พท.รับเงื่อนไข พรรค ปชน.โหวตให้ แต่ไม่ร่วมรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดทางตัน เพราะไม่มีพรรคไหนได้เกิน 247 เสียง และพรรคร่วมรัฐบาลอาจไม่เอาอาจารย์ชัยเกษม โดยอ้างถึงจุดยืนมาตรา 112 จริงๆ แล้วหยิบยกขึ้นมาอ้าง เพื่อ “ปั่น-เขย่า”สิ่งที่พรรค ปชน.เรียกร้อง ไม่ใช่เป็นผลประโยชน์ของพรรค ปชน. แต่เป็นสิ่งที่ทำได้แน่ถ้าพรรคการเมืองเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 69 คลี่คลายวิกฤติไทย-กัมพูชาให้อยู่สภาวะที่รับได้รวมถึงผ่านร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เพื่อเปิดประตูเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังเลือกตั้ง หลังจากที่รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรในรอบ 2 ปี ทั้งที่สัญญาไว้เกือบทุกพรรคตอนหาเสียงเงื่อนไขสำคัญที่สุด ยุบสภาสิ้นปี 68 คืนอำนาจให้ประชาชน“ภารกิจทั้งหมดสามารถเสร็จภายใน 3-4 เดือน งบประมาณ 2 เดือนจบ วิกฤติกัมพูชา เปลี่ยนตัวนายกฯก็คลี่คลาย เพราะปัญหาเกิดจากรัฐบาลแพทองธารเงื่อนไขทั้งหมดทำได้ และพรรค ปชน.ต้องไม่ไปร่วมรัฐบาล สัจจะต้องเป็นสัจจะ ไม่ตระบัดสัตย์ ที่ดิฉันเลือกอาจารย์ชัยเกษม เพราะเชื่อท่านว่ารับปากแล้วทำรัฐบาลตามสูตรนี้จะอยู่ในสภาวะเสียงปริ่มน้ำหรือเสียงข้างน้อย เป็นกลไกที่บังคับให้นายกฯคนนี้อยู่แบบเฉพาะกิจ ทำภารกิจเฉพาะหน้าให้เสร็จ”ขอย้ำเป็นการทลายทางตันทางการเมืองไม่ให้ไถลไปสู่ “อะ-ประชาธิปไตย” เดี๋ยวม็อบผลักไปสู่ทางตัน จะรัฐประหารหรือไม่ เพราะถ้าไม่มีแคนดิเดตนายกฯคนใดได้เสียง สส.ในสภาสนับสนุนเกิน 247 ก็มีนักสร้างทางตัน พยายามไปที่นายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 นายกฯพระราชทาน หรือต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ มันกลายเป็นการเมือง 3 ก๊ก“เพื่อไทย–ภูมิใจไทยไม่โหวตให้กันแน่ ประชาชนไม่โหวตให้อีก เดี๋ยวเข้าเดดล็อก ไม่ใช่เข้าทางปืนเข้าทาง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯเฉพาะกิจ ตั้งรัฐบาลแห่งชาตินับเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในกรณีเข้าเงื่อนไข น.ส.แพทองธารโดนสอย ไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมาก พรรค ปชน.ถึงเปิดให้การเมืองไม่ตัน มีทางออกที่นำไปสู่ทางออกที่แท้จริง คือ ยุบสภา”อย่าลืมจุดหมายสูงสุดของ “ประชาชน-ภูมิใจไทย” ตรงกันแล้วอย่างน้อย คือ ยุบสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ ตรงกับความ ต้องการของประชาชนตามผลสำรวจของโพล ส่วนใหญ่ให้ยุบสภาฉะนั้นหยุดสร้างทางตัน–มีทางออกเสมอโดยสภาขบวนการสร้างสุญญากาศทางการเมือง จนเกิดมีกลิ่นนายกฯนอกระบบหรือรัฐประหาร สถาน การณ์เหล่านี้จะไถลไปสู่จุดดังกล่าว น.ส.พรรณิการ์ บอกว่า กลิ่นเดิมมากเลยทั้งในปี 49 และปี 57 บนเวทีในวันนั้นแบบ “เดจาวู” สุดๆ ที่มารวมกันอยู่บนเวทีของปี 68ประวัติศาสตร์สอนว่าม็อบมาทรงนี้นำไปสู่อะไร ฉะนั้นไม่อยากให้เดินทางไปถึงจุดที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ทั้ง 2 ครั้ง ไม่ใช่มีม็อบแล้วมีรัฐประหาร ต้องมีพรรคฝ่ายค้านเล่นกับม็อบ สร้างทางตันให้ประเทศไปต่อไม่ได้แน่นอนครั้งนี้มันไปสู่การรัฐประหารยากมาก เพราะฝ่ายค้านท้าเลือกตั้งทุกวัน กลายเป็นม็อบมาแปลกระบุให้นายกฯลาออก ทำไมไม่บอกให้นายกฯยุบสภาเมื่อนายกฯไม่ยุบสภา พรรค ปชน.ก็ไม่ได้หัวชนฝา อุตส่าห์ พร้อมโหวตภายใต้เงื่อนไขข้างต้น เพื่อตัดวงจรไม่ให้ไปสู่เส้นทางไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ต้องการให้ไปสู่การยุบสภา ถึงบอกไม่มีทางตัน แต่ก็มีความพยายามสร้างทางตันประเทศไทยมีรัฐประหารอีกครั้งจะเกิดอะไรขึ้น น.ส.พรรณิการ์บอกว่า สถานการณ์เช่นนี้ยังกล้ารัฐประหาร ถ้ากล้าทำกล้าวัดอยากให้สถานการณ์ไปถึงจุดนั้นเร็วๆ...ทำเลยเชื่อเป็นรัฐประหารครั้งสุดท้ายและถือเป็นจุดจบของชนชั้นนำ.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม