“เราสองคนมาใช้บริการที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้ามากว่า 20 ปี ปัจจุบันมีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างมาก จากเดิมที่ไม่ค่อยเป็นระบบ คนหนาแน่นและรอคอยนาน แต่ปัจจุบันเมื่อใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามา ทำให้ดูคิวผ่านโทรศัพท์ได้โดยที่ไม่ต้องนั่งรอให้เสียเวลา...ช่วยกระจายคนไม่ให้มาแออัดกันได้มาก นอกจากนี้ยังรู้สึกด้วยว่าแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกคนล้วนให้บริการได้ดีขึ้น มีความใจเย็น รวมถึงการใช้สิทธิบัตรทองก็ได้ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มาก โดยที่ไม่ต้องเครียดหรือเสียเวลาไปกับความแออัดเหมือนในอดีต”คำบอกเล่าจาก ธนิตพงศ์ นิยมสินธุ์ อายุ 48 ปี และ ภัทรานิษฐ์ เกษรจันทร์ อายุ 46 ปีวนิดา ชวนะศิลป์ อายุ 35 ปี อีกเสียงจากผู้ใช้บริการเสริมว่า ครั้งนี้ได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า พบว่าแม้จะมีผู้ป่วยเยอะกว่า แต่เวลาที่รอกลับไม่ได้นานมากนัก แล้วยังมีระบบออนไลน์ที่ลงทะเบียนก่อนและช่วยบอกได้ว่าจะถึงคิวเมื่อไหร่ ทำให้ไปทำอย่างอื่นรอก่อนได้รวมทั้งยังมี “เจ้าหน้าที่” คอยให้คำแนะนำตลอด“เรื่องที่ดีมากๆคือมีบริการส่งยาถึงบ้าน แต่เดิมหลังจากรอหาหมอแล้ว ก็ต้องมารอรับยาอีก แต่วันนี้หาหมอรับนัดต่อไปเสร็จก็เลือกรอรับยาที่บ้านได้ คือดีมาก ซึ่งหลังจากได้มาใช้บริการ หลายอย่างช่วยให้เราสบายขึ้น ใช้เวลาน้อยลงจัดการเวลาได้ดีขึ้น” วนิดา กล่าวทิ้งท้ายผลสำเร็จที่เกิดขึ้นได้ในวันนี้มีที่มาที่ไป นพ.ศิรสิทธิ์ สถิรเจริญกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า บอกว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ได้นำเทคโนโลยีมาปรับระบบบริการ เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความสะดวก ลดความแออัดและเวลารอคอยบริการตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รวมถึง “30 บาทรักษาทุกที่” ที่มุ่งให้ประชาชนใช้บัตรประชาชนใบเดียวบริการได้ทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ “พบหมอไม่รอทำบัตร” คือ ผู้ป่วยใหม่สามารถลงทะเบียนระบบออนไลน์ก่อนมาถึงโรงพยาบาลได้ ซึ่งจะได้เลขรหัสโดยไม่ต้องต่อแถวหน้าห้องทำบัตร ตามด้วย “พบหมอไม่รอหน้าห้อง” คือหลังผู้ป่วยรับบัตรคิวพบแพทย์แล้ว จะมีบัตรคิวออนไลน์ที่ส่งในไลน์หมอพร้อมของผู้ป่วยอัตโนมัติ“ผู้ป่วย” ตรวจสอบได้ว่าเหลืออีกกี่คิว โดยที่ไม่ต้องรอหน้าห้องตรวจ เช่นเดียวกับ “พบหมอไม่รอแล็บ” ที่เมื่อผู้ป่วยเจาะเลือดแล้ว ผลออกมาก็แจ้งเตือนผ่านไลน์หมอพร้อมอัตโนมัติ ทำให้หน้าห้องตรวจลดความแออัดลงได้ชัดเจน ผู้ป่วยไม่ต้องมานั่งรอที่หน้าห้อง เมื่อใกล้ถึงคิวแล้วค่อยกลับมา...เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกและลดเวลารอคิวของผู้ป่วยได้มากนอกจากนี้ยังมีระบบ “พบหมอไม่รอใบนัด” ระบบจะส่งใบนัดพร้อมกับคำแนะนำเข้าไปในไลน์หมอพร้อมของผู้ป่วยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องรอออกใบนัด และยังมีระบบ “พบหมอไม่รอยา”โรงพยาบาลจะมีระบบให้ผู้ป่วยลงทะเบียนที่อยู่จัดส่งยา ซึ่งเมื่อตรวจเสร็จแล้วก็เลือกได้ว่าจะรับบริการจัดส่งยาที่บ้านผ่านระบบ Health Rider หรือไปรษณีย์ โดยไม่ต้องรอได้“โครงการนี้ทำให้คนไข้ของโรงพยาบาลไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของประเทศ เมื่อเจอหมอแล้วไม่ต้องรอใบนัด ไม่ต้องรอยา กลับไปใช้ชีวิตต่อได้เลย จากเดิมที่มาโรงพยาบาลจะใช้เวลานานครึ่งวันตั้งแต่ตี 5 เสร็จบ่าย...เย็น แต่ปัจจุบันคนไข้เพียงเข้ามาตามใบนัด เช่น นัด 10.00 น. ท่านมาสัก 09.30 น. ถึงเวลาก็ได้ตรวจและกลับบ้านได้ภายใน 2 ชั่วโมง ทำให้ผู้ป่วยมีความพึงพอใจ สูงขึ้น”นพ.ศิรสิทธิ์ ย้ำว่า การพัฒนาที่เกิดขึ้นนี้นอกจากนโยบายผู้บริหารแล้ว ยังมีที่มาจากการรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ป่วย โดยเฉพาะจากโครงการ “พบหมอขอฟีดแบ็ก (feedback)” ซึ่งเมื่อรับการตรวจเสร็จแล้วผู้ป่วยทุกคนจะได้รับแบบสำรวจความคิดเห็น ประเมินความพึงพอใจส่งเข้าไปในไลน์หมอพร้อม ทำให้โรงพยาบาลได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มาก...เพื่อสอดคล้องกับนโยบายการป้องกันโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ยังมีโครงการ “พบหมอไม่รอป่วย” ที่หลังตรวจสุขภาพแล้วก็จะมีการแปลผลเลือด ส่งคืนข้อมูลกลับไปให้กับผู้ป่วย พร้อมกับคำแนะนำในการป้องกันดูแลสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงการเป็นโรค NCDsย้ำว่า...โครงการนี้เป็นประโยชน์กับ “ผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษา” ที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม โดยมีผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) มากสุด“นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ก็เป็นปัจจัยเสริมให้โรงพยาบาลมุ่งพัฒนาบริการ พร้อมกันนี้ยังได้ปรับปรุงอาคาร สถานที่ ทัศนียภาพ รวมทั้งขยายพื้นที่เพื่อรองรับการให้บริการที่มากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายให้ประชาชน เน้นระบบสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่รอคอย แสงสว่าง อุณหภูมิ ความสวยงามโดยรอบ”สุดท้ายปลายทางเป็นประโยชน์สูงสุด...ช่วยให้เกิดสภาวะที่ดีต่อสุขภาพ“เราอยากเปลี่ยนภาพจำโรงพยาบาลรัฐในอดีต เราใช้เทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาเชื่อมโยงฐานข้อมูลทั้งประเทศ เข้าถึงกัน อย่างไร้รอยต่อ บุคลากรโรงพยาบาลก็พร้อม...ตั้งใจให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิการรักษาใด...เมื่อท่านใช้สิทธิรักษาฟรี ไม่ได้แปลว่าจะได้รับบริการที่ไม่มีคุณภาพ แต่เป็นไปตามมาตรฐาน”...เป็นบริการ “ระบบการรักษา” ที่ทุกคนพึงได้รับอย่าง “เท่าเทียม” และ “ทั่วถึง”ระบบบริการทุกอย่างที่ดีขึ้นเร็วขึ้นไม่ว่าผู้ป่วยจะใช้สิทธิอะไรหรือมาจากไหนก็ตามนี้เป็นไปตามนโยบายของ พญ.ณิชาภา สวัสดิกานนท์ อดีตผู้อำนวยการ รวมทั้ง นพ.สกล สุขพรหม ผู้อำนวยการคนปัจจุบันนี่คือ “โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า”...พลิกโฉมบริการ “โรงพยาบาลรัฐ” พัฒนาเทคโนโลยี ดิจิทัล เชื่อมต่อระบบข้อมูลการให้บริการผู้ป่วย ผ่านระบบออนไลน์ครบวงจร ลดเวลารอคอย ลดความแออัดในโรงพยาบาล เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้ “ผู้ป่วย”...เปลี่ยนภาพจำโรงพยาบาลรัฐในอดีต.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม