ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติด้านการจัดการ “ขยะรีไซเคิล” ที่สะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต้องยอมรับความจริงที่ว่า...ปัญหานี้เกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภค การจัดการขยะต้นทาง ระบบการคัดแยกและรีไซเคิลขยะที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอเริ่มจาก...ปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การบริโภคที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคม ส่งผลให้ขยะรีไซเคิล เช่น พลาสติก กระดาษ และโลหะ สะสมมากขึ้นโดยเฉพาะ “ขยะพลาสติก” ที่มีปริมาณมากถึง 2 ล้านตันต่อปี แต่สามารถรีไซเคิลได้เพียง 25% เท่านั้นถัดมา...การแยกขยะต้นทางที่ไม่เพียงพอ คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และนิสัยในการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้น ทำให้ขยะที่ควรนำไปรีไซเคิลปนเปื้อนกับขยะทั่วไป จนไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพสาม...ขาดโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โรงงานรีไซเคิลหลายแห่งยังใช้เทคโนโลยีล้าสมัย ทำให้ไม่สามารถ รองรับขยะรีไซเคิลจำนวนมากได้ นอกจากนี้การขาดพื้นที่รองรับการคัดแยกและจัดเก็บ ยังทำให้ขยะถูกทิ้งอย่างไม่ถูกวิธีสี่...ตลาดรีไซเคิลที่ไม่เสถียร ราคาขยะรีไซเคิลในตลาดโลกที่ผันผวน ส่งผลต่อแรงจูงใจของผู้ประกอบการในการรีไซเคิลและผู้เก็บของเก่าในการจัดเก็บขยะอย่างเหมาะสมห้า...การนำเข้าขยะจากต่างประเทศ แม้จะมีการลดการนำเข้าขยะพลาสติก แต่ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเคยเป็นหนึ่งในประเทศที่รับขยะจากต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อระบบจัดการขยะในประเทศฉายภาพตอกย้ำผลกระทบปัญหาขยะรีไซเคิลล้น ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม...ขยะที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมอาจกลายเป็นมลพิษทางดิน น้ำ อากาศ ส่งผลต่อระบบนิเวศ...สุขภาพของประชาชนทำให้เสียโอกาสในการใช้ทรัพยากรซ้ำ เพราะขยะที่ไม่ถูกแยกหรือจัดการอย่างเหมาะสมทำให้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้สูญเสียมูลค่า อีกทั้งทำให้ต้นทุนการจัดการที่เพิ่มขึ้น ภาครัฐต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นในการจัดเก็บและกำจัดขยะเหล่านี้ ซึ่งกระทบต่องบประมาณประเทศ“ประเทศไทย”...มีศักยภาพในการจัดการขยะรีไซเคิลได้ดีกว่านี้หากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ตั้งแต่ระดับบุคคล ครัวเรือน หน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ การปลูกจิตสำนึก...พัฒนาระบบที่เหมาะสม จะช่วยลดปัญหาขยะรีไซเคิลล้น และสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวในมิติปัญหาภาพใหญ่ก็มีปัญหาภาพย่อยที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ประเด็น...โรงงานกำจัด คัดแยก และรีไซเคิลกากอุตสาหกรรม ตั้งได้ง่ายในประเทศไทยเพราะอะไร? จุดอ่อนอยู่ตรงไหน? อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม บอกว่า ในรอบปี 2567 ที่ผ่านมา มีโรงงานประเภท 101 105 106 ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อประชาชนมากกว่า 20 แห่ง ทั้ง...ปล่อยน้ำเสีย มีกลิ่นเหม็น ไฟไหม้ และแอบนำกากอุตสาหกรรมไปทิ้ง“ทิ้งกันทั้งนอกสถานที่และสะสมไว้ในโรงงาน ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานที่มาจากประเทศจีน”โรงงานอุตสาหกรรมประเภทปรับของเสียรวม คัดแยกและรีไซเคิลกากอุตสาหกรรม (ประเภท 101,105,106) เพิ่มขึ้นในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกทั้งฉะเชิงเทรา ชลบุรี ปราจีนบุรีและระยอง รวมกันถึง 587 แห่ง โดยเป็นโรงงานที่ได้รับใบอนุญาตตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 4/2559หมายถึง...ตั้งได้โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงกฎหมายผังเมืองถึง 254 แห่งทำไมจึงตั้งขึ้นมาได้ง่าย? การขออนุญาตตั้งจะต้องยื่นขอความเห็นชอบจากอุตสาหกรรมจังหวัดและกรมโรงงานฯก่อน มีขั้นตอนคือการสำรวจทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อม เตรียมเอกสารการผลิต เอกสารผลกระทบสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย และจะต้องรับฟังความเห็นจากประชาชนก่อนที่จะอนุมัติอนุญาตแต่...กระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชนทำโดยแค่ปิดประกาศเอกสารดังกล่าว ณ ที่ทำการของหน่วยราชการในพื้นที่ 3 แห่ง เป็นเวลา 15 วัน หากไม่มีประชาชนใดคัดค้านก็ถือว่าเห็นด้วย สามารถทำการพิจารณาออกใบอนุญาตหรือใบ รง.4 ได้เลย...สุดท้ายประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยมารู้ทีหลัง คัดค้าน ประท้วง เนื่องจาก พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2562 เป็น พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ ได้มีการกำหนดคำนิยาม “การตั้งโรงงาน” หมายความว่า การก่อสร้างอาคารเพื่อติดตั้งเครื่องจักรสำหรับประกอบกิจการโรงงานหรือนำเครื่องจักรสำหรับประกอบกิจการโรงงานมาติดตั้งในอาคารสถานที่ หรือยานพาหนะที่จะประกอบกิจการดังนั้น ผู้ประกอบกิจการจึงสามารถสร้างอาคารเตรียมไว้ก่อนได้เลยโดยขออนุญาตท้องถิ่นก่อนหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็มีส่วนในการอนุญาตคือการออกเอกสาร อ.1 คือ ใบอนุญาตก่อสร้างอาคารหรือดัดแปลงอาคารให้แก่ผู้ประกอบการ โดยไม่ได้รับฟังความเห็นของประชาชนทำให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างอาคารโรงงานเสร็จแล้วเพียงแค่รอแต่ใบ รง.4 เพื่อจะได้นำเครื่องจักรมาติดตั้งจัดทำเป็นโรงงานต่อไป...การทำงานไม่สัมพันธ์กันของอุตสาหกรรมจังหวัดและหน่วยงานท้องถิ่นระหว่างใบ รง.4 และใบ อ.1 ของใครควรจะมาก่อนกัน...จึงเป็นปัญหาอย่างมาก พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2562 กำหนดให้ไม่ต้องมีการต่ออายุใบอนุญาตอีกต่อไป (เดิมต้องต่ออายุทุก 5 ปี) ทำให้การตรวจสอบโรงงานเพื่อขอต่อใบอนุญาตไม่มีอีกแล้ว มาตรการป้องกันและลดผลกระทบต่างๆจึงอาจล้าสมัย ทำให้โรงงานหลายแห่งอาจละเลยที่จะป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเพื่อลดต้นทุนลง...ที่ผ่านมา “ประเทศไทย” ในหลายพื้นที่จึงกลายเป็นแหล่งของ “โรงงานชั้นเลว” และ “โรงงานสีเทา” ของต่างชาติ...ที่หน่วยงานราชการต้องตามล้างตามเช็ดกันทุกวัน.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม