รมช.กลาโหมแจงในสภา หลัง พรรคประชาชนถามกระทู้สดวิกฤติ ชายแดน เผยกัมพูชาเริ่มอยากเจรจา หนักใจสังคมมี 2 กระแส คนชายแดนอยากให้สถานการณ์ยุติ ไม่ใช้ความรุนแรง ขณะที่ส่วนกลางอยากให้รัฐบาลใช้ความเข้มแข็ง ตัดพ้อเจ็บปวดถูกด่านักรบห้องแอร์ จ่อถกจีบีซียกเลิกมาตรการชายแดน ด้านนักท่องเที่ยวแห่ชมปราสาทตาเมือนธมคึกคัก ส่วนทหารเขมรที่ชี้หน้าด่าทหารไทยยังวนเวียนสังเกตการณ์ในตัวปราสาท ขณะที่ธารน้ำใจคนไทยยังหลั่งไหลนำข้าวสารอาหารแห้ง ให้แก่ทหารชายแดน รวมทั้งมอบวัตถุมงคลไว้ปกป้องคุ้มกันภัย ผบ.กองเรือยุทธการณ์ กองทัพเรือ นำกำลังพลมาพบภรรยาที่ท้องแก่ใกล้คลอด เพื่อให้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกในวันที่ได้สมาชิกครอบครัวเพิ่มอีกคน หลังต้องปฏิบัติหน้าที่ประจำการชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด เกาะกูด อย่างเข้มแข็งหลายเดือน ส่วนชายแดนด้าน จ.บุรีรัมย์ ยังเปิดประตูด่านชายแดน พบมีขนคนเข้าออกคาดเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทหารไทยยังคงตรึงกำลังทหารที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สุรินทร์ ไว้อย่างเข้มแข็งเพื่อป้องกันเหตุตึงเครียดที่อาจเกิดขึ้น เพราะสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากอีกฝ่ายยังมีอาวุธอยู่ในพื้นที่ ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยจำนวนมาก ยังเดินทางมาชมปราสาทตาเมือนธม พร้อมมอบสิ่งของเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลป้องกันรักษาชายแดนไทยที่รัฐสภา เมื่อเที่ยงวันที่ 3 ก.ค. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณากระทู้ถามสดของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามถึง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถึงวิกฤติชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า สิ่งที่นายกฯเคยบอกว่า มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากสถานการณ์ดีขึ้น ขณะนี้การควบคุมด่านชายแดนเพื่อกดดันทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อคนไทยในวงกว้างเช่นกัน ทราบว่า กัมพูชาถอนกำลังทหารไปแล้ว อยากถาม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมว่า ขณะนี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีความตึงเครียดทางชายแดนจริงหรือไม่พล.อ.ณัฐพลชี้แจงว่า แม้กำลังทหารที่เผชิญหน้ากันจะถอนกำลังไปแล้ว แต่กำลังที่เหลืออยู่มีจำนวนมาก ทั้งอาวุธหนัก รถถัง ปืนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่ มีความเสี่ยงวันใดหากเกิดความไม่เข้าใจ อาจทำให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นใช้อาวุธหนักเคยมีประสบการณ์ปี 2554 ที่เขาพระวิหาร ครั้งนั้นอาวุธที่ทั้งสองฝ่ายมี ยังไม่ร้ายแรงเท่าครั้งนี้ รัฐบาลมีแนวทางคลี่คลายความตึงเครียดชายแดนดังนี้ 1.ตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณ ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) พยายามขับเคลื่อนไม่ให้ความเสียหายบานปลายออกไป เป็นเรื่องที่ ศบ.ทก.หนักใจมาก เพราะสังคมมี 2 กระแส คือ ประชาชนแนวชายแดนอยากให้สถานการณ์ยุติ ไม่ใช้ความรุนแรง ขณะที่ส่วนกลางอยากให้รัฐบาลใช้ความเข้มแข็ง ศบ.ทก.จึงต้องรอบคอบ ชั่งน้ำหนักให้ดีรมช.กลาโหมกล่าวต่อว่า 2.ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อนบ้านเป็นความตึงเครียดที่เกิดจากส่วนบุคคล ต้องไม่ขยายไปถึงประชาชน 3.ต้องเข้มงวดชายแดน เพราะมีข้อมูลชัดเจน กัมพูชาสั่งเคลื่อนย้ายกำลังมาที่ชายแดน ขยับไปขยับมา ไทยจำเป็นต้องเสริมกำลังที่เหมาะสม เพื่อรักษาอธิปไตย 4.รัฐบาลร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ตรวจสอบและควบคุมการเข้าออกตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้น 5.ทุกมาตรการที่รัฐบาลใช้ให้แนวชายแดนกลับคืนสู่ความปกติโดยเร็วที่สุด ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณบวก ฝ่ายบริหารระดับสูงกัมพูชาเริ่มพูดคุยว่า ที่เชิญไปประชุมจีบีซีมีเงื่อนไขอย่างไร แต่ด้วยสถานการณ์ด้านโซเชียลทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ทำให้การพูดคุยในเงื่อนไขยังไม่เป็นที่ตกลง มีสัญญาณบวกเขามาคุยก็ถือว่าบวกแล้วพล.อ.ณัฐพลกล่าวต่ออีกว่า ส่วนมาตรการควบคุมชายแดน ไม่ได้กดดันอะไรมาก ไม่ได้ปิดด่าน แค่จำกัดการเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะตามชายแดน ควบคุมเวลาเข้าออก แต่การโพสต์โซเชียลของผู้นำกัมพูชา ทำให้รู้สึกว่ามีการกดดัน สิ่งที่เรากดดันไม่ใช่ด้านเศรษฐกิจ แต่เป็นด้านกระบวนการอาชญากรรม ทำให้สถิติสแกมเมอร์ลดลง รู้สึกเจ็บปวดที่ชาวบ้าน จ.สระแก้ว จันทบุรี ตราด มาต่อว่า ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตึงเครียด เหตุใดดึงมาเกี่ยวด้วย ต่อว่ารัฐบาลวางแผนในห้องแอร์ ฟังแล้วเจ็บปวดมาก ยืนยันไม่ได้นั่งทำงานในห้องแอร์ รับฟังข้อมูลรอบด้าน ส่วนที่กองทัพประสานคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯประจำประเทศไทย เพื่อขอรับเครื่องกระสุนสนับสนุน ถูกรัฐบาลปัดคำขอนั้น เนื่องจากรัฐบาลต้องยึดนโยบายสร้างสมดุลระหว่างประเทศมหาอำนาจ เราต้องระมัดระวังไม่นำประเทศไปผูกพันกับประเทศใด กองทัพไม่สามารถดำเนินการได้ตามลำพัง ต้องทำตามนโยบายรัฐบาลที่ให้รักษาความสมดุล ถ้าดึงประเทศใดเข้ามา จะกระทบต่อความสมดุลภูมิรัฐศาสตร์ได้รมช.กลาโหมยังกล่าวด้วยว่า วันนี้ที่เรามาถึงจุดที่คนส่วนใหญ่เห็นว่า เรากำลังเสียเปรียบเพราะที่ผ่านมารัฐบาลเสียรู้ ประเด็นคลิปเสียงหลุด เราก็เห็นกันอยู่แล้วว่าเราเสียรู้เรื่องอะไร ส่วนกระบวนการเจรจาผ่านจีบีซี จะหารือ 2 เรื่องคือ การเคลื่อนย้ายกำลังกลับที่ตั้งปกติ เลี่ยงความเสี่ยงเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ การยกเลิกมาตรการควบคุมตามแนวชายแดน แต่รายละเอียดที่ไม่ลงตัวเพราะต่างฝ่ายยังระแวงจากโซเชียลส่วนบรรยากาศที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค.สภาพอากาศมีท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกโปรยปรายในพื้นที่ นักท่องเที่ยวจึงยังไม่ขึ้นไปเที่ยวชม กระทั่งช่วงสายฝนซาฟ้าใส ถึงมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลขึ้นไปเที่ยวชมตัวปราสาททั้ง 3 แห่งอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมกับมอบสิ่งของให้กำลังใจ จนท.ทหาร ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นยิ่งขณะที่นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา มีการจัดให้ขึ้นมาชมปราสาทตาเมือนธมเป็นชุดๆ ชุดละประมาณ 20 คนตลอดทั้งวันเช่นกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของทหารไทยอย่างใกล้ชิด ขณะที่ทหารกัมพูชาที่ปรากฏในคลิปขึ้นเสียงชี้หน้าด่าทหารไทยตามที่เป็นข่าว ยังคงวนเวียนขึ้นมาสังเกตการณ์ในพื้นที่อยู่เช่นเดิม นายภูมิพัฒน์ พันธุ์พิศ กำนันตำบลตาเมียง เผยถึงสาเหตุที่ทหารเขมรชี้หน้าและเสียงดังใส่ทหารไทย เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. จนมีคลิปว่อนโซเชียล เป็นเพราะนักท่องเที่ยวในวันดังกล่าวมีจำนวนมากและกลับออกมาล่าช้า ทำให้ทหารกัมพูชาไม่พอใจ ปัจจุบันปรับความเข้าใจกันแล้ววันเดียวกัน พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จ.สุรินทร์ ต้อนรับคณะธารน้ำใจชาวปราจีนบุรีนำโดยนางศุภรา สุวรรณ ประธานชมรมคนรักปราจีนฯ ที่เดินทางมายังปราสาทตาเมือนธม นำสิ่งของข้าวสาร อาหารแห้ง ของใช้จำเป็น มอบให้ทหาร ตชด.ที่ปฏิบัติหน้าที่แนวชายแดน เพื่อเป็นกำลังใจและมอบเงินสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนมอบพระยอดธงให้แก่ทหาร นอกจากนี้ยังมีคณะพระสงฆ์จากวัดห้วยหลาด อ.รัตภูมิ จ.สงขลา พร้อมญาติโยมนำข้าวสาร 15 กระสอบ อาหารแห้งและวัตถุมงคลมามอบให้ทหารไทยไว้คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายและเป็นกำลังใจที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. เดินทางมาตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่ตำรวจในสังกัด ตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ พร้อมประชุมร่วมกับ พ.อ.ภาคภูมิ นภากาศ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ผู้แทนจากกองกำลังสุรนารี นายสุทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นอภ.กาบเชิง พล.ต.อ.คำพล โนนุช ผกก.สภ.กาบเชิง นายศิริชัย ตันติรัตนานนท์ นายก อบต.ด่าน และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง มี พ.ต.อ.ชัชชัย สำเนียง ผกก.ตม.จ.สุรินทร์ รายงานสถานการณ์แรงงานต่างด้าวในพื้นที่ขณะที่บรรยากาศชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ เป็นไปอย่างเงียบเหงา ประชาชนต่างรอคอยรักษาการ นายกรัฐมนตรี และ ครม.ชุดใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหาชายแดนให้คลี่คลายลงโดยเร็ว เพราะนับวันเศรษฐกิจชายแดนยิ่งพังเสียหาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหนักนอกจากนี้ ในเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่กัมพูชาได้เปิดประตูด่านโอรเสม็ด ฝั่งกัมพูชา ตรงข้ามจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง ให้แรงงานชาวกัมพูชาทั้งที่ถูกผลักดันออกกับพวกที่เป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและถูกกฎหมายที่ต้องการกลับประเทศประมาณ 60 คน ข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา มี จนท.กระทรวงแรงงานกัมพูชาคอยคัดกรองผู้ที่ว่างงานและต้องการทำงานได้สมัครงาน มีรายงานว่าเป็นงานที่กลุ่มทุนจีนต้องการแรงงานจำนวนมากแต่ไม่ทราบว่าเป็นงานประเภทใดอีกด้านพลเรือเอกณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผบ.กองเรือยุทธการ พร้อมผู้บัญชาการกองเรือยามฝั่ง นำจ่าเอกวรสิทธิ์ พันธุชาติ ช่างกลประจำเรือ ต.263 ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนตราด เกาะกูด พื้นที่ทางทะเล ที่ได้ลากิจเป็นกรณีพิเศษ กลับบ้านมาเยี่ยม น.ส.ติยา อรรถสกุลรัฐ ภรรยาที่ตั้งครรภ์ครบ 9 เดือน มีกำหนดผ่าคลอดในอีกวันสองวันนี้ และเยี่ยมลูกชายวัย 3 ขวบอีก 1 คน ที่บ้านหมู่ที่ 10 บ.โชคชัย ต.ตาคง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ สร้างความดีใจให้กับจ่าเอกวรสิทธิ์และครอบครัว ที่ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เพราะต้องปฏิบัติหน้าที่ประจำชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ทางทะเลจังหวัดตราดและเกาะกูด ปกป้องอธิปไตยชาติช่วงสถานการณ์ชายแดนที่ไม่ปกติ โดยผู้บังคับบัญชาอนุญาตให้ลาเป็นพิเศษ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่กำลังพลและเพื่อให้พ่อแม่รวมทั้งลูกชายคนโตได้อยู่พร้อมหน้ากันในวันที่ครอบครัวได้สมาชิกใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 1 คน เมื่อภรรยาคลอดเสร็จเรียบร้อยก็จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อไปที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ทหาร ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงฝ่ายไทย ยังคงไขกุญแจเปิดประตูช่องทางเข้า-ออก สำหรับราษฎรฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา ที่บริเวณจุดผ่อนปรนการค้า ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด ระหว่างเวลา 09.00-12.00 น. ทุกวันอังคาร พุธ พฤหัสบดี เพื่ออำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรมและเป็นการปฏิบัติตามระเบียบและหลักสากล เช่น ด้านการรักษาพยาบาล การส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีเร่งด่วน ด้านการศึกษาของนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่ การซื้อขายผักผลไม้ เครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือนตามความเหมาะสมและจำเป็น เป็นต้น แต่ยังงดไม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเดินทางเข้า-ออกในช่องทางดังกล่าว รวมถึงการค้าขายทุกประเภทไม่ให้ยานพาหนะทุกประเภทผ่านเข้า-ออกในช่องทางดังกล่าว ขณะที่ฝั่งกัมพูชายังปิดประตูช่องทางเข้า-ออกเหมือนเดิมขณะที่มีรายงานว่าที่บริเวณอาคารแห่งใหม่ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จไม่นานและมีรั้วกำแพงสูงกั้นในฝั่งกัมพูชา คาดว่าเป็นที่ตั้งของสำนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งสแกมเมอร์ อยู่ตรงข้ามกับอาคารจุ๊บโกกี รีสอร์ต แอนด์ กาสิโน มีรถตู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 5 คันขับเข้ามา จากนั้นมีกลุ่มคนเอเชียทั้งชายและหญิง ดูลักษณะแล้วไม่น่าใช่ชาวกัมพูชา ลงจากรถเดินเข้าตัวอาคาร ก่อนมีกลุ่มคนเอเชียทั้งชายหญิงเดินขึ้นรถตู้คันดังกล่าวแล้วมีการขับเข้าออกไป คาดว่าน่าจะเป็นการขนคนเข้า-ออกมาทำงานในกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งสแกมเมอร์ในฝั่งกัมพูชาอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่