เพื่อไทยหนุนเต็มที่ปรับ ครม.ไล่พรรคร่วมรัฐบาลที่ชอบทำตัวมีปัญหา ขวางนโยบายไปนั่งเป็นฝ่ายค้าน “สมคิด เชื้อคง” มั่นใจปรับทัพ รมต. ไม่เกิดแรงกระเพื่อมในรัฐบาล “เสี่ยหนู” ปฏิเสธไม่เคยคุยนายกฯ หารือสลับเก้าอี้ รมว.มหาดไทย มาคุมกระทรวงศึกษาธิการ โฆษกภูมิใจไทยโต้นัดกินข้าว “พีระพันธุ์” หารือปรับ ครม. “ภูมิธรรม” เสียงแข็งไร้สัญญาณรัฐประหาร แจงปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ทำให้รัฐบาลขัดแย้งกองทัพ “ภัณฑิล” เร่งเครื่องล่าชื่อ สส. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญสัปดาห์หน้าสอย “พิเชษฐ์” พ้นเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซัดเจตนาใช้งบผิดวัตถุประสงค์ ไล่แจกฐานเสียงตัวเองหลังจากมีกระแสข่าวการปรับ ครม. โดยพรรคเพื่อไทยจะขอยึดคืนกระทรวงมหาดไทยมาอยู่ในความรับผิดชอบ และต่อรองให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย โยกไปเป็น รมว.ศึกษาธิการนั้น นายอนุทินยืนยันว่า ยังไม่เคยมีการหารือเรื่องการปรับ ครม. ขณะที่อดีต สส.เพื่อไทย สนับสนุนให้มีการปรับ ครม. หากพรรคใดไม่ช่วยผลักดันนโยบายรัฐบาล ก็ควรไปเป็นฝ่ายค้าน“เสี่ยหนู” ปัดไม่เคยคุยโยกนั่ง ศธ.เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ที่จะถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เป็น รมว.ศึกษาธิการว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยังไม่ได้พูดคุยหรือมีการติดต่อจากใครเรื่องการปรับ ครม. ต้องฟัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี การปรับ ครม.ต้องหารือในระดับหัวหน้าพรรค ตอนนี้นายกฯไม่ได้เรียกประชุมใดๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา พบนายกฯก็คุยเฉพาะเรื่องงานและลามาประชุมเรื่องภัยพิบัติ เพื่อแสวงหาความร่วมมือจากต่างประเทศ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศมากมาย ทุกคนมาทำงานล้วนเป็นศักดิ์ศรีของไทย โดยเฉพาะระบบการเตือนภัย เป็นสิ่งที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ประเทศไทยมีระบบเซลล์บรอดคาสต์กำลังพัฒนาให้ดีกว่านี้ประเด็นนี้มีประโยชน์ ประชาชนรับฟังก็มั่นใจ ยิ่งช่วงนี้ภัยพิบัติมีทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินถล่มลือ รทสช.–ภท.นัดกินข้าว 8 มิ.ย.วันเดียวกัน มีกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เตรียมนัดรับประทานอาหาร ในวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 13.00 น. ที่สโมสรราชพฤกษ์ มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไปร่วมงานด้วย เพื่อหารือถึงการปรับ ครม. ภายหลังมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยจะยึดกระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทยมาดูแลเอง รวมถึงกรณีมีภาพ สส.รวมไทยสร้างชาติ 20 คน นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และ รมช.พาณิชย์ ไปร่วมรับประทานอาหาร โดยมีกระแสข่าวนายสุชาติจะนำกลุ่ม สส.รวมไทยสร้างชาติ ไปอยู่พรรคโอกาสใหม่ จนถูกมองเกิดความขัดแย้งภายในพรรค อาจมีผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติภท.ปฏิเสธนัด รทสช.คุยปรับ ครม.น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการนัดรับประทานอาหารร่วมกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันที่ 8 มิ.ย. เพื่อหารือถึงการปรับ ครม.ว่า ยืนยันไม่เป็นความจริง ข่าวที่จะออกจากพรรคภูมิใจไทยต้องรอฟังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และโฆษกพรรคภูมิใจไทย เท่านั้นพท.ยัวะไล่ ภท.เป็นฝ่ายค้านนายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่า ส่วนตัวมองว่า ถึงเวลาที่ต้องปรับ ครม.แล้ว เพราะเห็นความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อีกต่อไป มีแต่การชิงไหวชิงพริบ ชิงเหลี่ยม ช่วงชิงผลประโยชน์และผลงาน เพื่อเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคร่วมรัฐบาลที่มีปัญหาฝ่ายค้านในปัจจุบัน ทำให้พรรคหลักไม่สามารถเดินหน้านโยบายได้ เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ถ้าอยู่กันไม่ได้ ควรแยกย้าย พรรคร่วมรัฐบาลที่มีปัญหาก็ไปเป็นฝ่ายค้าน แม้เสียงรัฐบาลจะหายไปบางส่วน แต่มองว่ายังสามารถบริหารประเทศต่อไปได้เหมือนกับรัฐบาลก่อนหน้านี้ แต่หากอยู่รวมกันต่อไปเช่นนี้ คนลำบากคือประชาชน เพราะรัฐบาลอยู่ไปงานก็ไม่ออก ดังนั้นการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงอีก 2 ปีข้างหน้า จึงมองว่าถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยต้องปรับ ครม.มั่นใจปรับ ครม.ไร้แรงกระเพื่อมนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ ไม่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างแน่นอน พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยอมรับตรงกัน เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี จึงมั่นใจว่า รัฐมนตรีทุกคนจากทุกพรรคพร้อมจะทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชน ส่วนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่จะเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมหน้า เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคจะร่วมกันผลักดัน เพราะไม่เพียงกฎหมายนี้จะเสนอในนามรัฐบาลที่ทุกพรรคร่วมกันผลักดัน ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ยังเป็นนโยบายรัฐบาลที่ทุกพรรคเห็นร่วมกัน เพื่อประโยชน์ประเทศและประชาชนไร้สัญญาณทหารทำรัฐประหารที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อกังวลท่าทีความแข็งกร้าวของกองทัพต่อปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี อาจจะเป็นชนวนในการเกิดรัฐประหารหรือไม่ว่า กองทัพบกไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกับรัฐบาล เรื่องการเตรียมความพร้อมรักษาประเทศ รักษาอธิปไตยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ในยุคนายภูมิธรรมเป็น รมว.กลาโหม ไม่กังวลจะมีการทำรัฐประหารใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบกลับว่า ไม่มีสัญญาณเลย คุยกันดีมาตลอด ส่วนการปลุกระดมเรื่องความรักชาตินั้น ขอให้ช่วยกันทำให้เห็นว่า การไม่เกิดสงครามเป็นเรื่องดีที่สุด ถ้าเราไปปลุกกับเขาด้วย จะยิ่งมีปัญหาปชน.เร่งเครื่องสอย “พิเชษฐ์”เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาชน (ปชน.) นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชนแถลงความคืบหน้าการเตรียมยื่นเรื่องถอดถอนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน จากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ช่วงก่อนจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 นายพิเชษฐ์มีความตั้งใจนำงบประมาณไปแจกให้ฐานเสียงตัวเอง ในรูปแบบการแจกทุน หรือเงิน สนับสนุนโครงการ มอบหมายให้ที่ปรึกษายกร่าง 4 โครงการ มูลค่ารวม 443 ล้านบาท และสั่งการให้คณะทำงานปรับแบบคำของบประมาณ เขียนเป็น 3โครงการสัมมนา ให้จัดงานสัมมนา 2,294 ครั้ง ในเวลา 1 ปี ของบ 350 ล้านบาท แต่ถูก ครม.ตัดเหลือ 83 ล้านบาท สร้างความไม่พอใจให้นายพิเชษฐ์จึงไปกดดันให้แปรงบเพิ่ม จนได้มา 178 ล้านบาท แม้จะมีตัดในชั้น กมธ. แต่ยังต้องจัดสัมมนามากกว่า 1,300 ครั้งต่อปี หรือวันละเกือบ 4 งาน เป็นการตั้ง โครงการใช้งบไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ ไม่สามารถดำเนินการได้ ตั้งใจโยกงบไปใช้โครงการอื่นตั้งแต่แรกล่าชื่อยื่นศาล รธน.สัปดาห์หน้านายภัณฑิลกล่าวว่า ส่วนการจัดงบรายจ่ายปี 2569 นายพิเชษฐ์ของบเพิ่มเป็น 593 ล้านบาท เนื้อหาของบเหมือนเดิมคือ จัดกิจกรรมสัมมนา แต่มีจำนวนมากขึ้น การใช้งบส่อทุจริตเช่นนี้ ต้องรีบยับยั้งก่อนจะเสียหายมากกว่านี้ จึงเตรียมยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำนายพิเชษฐ์เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสองหรือไม่ ขณะนี้กำลังรวบรวมรายชื่อ สส.และเตรียมเอกสาร คาดว่าจะดำเนินการในสัปดาห์หน้า เหตุที่ต้องยื่นต่อศาล รัฐธรรมนูญก่อนนั้น เนื่องจากกังวลว่า กระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ค่อนข้างใช้เวลาและเป็นห่วงเจ้าหน้าที่สภาฯ และผู้อยู่ใต้บังคับบัญชานายพิเชษฐ์จะได้รับผลกระทบจากการใช้งบแบบนี้ ต้องรีบจัดการยื่นสอบกลุ่มไลน์หลุดแพทยสภาผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขว่า นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 6 มิ.ย.2568 ส่งถึง ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและกรรมการแพทยสภา ใจความระบุว่า ตามที่นายชวภณ กมลคณาวุฒิ มีหนังสือเรียน รมว.สาธารณสุข ขอให้พิจารณาตรวจสอบจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและกรรมการแพทยสภา กรณีส่งข้อความในกลุ่มไลน์กรรมการแพทยสภา เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม มีอคติในการวินิจฉัยรักษาอาการป่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น รมว.สาธารณสุข พิจารณาแล้วเห็นว่า การแสดงออกดังกล่าวถือเป็นการกระทำร้ายแรง ทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลางตามมาตรา 16 พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 และข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยวิธีพิจารณาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2563 เห็นควรส่งให้แพทยสภา และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตรวจสอบ โดยสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขขอส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ พิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควรส่งศูนย์ไซเบอร์ ตร.ตรวจสอบผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนผู้ถูกร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ มีทั้งหมด 5 คน มีทั้งคนนอก กรรมการแพทยสภา และเจ้าหน้าที่แพทยสภา ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ได้รับทราบและมีการลงนาม ให้ยื่นเรื่องร้องเรียนส่งถึง 2 หน่วยงาน คือแพทยสภา และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศจี้คุยเมียนมาแก้สารพิษแม่น้ำกกนายกันตพงศ์ ประยูรศักดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวถึงปัญหามลพิษในแม่น้ำกกว่า ได้ลงพื้นที่ลำน้ำกก ลำน้ำสาย ที่มีต้นทางจากเมียนมา ที่เป็นเหมืองทองคำ ซึ่งมีแร่สารพิษมากมายไหลลงแม่น้ำ วิธีแก้ปัญหาควรไปเจรจากับจีนและเมียนมา หากไม่พอต้องเชิญองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาด้วย สิ่งเหล่านี้ผลกระทบเกิดขึ้นกับคนไทย ต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ก บูรณาการระหว่างหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหานี้เกิดขึ้นมา 2 เดือนแล้ว ต้องเร่งรีบแก้ปัญหา เรื่องความปลอดภัยในชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด รัฐบาลต้องจริงจังมากกว่านี้ ต้องใส่ใจประชาชน ไม่ใช่เกรงใจเพื่อนบ้าน ประชาชนจะตายกันหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นให้เราทำแทน ท่านทำดีกว่านี้ได้ ให้รีบทำ ไม่เช่นนั้นเราจะได้คุยกันช่วงปี 2570 ว่า สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้เหมาะสมแก้ปัญหาประเทศรัฐบาลเร่งแก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งวันเดียวกัน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ติดตามสถานการณ์ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล มีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายศุภมิตร ชิณศรี ผวจ.สมุทรปราการ เข้าร่วมประชุม นายประเสริฐกล่าวว่า ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลกระทบชุมชนชายฝั่ง พื้นที่เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชนกว่า 12 ล้านคน ในเขตอ่าวไทยตอนบน หากไม่เร่งดำเนินการ อาจเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ขอให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการ 2 ประเด็นเร่งด่วน ควบคู่การจัดทำแผนแม่บทได้แก่ 1.ปัญหาน้ำท่วมและน้ำทะเลหนุนสูง ให้เร่งขุดลอกท่อระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางและพัฒนาโครงสร้างระบายน้ำ 2.ปัญหากัดเซาะชายฝั่ง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟูป่าชายเลน ควบคุมการบุกรุกพื้นที่ชายฝั่ง พิจารณาใช้มาตรการทางวิศวกรรม รัฐบาลหวังว่ามาตรการดังกล่าว จะช่วยให้ประเทศไทยมีแนวทางรับมือผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่