ล่าช้าแต่มาแน่ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศเมืองไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เนิ่นนานกว่าปกติ 2 สัปดาห์คาดการณ์อุณหภูมิสูงสุดจะขึ้นไปแตะ 43 องศา เซลเซียสแต่ที่เครียดก่อนเลยก็คือคนเมืองกรุงและอีกหลายจังหวัดที่ยังไม่ทันเข้าฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ ก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอากาศอบอ้าว นั่นไม่เท่ากับฝุ่นควันพิษ PM2.5 ที่ตลบอบอวล ทะลุจุดสีส้ม สีแดง เกินขีดอันตรายต่อสุขภาพประชาชนเมืองใหญ่เหมือนถูกขังอยู่ในตู้อบรมควันฝุ่นควันพิษ PM2.5 ตลบอบอวลห้วงเข้าฤดูร้อน แข่งกับฝุ่นอึมครึมทางการเมือง ภายในรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร จังหวะปัดแข้งปัดขาชุลมุนวงชุมนุม “เพื่อนกิน” ชักจะ “ขัดคอ” หนักข้อขึ้นทุกขณะปฏิญญามาม่า สัญญาบะหมี่ ไร้ความหมาย เพราะต่างฝ่ายต่าง “ไม่กินเส้น”ณ จุดที่เปิดหน้าเล่นโต้งๆอาการ “เกรียน” หาญ กล้าปะทะ “เหลี่ยม” จังหวะ 2 น. “อนุทิน ชาญวีรกูล-เนวิน ชิดชอบ” หัวขบวนค่ายภูมิใจไทย โชว์ลูกห้าว หักสัญญาณจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนานขวางลำแผนรื้อค่ายกล “ซือแป๋มีชัย” ทำลายล้างมรดก คสช.พรรคเพื่อไทยประลองวิทยายุทธ์ วัดพลังเกมเขี้ยวกับค่ายภูมิใจไทย จังหวะเด็กสีส้ม พรรคประชาชน ยืนคุมเชิง เล่นเอาสภาผู้แทนราษฎรกลายเป็นเวทีมวยทะเล กลับหัวกลับหาง คนดูทางบ้านงงเป็นไก่ตาแตกแยกไม่ออก ซีกรัฐบาล ฟากฝ่ายค้านอาการมั่วแบบที่เกรียน 2 น.กดปุ่ม สส.ภูมิใจไทย “วอล์กเอาต์” ไม่สังฆกรรม การประชุมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และการเพิ่มเติมหมวด 15/1 เปิดทางตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามพิมพ์เขียวของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนอ้าง “แหยง” ติดเงี่ยงอันตราย ขัดคำวินิจฉัยศาล รัฐธรรมนูญเลือดบุรีรัมย์ไม่กอดคอแบบเลือดสุพรรณฯ ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องปรับแผนกะทันหันไปโหนขบวน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.จอมเก๋า ที่เสนอญัตติด่วนขอให้ที่ประชุมรัฐสภา ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การบรรจุวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ยื้อเหลี่ยมรักษาหน้า ประคองทรง ประคองกระแสแต่ทีม “นายใหญ่” ต้องเพลี่ยงพล้ำ เมื่อที่ประชุมรัฐสภา เสียงส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยกับญัตติด่วนของ “หมอเปรม” และยิ่งช็อกหนักเมื่อดูโพย พบ อิทธิฤทธิ์ “มนต์เขมร” สะกด สว.น้ำเงิน แอบเทเสียงบวกแต้มพรรคส้มลุยถั่วเดินหน้าเกม “ล้มเดิมพัน” วัดใจได้เสียไปเลยเพื่อไทยเสียเหลี่ยม เสียรังวัด ส่อว่าจะเสียหายหนัก ทำให้ต้องยอมเสียมวย แบบที่ 120 สส.ของทีม “นายใหญ่” นั่งอยู่ในสภาแต่ไม่กดปุ่มแสดงตนจงใจทำ “สภาล่ม” ซ้ำ 2 วันติดๆ ลากจังหวะ ยื้อเกม โหวตวัดดวงออกไปในฟอร์มโวยวายลั่น พรรคเพื่อไทยต้องให้มวยเก๋าเกมสภาอย่างนายสุทิน คลังแสง สส.แถลงฟ้องชาวบ้านผ่านสื่อ ประจานไอ้โม่งการเมืองบางพรรค บางฝ่าย “จงใจ” ลากเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญไป “ตกเหว”ทำลายความตั้งใจจริงของทีม “นายใหญ่” เจตนารมณ์ แน่วแน่ที่จะรื้อกติกามรดก คสช.ตามนโยบายที่หาเสียงและแถลงไว้ต่อสภาในสภาพถูลู่ ถูกัง แทบไม่เหลือพลังของแกนนำรัฐบาลภาพมันฟ้องเห็นๆโยนให้เป็น เรื่องฝ่ายนิติบัญญัติ โบ้ยเป็นเอกสิทธิ์ สส. ก็ไม่อาจกลบรอยแตกร้าวในขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม ปฏิบัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดนน็อกตั้งแต่ยกแรก ส่อแท้งตั้งแต่ยังไม่ปฏิสนธิการแก้กติกาผลพวงรัฐประหาร ไม่อาจเกิดขึ้นในเทอม สภาชุดนี้เรื่องของเรื่อง ไต๋ตื้นๆ ธงชัดๆ ก็แค่ต่างคนต่างรำกันไปในมุมของทีมเด็กรุ่นใหม่สีส้ม ค่ายประชาชน ไม่สนเหลี่ยมเกรียน การชูธงเดินหน้ารื้อรัฐธรรมนูญ ทำลายล้างมรดก คสช.เป็นการยกระดับความชอบธรรมของฝ่ายเสรีนิยม ที่ขี่กระแสลอยลมบน ไม่เกี่ยงจะทำสำเร็จในสภาชุดนี้ลุ้นเกมยาว ตุน “แต้มต่อ” หาเสียงเลือกตั้งรอบหน้าในขณะที่ทีมเกรียนเซราะกราว ยี่ห้อภูมิใจไทย เขี้ยวยาวกว่ายักษ์วัดแจ้ง ในสภาพ “เสี่ยหนู-เสี่ยเน” 2 น. ยกระดับตัวเองขึ้นมาแทนที่ทหารเฒ่า 3 ป. เคลมอำนาจ เซ้งต่อกลไกค่ายกล “ซือแป๋มีชัย” ที่ถูกออกแบบไว้เพื่อปีกอนุรักษ์นิยมล็อกสัมปทาน สว.น้ำเงิน ยึด “สว.จัดตั้ง” แทน “สว.ลากตั้ง”“ขาใหญ่” ตั้งด่าน คุมคิวเลือกบุคลากรดำรงตำแหน่ง ในองค์กรอิสระที่เริ่มปล่อยแถว “สายตรง” ในคาถา “มนต์เขมร” กันแล้ว ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ฐานะผู้รับมรดกจะไปรื้อสมบัติ คสช.ทำลายหม้อข้าวตัวเองให้โง่ทำไม“ภูมิใจไทย-ประชาชน” คั่วไพ่หน้าเดียว หงายไพ่เล่นแต่ที่ลุ้นเหนื่อยกว่าใคร หนีไม่พ้นทีม “นายใหญ่” ที่ “คั่วไพ่หลายหน้า” ตามสถานะของ “เจ้ามือ” ที่แบกความเสี่ยงในเกมเดิมพันอำนาจผลจากการพลิกเหลี่ยม ข้ามขั้ว กลับตาลปัตรในการตั้งรัฐบาลผสมสูตรพิสดารม้วนหัว ม้วนหาง จนสังคมเดาทางไม่ถูก กองเชียร์ยังตามไม่ทันต้องยืนอยู่ในองศาของความหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจนำมาซึ่งคำถามเสียดแทงใจ แบบที่ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นเสียงสูงตอบสื่อมวลชนที่ยื่นไมค์ซักปมป่วนแก้รัฐธรรมนูญ อาจทำให้พรรคเพื่อไทยถูกมอง “หน้าอย่างหลังอย่าง”อ้ำๆอึ้งๆอ้างประชาธิปไตย จะให้เห็นตรงกันหมดไม่ได้เข้าทาง “กุมารเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน ไล่ตอกหมุด ตอกย้ำ น.ส.แพทองธาร จำเป็นต้องแสดงความเป็นผู้นำรัฐบาลในการควบคุมเสียงข้างมากให้เป็นเอกภาพไม่เช่นนั้นก็ควรยุบสภาไป ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดเหตุน่าละอายเพื่อไทยเปลืองตัวมากที่สุด เสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง แม้แต่จังหวะประคองตัว แค่ขอเวที “รำ” เด้งเชือกเดินหน้า ถอยหลัง หวังยื้อคิวแก้กฎกติกา คสช.ประคองกระแสไปพลาง ลากรัฐบาลไปจนสุดทางครบเทอมเหลี่ยมง่ายๆในการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ลีลาเซียนเนียนๆแต่โดนฤทธิ์เดช เกรียน 2 น. พังฉาก รื้อโรงลิเกกดดันให้ทิ้งไพ่ วัดดวง ล้มเดิมพัน โดยปรากฏการณ์ มันสะท้อนเพื่อนกัน “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” ขอกันกินมากกว่านี้ไม่ยอมให้ จังหวะนัวเนียลูกติดพัน ฟ้องอาการ “แค้นฝังหุ่น”อารมณ์แบบที่ “เสี่ยหนู” แอ่นอกท้าทาย พร้อมเป็น “แพะ” ทุกสถานการณ์ เหมือนไม่หายคาใจ โดยเฉพาะช็อตร้อนๆแผลสดๆจากคิวถอดปลั๊ก ตัดไฟฟ้าชายแดน ไทย-เมียนมา ที่ “นายกฯแพทองธาร” และทีมเพื่อไทย โชว์ผลงานโบแดง ได้รับเสียงชื่นชมจากพญามังกร “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีนแต่คนที่ถูกก่นด่าคือทีมมหาดไทย “เสี่ยหนู” กลายเป็นไอ้เข้ขวางคลองได้จังหวะมันเลยต้องไล่บี้เอาคืน ตามสถานะของ 2 น. เซราะกราว ที่หงายไพ่เล่น ให้เห็น “แต้มต่อ” เหนือกว่า “นายใหญ่” ที่ต้องเสี่ยงคั่วไพ่หลายหน้าสถานการณ์ในการแย่งชิงธงนำในขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม ดุลไหลมาทางฝั่งภูมิใจไทย ที่มี สว.สีน้ำเงิน คุมด่านล็อกค่ายกล “ซือแป๋มีชัย” สกัดเกมรื้อรัฐธรรมนูญ น็อกตั้งแต่ยกแรกแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เกมอำนาจการเมืองแบบไทยๆไม่มีใคร “ต่อขาด”มันก็เหมือนฟุตบอลบุรีรัมย์เหนือกว่าคู่แข่งหมูสนาม ยังล็อกถล่มได้ ในจังหวะล่าสุดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเรื่องจาก “สว.สำรอง”ตั้งแท่นสอบคดี “โพยก๊วน” การทุจริตล็อกโหวต “สว.จัดตั้ง”ปาดหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ “เดอะแหวง เซราะกราว” นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ยังเงอะๆงะๆทั้งที่เหลือเวลาสอบอีกไม่ถึง 100 วันถ้าโป๊ะแตก หลักฐานชัดถึงศาลสั่งฟันโพยฮั้ว เท่ากับพังกระดาน “สว.น้ำเงิน”เปลี่ยนดุลในขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมได้ทันทีเหมือนกัน.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม