คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกฯและ รมว.วัฒนธรรม กล่าวทักทายข้าราชการที่มาต้อนรับในโอกาสเดินทางเข้าไปทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรมวันแรกว่า “เคยได้ยินว่ากระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงเล็กๆ แต่วัฒนธรรมของเราทั่วโลกชอบ มีมูลค่าในตัวเอง ดีใจมากที่ได้โอกาสทำงานในส่วนของ รมว.วัฒนธรรม อยากให้กระทรวงวัฒนธรรมเติบโตและยิ่งใหญ่เหมือนหลายประเทศ เป็นเครื่องมือหลักขับเคลื่อนอาชีพใหม่ๆและโอกาสใหม่ให้คนไทย”ในอดีตมีรัฐมนตรีหลายคนหยอดคำหวานแบบนี้ให้ฟังจนชินหู คุณแพทองธารจึงไม่ใช่ รมว.วัฒนธรรมคนแรกที่กล่าวลักษณะนี้ แต่คุณแพทองธารมีโอกาสเป็น รมว.วัฒนธรรมคนแรกที่จะสร้างผลงานกระทรวงวัฒนธรรมให้เจิดจรัส ยกระดับจากกระทรวงเกรดซีเป็นกระทรวงเกรดเอการที่นายกฯอิ๊งค์ควบตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม แม้วัตถุประสงค์หลักเป็นแค่แก้เกมที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงานในหน้าที่นายกฯ กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเพียงที่หลบภัยชั่วคราว แต่ช่วงเวลาอย่างน้อย 2 เดือนก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย รมว.อิ๊งค์ก็น่าจะฝากผลงานไว้เป็นที่จารึก และหากชนะคดี ก็ควรนั่งควบ รมว.วัฒนธรรมต่อไป ให้สมกับที่ประกาศจะผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยโกอินเตอร์2 ปีมาแล้วที่พรรคเพื่อไทยขายฝันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ คุณแพทองธาร เป็นหัวเรือใหญ่ เป็นทั้งรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน คำว่าซอฟต์พาวเวอร์ได้รับการพูดถึง ในวงกว้าง แต่ประชาชนจำนวนมากยังสับสนว่าซอฟต์พาวเวอร์คืออะไร จะสร้างสรรค์อย่างไร ต่อยอดและขยายตลาดด้วยวิธีไหนประเทศไทยมีวัฒนธรรมหลากหลาย ทั้งอาหาร ดนตรี ศิลปะ ผ้าไทย ประเพณี และวิถีการใช้ชีวิต หากบริหารจัดการอย่างมียุทธศาสตร์ ซอฟต์พาวเวอร์ไทยจะสร้างภาพลักษณ์ประเทศและมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล เหมือนที่หลายประเทศทำสำเร็จมาแล้ว แต่ทว่าเรายังไม่สามารถเปลี่ยน ของดี ให้กลายเป็น พลัง ที่จับต้องได้อาหารไทยไปได้ไกลแล้ว แต่ขาดมาตรฐานกลาง ซีรีส์ไทยเริ่มเป็นที่นิยม แต่ขาดทุนสนับสนุนระยะยาว เสื้อผ้าไทยสวย แต่ยังไม่มีแบรนด์ระดับโลก เหมือนกับว่า ซอฟต์พาวเวอร์ไทยยังไปไม่สุดสักทาง ต่างชาติรับรู้เพียงบางมิติ ไม่อาจสร้างความรู้สึกเป๊ะๆได้ว่าวัฒนธรรมไทยคืออะไรในโลกปัจจุบันผู้สร้างสรรค์ผลงานหรือศิลปินไทยมักทำงานด้วยความรัก แต่ขาดทุนสนับสนุนด้านการผลิต การตลาด หรือการก้าวไปสู่เวทีโลก ขณะที่รัฐบาลยังไม่ได้สร้างระบบนิเวศที่ช่วยให้คนไทยสร้างซอฟต์พาวเวอร์ได้อย่างยั่งยืน เช่นกองทุนวัฒนธรรมสร้างสรรค์ ตั้งสำนักงานพัฒนาแบรนด์วัฒนธรรมไทย หรือจัดทำโครงสร้างภาษีที่เอื้อต่อครีเอเตอร์เคยมีผู้เสนออยากให้จัดเวทีเจรจาระหว่างครีเอเตอร์กับทุนระดับโลก ให้ทุนสำหรับโปรเจกต์เชิงวัฒนธรรม ประสานงานกับสถานทูตในการจัดแสดงผลงานไทยในต่างประเทศอย่างเป็นระบบ รวมถึงสนับสนุนธุรกิจชุมชนให้เข้าถึงตลาดโลกด้วยเรื่องเล่าทางวัฒนธรรม เช่น OTOP X Netflix หรือ OTOP X TikTokถ้าอยากพลิกเกมปลุกอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ให้คึกคัก ผมว่าน่าจะ กำหนดทิศทางใหม่ที่เน้นผลลัพธ์ วางเป้าชัดเจนว่าซอฟต์พาวเวอร์ต้องสร้างรายได้เท่าไหร่ สร้างการรับรู้ และสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศถึงระดับไหนผู้กำหนดนโยบายต้องมองไกลกว่าแค่การจัดงานกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ควรลงมือสร้างทั้งโครงสร้างพื้นฐาน คนทำงาน และระบบเศรษฐกิจวัฒนธรรม ที่ทำให้ซอฟต์พาวเวอร์ไทยกลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่ส่งออกสู่เวทีโลกได้จริง.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม