วันนี้ (17 เม.ย.) นาย อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย และประธานอาเซียน จะสะเวิ้ปมาเมืองไทย นัดปรึกษาหารือนายกฯแพทองธาร ชินวัตร (และบิดา) เพื่อรับมือการขึ้นภาษีตอบโต้ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำอเมริกาข้อเสนอของ นายอันวาร์ คือ กลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน และเป็นคู่ค้าสำคัญของอเมริกาควรรวมกลุ่มไปเจรจาต่อรองกับ “ทรัมป์” พร้อมกันหากกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศจะยกขบวนใหญ่ไปเจรจาปัญหากับ “พี่เบิ้มทรัมป์” พร้อมกัน จะเพิ่มน้ำหนักต่อรองมากกว่าการแยกไปเจรจาตัวใครตัวมันเพราะการรวมกลุ่มกันไปจะช่วยปิดจุดอ่อนเสริมจุดแข็งของกันและกันซึ่งจะเกิดผลประโยชน์กว่าการแยกกันฉายเดี่ยวหัวเดียวกระเทียมลีบ กลีบเดียวกระเทียมโทนตัวอย่างเช่น “เวียดนาม” รีบจองคิวไปเจรจาตั้งแต่ไก่โห่ พร้อมยื่นข้อเสนอจะลดภาษีสินค้าอเมริกาเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์แต่สุดท้าย...ข้อเสนอยังไม่ได้รับการตอบสนองอย่างที่ตั้งใจแถมข้อเสนอจะลดภาษีสินค้าอเมริกาเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์กลายเป็นสร้างเงื่อนไขผูกมัดตัวเองข้อสำคัญ หากผู้นำประเทศกลุ่มอาเซียนเคลื่อนพลไปเจรจาปัญหากำแพงภาษีการค้าอย่างพร้อมเพรียงจะมีโอกาสได้คุยกับ “ทรัมป์” โดยตรง!!ไม่ต้องผ่านด่านหน้าด่านหลังให้อึดอัดหาวเรอ“แม่ลูกจันทร์” มองว่าข้อเสนอของนายกฯมาเลเซีย ประธานอาเซียนก็มีเหตุผลดีแต่...วันนี้ (17 เม.ย.) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง ได้นำทีมไทยแลนด์บินด่วนไปอเมริกา ตามคิวที่กำหนดล่วงหน้าว่า “ทีมไทย” กับ “ทีมทรัมป์” จะเปิดโต๊ะเจรจาในวันที่ 21 เมษายนโดยหัวหน้าทีมไทยแลนด์ต้องการขี่ม้าเลียบค่ายไปเจรจากับกลุ่มผู้ผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองของอเมริกาโดยตรงเพื่อทำข้อตกลงว่าประเทศไทยจะสั่งซื้อผลผลิตเกษตรจากอเมริกาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความตั้งใจว่าประเทศ ไทยมุ่งมั่นจะร่วมแก้ปัญหาดุลการค้ากับพี่เบิ้มอเมริกาอย่างจริงจังซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักในการเจรจาต่อรองขึ้นอีกหลายกิโลแต่...แต่ถ้าหากผู้นำกลุ่มอาเซียนจะยกทีมใหญ่ไปเจรจาพร้อมกันนายกฯแพทองธาร ก็ยินดีร่วมทีมอาเซียนไปด้วยอย่างแน่นอนเพราะปัญหาภาษีตอบโต้ยังต้องต่อรองกันอีกยาวๆ“แม่ลูกจันทร์” ยอมรับว่า “นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์” ประธานที่ปรึกษานายกฯ และ “ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ” กุนซือเศรษฐกิจรัฐบาล อ่านเกมขาดที่เสนอว่า รัฐบาลไทยไม่ต้องเป็นกระต่ายตื่นตูมอ่านทะลุว่า “ทรัมป์” จะขยายเวลาขึ้นภาษีตอบโต้ไปอีก 90 วันข้อสำคัญ “ทรัมป์” เป็นคนชักเข้าชักออกยิ่งกว่าลูกสูบรถมอเตอร์ไซค์ดังนั้น เงื่อนไขต่างๆยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาการเจรจากับ “ทรัมป์” จึงไม่ควรเร่งร้อนเกินไป และไม่ล่าช้าเกินควรอนึ่ง การที่ ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บินไปเยือนเวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย โดยไม่แวะเมืองไทยทำให้ไทยรอดพ้นการเป็นเป้าโจมตีของ “ทรัมป์” ที่ระบุว่าจีนกับเวียดนามกำลังรวมหัวกันเล่นงานอเมริกาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้...หลบฉากไว้ก่อนดีกว่านะโยม."แม่ลูกจันทร์"คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม