ระทึกกว่าเสียงไซเรนต์เตือนภัยทางอากาศตามสัญญาณสะท้านโลกที่ “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โพสต์บนโซเชียลมีเดียของตัวเอง เรียกร้องให้พลเมืองทั้งหมดในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน อพยพออกนอกเมืองทันทีหนีปฏิบัติการ “บอมบ์” ครั้งใหญ่ของกองทัพอิสราเอลที่แตะมือกับสหรัฐฯแนวรบตะวันออกกลางระอุเดือด ไม่มีหลักประกันยืดเยื้อ สถานการณ์เขย่าเศรษฐกิจโลก แรงสั่นสะเทือนราคาพลังงาน ตามรูปการณ์อิหร่านส่งสัญญาณปิดช่องแคบฮอร์มุช เส้นทางเดินเรือน้ำมันสะดุดสงคราม “ยิว–อิหร่าน” ทะลุจุดเดือด “แอ็กชัน” ผู้นำสหรัฐฯส่งซิกเตือนพลเรือนอพยพใหญ่หนี “บอมบ์” กรุงเตหะราน ตื่นเต้นกว่าฉากหนังยักษ์ฮอลลีวูดนาทีเป็นนาทีตายของจริง เทียบแล้วคนละเรื่องกับ “ลิเกเขมร”ดราม่ารายวัน “พ่อลูกตระกูลฮุน” ที่ออกแอ็กชันโชว์เหนือ กลบอาการ “จุก” ที่โดนกองทัพไทยยกระดับความเข้ม เปิด-ปิดด่านชายแดน ตามฟอร์มแบบที่ “ฮุน เซน” ผู้นำคนพ่อ โพสต์เฟซบุ๊ก กวักมือเรียกแรงงานเขมรกลับประเทศกะสั่งสอนไทยให้เข็ด ไม่มีคนงานกัมพูชาเดือดร้อนแน่และก็เป็น “ฮุน มาเนต” ผู้นำคนลูก ที่โดดรับมุก ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก จัดรถบัสหลายร้อยคันรองรับการขนกรรมกรเขมรกลับบ้านเกิด เชิดใส่ “นายจ้าง” คนไทย กลับไปขายแรงงานในประเทศตัวเองแทนตามแผนยังไม่แน่ว่า “พ่อลูกตระกูลฮุน” จะงัดไม้ตาย ถึงขั้นเรียก “ขอทานเขมร” ที่เกลื่อนตลาดนัดเมืองไทย กลับบ้านเกิดด้วยหรือไม่สไตล์ดราม่า “ตระกูลฮุน” เล่นได้ทุกบท ด้านได้ไม่เขินไม่อายเพียงเพื่อนำไปสู่ยุทธศาสตร์เป้าหมายในเกมปลุกปั่นกระแสชาตินิยม สร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้ “ตระกูลฮุน” ลากยาวอำนาจเผด็จการจากรุ่นสู่รุ่น ถ่ายโอนจาก “ตัวพ่อ ฮุน เซน” ถึง “ตัวลูก ฮุน มาเนต”ฟอร์มซ่า ไม่แน่ เดี๋ยวก็วูบไปตามเทศกาลหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ของเขมรเมื่อมันชัดเจนแล้ว “พลังชาตินิยม” ของคนไทยจุดติดแบบอัตโนมัติ เทใจให้กองทัพในการปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนสยาม ข้ามสายสัมพันธ์แน่นปึ้กของ “ตระกูลฮุน” กับ “ตระกูลชิน” ไม่มีผลใดๆ“บุญคุณส่วนตัว” ไม่มีผลให้เคลมไปมั่วนิ่มในศาลโลกง่ายๆหนังม้วนเก่าฉายวนทุกรอบ 10-20 ปี เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ก็แค่เป็นวาระจร เหมือน “เกลื้อน” เป็นๆหายๆ ไม่ใช่เรื่องที่ถึงกับต้องเอาเวลาทั้งหมดของไทยไปหมกมุ่นอยู่กับเขมรตามสคริปต์แบบที่ทีมเซราะกราว พรรคภูมิใจไทย ที่ยกขบวนไปปักหลักป้วนเปี้ยนแถบชายแดน อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ท่องคาถา ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องปรับ ครม. ขอเอาเวลาไปเล่นบท “แนวหลัง” ปกป้องชายแดนตามแผนเด้งเชือก หลบสัญญาณ “ยึด” เก้าอี้ รมว.มหาดไทยแต่ถึงจุดนี้ “หนีไม่ออก” เมื่อ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ได้รับโทรศัพท์จาก “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เรียกคุยบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯก่อนให้สัมภาษณ์นักข่าวน้ำเสียงอู้อี้ พูดไป จามไปพยายามเก็บทรง เก็บไต๋ แต่ก็ไม่อาจกลบของจริงที่กระฉ่อนวงใน “นายกฯอิ๊งค์” ได้แสดงท่าทีชัดอย่างเป็นการเป็นงาน ขอเก้าอี้ มท.1 คืนจากค่ายภูมิใจไทยจังหวะเลยจุด “วัดใจ” ไม่ต้องพูดกันตรงๆ ก็รู้กันในทีอารมณ์แบบที่รุ่งขึ้นอีกวัน “เสี่ยหนู” ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการดังออกอากาศ ประกาศท่าทีชัดๆ ถ้าอยู่กระทรวงมหาดไทยไม่ได้ พรรคภูมิใจไทยก็ต้องพร้อมถอยไปเป็นฝ่ายค้านสถานการณ์มาถึงตรงนี้ มันปรับเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้วแนวโน้มเหมือนพูดชัด แต่ยังไม่เต็มเสียงแบบชัวร์ๆ การเมืองแบบไทยๆอย่าปักใจ ธรรมชาตินักเลือกตั้งอาชีพ ไม่มีใครอยากไปนั่งอดอยากปากแห้งเป็นฝ่ายค้าน ไร้ดาบไร้อำนาจก่อนลงสนามเลือกตั้งเทียบไฟต์บังคับ มันแตกต่างกันลิบลับ“อนุทิน–เนวิน” ยื้อมหาดไทยไว้ไม่ได้ ก็ยังมีกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นของแลกโปรโมชัน แต่สำหรับ “ทักษิณ ชินวัตร” ถ้ายึด มท.1 ไม่ได้อย่างที่ปักธงไว้ ภาพจากนี้จะไม่ใช่แค่โดนขี่หลังแต่มันถึงจุดที่เกรียน 2 น. ขี่คอ หมดสภาพ “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า”.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม