“แค่ไปหาหมอ...ทำไมต้องลำบากขนาดนี้?” สำหรับคนทั่วไปการเดินทางไปโรงพยาบาลอาจเป็นเรื่องง่ายแค่เรียกรถแท็กซี่ ขับรถส่วนตัวหรือนั่งขนส่งสาธารณะไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมาย แต่สำหรับ “ผู้สูงอายุ” และ “ผู้พิการ” การเดินทาง เพียงแค่ไปหาหมอกลับเต็มไปด้วย “อุปสรรค” ที่หลายคนมองข้ามไม่มีรถโดยสารที่รองรับการใช้งาน...ทางเท้าขรุขระ รถเข็นผ่านไม่ได้...รอนาน เหนื่อยล้า ไม่มีที่พักระหว่างทาง...ขาดคนช่วยเหลือ ขึ้นลงรถเองไม่ได้ เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญทำให้หลายคน “ถอดใจ” ไม่ไปตรวจสุขภาพ และพลาดโอกาสรักษาโรคที่อาจควบคุมได้ตั้งแต่เนิ่นๆ“โครงการรับส่งปลอดภัยได้ (ใจ) ผู้ใช้บริการ” ชุดสิทธิประโยชน์ภายใต้โครงการสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพทุกสิทธิรักษาพยาบาล เพื่อเข้ารับบริการสาธารณสุขปีงบประมาณ 2568 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในนวัตกรรม 30 บาทรักษาทุกที่ภายใต้งบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นกรุงเทพมหานครร่วมกับมูลนิธิเส้นด้ายจัดบริการรถรับ-ส่ง ผู้ทุพพลภาพ ดูแลประชากร 3 กลุ่มเปราะบางทุกสิทธิการรักษา เป็นอีกโครงการเติมเต็มนวัตกรรม 30 บาทรักษาทุกที่...นำร่องใน กทม. รับส่งผู้สูงอายุ คนพิการ ไปหาหมอ...ที่ต้องกล่าวถึงนพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. บอกว่า โครงการนี้ ครอบคลุมคนไทยทุกสิทธิรักษาพยาบาลที่เป็นกลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม เบื้องต้นนำร่องในพื้นที่กรุงเทพฯ กำหนดเป้าหมายให้บริการผู้ป่วยจำนวน 15,440 คน รวมจำนวน 45,045 เที่ยว โดยกำหนดอัตราชดเชยค่าบริการเที่ยวละ 350 บาทให้บริการจำนวน 3 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้ป่วย 1 คน ซึ่งมูลนิธิเส้นด้ายได้ร่วมจัดบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ และเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 ที่ผ่านมาหลังให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯมาถึงปัจจุบัน พบว่ามี ประชาชนรับบริการรถรับส่งจากโครงการนี้แล้วจำนวน 809 คน รวมบริการ 1,197 เที่ยว อย่างไรก็ดี ตามที่ประชาชนต้องการให้เพิ่มเที่ยวบริการให้มากขึ้นจากเดิม 3 เที่ยวนั้น สปสช.ขอดูผลงานการให้บริการที่เกิดขึ้นจริงหากว่ามีความจำเป็นก็จะพิจารณาปรับเพิ่มเที่ยวบริการให้ เพราะต้องยอมรับว่า กลุ่มเป้าหมายทั้ง 3 กลุ่มมีความยากลำบากในการเข้าถึงบริการ และ สปสช.จะดำเนินการต่อเนื่องในปีถัดไปด้วยตอกย้ำข้อมูลบันทึกตั้งแต่ 1 ม.ค. - 24 มี.ค.68 มีประชาชนรับบริการรถรับส่งในโครงการนี้แจ้งผ่านสายด่วน สปสช.1330 ยังไม่เยอะ ซึ่งเราต้องการให้มีการเข้าถึงบริการจากโครงการนี้ให้มากขึ้นฝากประชาสัมพันธ์ต่อไปอีกว่า...อยากให้มูลนิธิหรือเครือข่ายภาคประชาชนที่เป็นจิตอาสาที่สนใจ และอยากเข้าร่วมโครงการนี้มีมากขึ้น เพื่อเข้ามารองรับการบริการ สามารถประสานที่กรุงเทพ มหานคร (กทม.) ได้ โดย สปสช.พร้อมสนับสนุนต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็น “อุปสรรค” ในการเข้าถึง “บริการสุขภาพ” ให้กับประชาชนสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เสริมว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้สร้างความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำด้านการเข้ารับบริการสาธารณสุขที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุมและทั่วถึงอย่างไรก็ดี พบว่ายังมีประชาชนบางกลุ่มที่ประสบปัญหาการเข้าถึงบริการสาธารณสุข เนื่องจากอุปสรรคด้านการเดินทางและค่าพาหนะ “บอร์ด สปสช.” จึงเห็นชอบให้บรรจุสิทธิประโยชน์บริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ เพื่อให้ประชาชนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย1.ผู้สูงอายุ 2.คนพิการ และ 3.ผู้ป่วยที่เดินทางไปโรงพยาบาลยากลำบาก สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) กรุงเทพมหานคร ที่เป็นการสมทบงบประมาณร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานครและ สปสช. ในการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการรักษาพยาบาลระดับปฐมภูมิที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต ที่สำคัญ...ต้องการให้ผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้ทุพพลภาพในกรุงเทพฯเข้าถึงบริการได้มากขึ้นเพื่อความสะดวก โดยสามารถประสานมาที่สายด่วน สปสช.1330 เพื่อแจ้งกับเจ้าหน้าที่และกำหนดวันนัดหมายเพื่อให้เครือข่ายจิตอาสาเข้าไปรับ...ส่งไปยังหน่วยบริการโดยขอให้แจ้งนัดหมายรถรับ...ส่ง อย่างน้อย 7 วันก่อนถึงวันนัดพบแพทย์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้จัดสรรคิวการเข้ารับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพคริส โปตระนันทน์ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเส้นด้ายและมูลนิธิเส้นด้าย บอกว่า ขณะนี้เครือข่ายจิตอาสาของมูลนิธิเส้นด้ายที่มีรถเข้าร่วมรับส่งปลอดภัยได้ (ใจ) ผู้ใช้บริการมีจำนวนที่เพียงพอต่อการให้บริการ และอยากให้ผู้ป่วย คนพิการ ผู้ทุพพลภาพ ในกรุงเทพฯได้ประสานมาเพื่อใช้บริการกรณีที่ต้องไปพบแพทย์ตามนัดหมายที่โรงพยาบาล โดยขอให้ประสานมาที่สายด่วน สปสช.1330 เพื่อนัดหมาย หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2096-5000 ของมูลนิธิเส้นด้ายที่จะมีเจ้าหน้าที่รอรับสายและจัดคิวรถเพื่อไปให้บริการ ซึ่งสามารถประสานได้ตลอด 24 ชั่วโมง“หลังให้บริการไปแล้วกว่า 3 เดือน พบว่า...ประชาชนที่เป็นผู้ทุพพลภาพที่ได้ใช้บริการชื่นชอบอย่างมาก เพราะสามารถเข้าถึงบริการ แก้ปัญหาที่ผู้ป่วย...ผู้ทุพพลภาพได้เจอเมื่อต้องเข้าไปรับบริการทางการแพทย์ที่ค่อนข้างยากลำบาก” คริส ทิ้งท้าย“โครงการรับส่งปลอดภัยได้ (ใจ) ผู้ใช้บริการ”...ไปหาหมอโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จะช่วยทำให้ไม่มีใครต้องตกหล่นและนอนทนเจ็บป่วยที่บ้านเพราะไม่มีเงินเดินทางไปรักษาอีกต่อไป.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม