ที่ประชุมวุฒิสภาไฟเขียวตั้ง กมธ. 21 คน ตรวจสอบฮั้วเลือก สว. “สมชาย” ดึง 4 คณะ กมธ.วุฒิสภา นักวิชาการและมือร่าง รธน. ร่วมทีมถอดบทเรียน 30 วัน ติงรับรองผลไปก่อนสอยทีหลังทำไม่ได้ ยก รธน. มาตรา 107 เลื่อนบัญชีสำรองเป็นอำนาจประธานวุฒิสภา ไม่ใช่ กกต. โต้เดือดว่าที่ สว.อย่าลำพอง ไล่ไปอ่านกฎหมายให้แตก “เสรี” เห็นแย้งมาตรา 62-63 กกต.รับรองก่อนสอยตามหลังได้ กกต.ถกลับคำร้องเรียน ยังไม่เคาะประกาศรับรองผล สว. อดีตผู้สมัคร สว.ตื๊อร้องรอบ 4 “คำรบ” ขู่เพิกเฉยเจอโทษจำคุก “ทนายอั๋น” ยื่นสอบเจ้าพ่อเขากระโดงเอี่ยวเฟ้น สว. จองกฐินฟัน ม.157 “แสวง” “จักรพงษ์” ร้องศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้รับรองว่าที่ สว. จ่อยื่น ป.ป.ช.เชือด-ชงวุฒิสภาสอย กกต. นายกฯท่องคาถางบฯดิจิทัลวอลเล็ตถูกกฎหมาย “เผ่าภูมิ” แย้มใช้เงิน ธ.ก.ส.ไม่ได้มีแผนสำรองที่ประชุมวุฒิสภาเดินหน้าทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมี สว.ชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อย ที่ประชุม สว.เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ได้มีมติ 101 ต่อ 10 เสียง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญรวม 21 คน พิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือก สว. ตามญัตติที่นายสมชาย แสวงการ สว.เสนอ นายสมชายยืนยันไม่มีเจตนายื้อเพื่ออยู่ต่อ จะเชิญคณะ กมธ.ของวุฒิสภา 4 คณะ และบุคคลนอกร่วมศึกษาใน 30 วัน ดึง 4 กมธ.-นักวิชาการสอบเลือก สว.เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 8 ก.ค.ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สว.กล่าวถึงการเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือกวุฒิสภา (สว.) ว่า สว.ชุดปัจจุบันยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่ามี สว.ชุดใหม่ ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง มีราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด สว.ชุดนี้พ้นจากตำแหน่ง แต่ขณะนี้ยังทำหน้าที่อยู่ ญัตติที่เสนอเนื่องจากปัญหาการเลือก สว.ชุดใหม่ตามรัฐธรรมนูญ ขอศึกษาใช้เวลา 30 วัน เชิญคณะกรรมาธิการวุฒิสภา 4 คณะได้แก่ กมธ.องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กมธ.กฎหมายการยุติธรรม กมธ.บริหารราชการแผ่นดิน กมธ.สิทธิมนุษยชน รวมถึงนักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ร่วมด้วย เช่น นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ นายเจษฎ์ โทณะวณิก นายคมสัน โพธิ์คง ข้อสรุปที่ได้จะส่งต่อให้คณะกรรมการที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และ กกต.เพื่อใช้ศึกษาถอดบทเรียน ส่วนเสียง สว.จะตั้งญัตติได้หรือไม่ แล้วแต่ที่ประชุมไล่ สว.ใหม่อ่าน ก.ม.ให้แตกอย่าลำพองนายสมชายกล่าวอีกว่า ส่วนที่ สว.ชุดใหม่ทักท้วงความไม่เหมาะสมการเปิดประชุมวุฒิสภาวันที่ 8 ก.ค. คงไม่เข้าใจหน้าที่ สว.ปัจจุบันมีหน้าที่ต้องทำ ถ้าไม่ทำถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การเสนอญัตติหรือตั้งกระทู้ถามยังทำอยู่ คนวิจารณ์อาจเป็นว่าที่ไม่ค่อยรู้ระเบียบ ค่อยๆศึกษากฎหมายและระเบียบข้อบังคับวุฒิสภาก่อนมาตำหนิ สว.ชุดเก่าที่ไม่ได้มีประสงค์จะไปยื้ออยากอยู่ เก็บของหมดแล้ว พร้อมส่งมอบ อย่าลืม สว.ชุดใหม่ต้องมีเกียรติศักดิ์ศรี ท่านมาได้ด้วยการบล็อกโหวต การฮั้ว การจัดจ้างหรือไม่ ถ้าไม่ถูกไม่สุจริต กกต.ก็ไม่รับรอง เมื่อถามว่าบางคนใช้คำค่อนข้างรุนแรง ถามถึงมารยาท นายสมชายสวนทันทีว่า “มีมารยาทอยู่แล้ว สว.ปัจจุบันมาถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนที่ออกมาพูดไม่มีมารยาท ยังไม่ได้เป็น สว. การได้มาบางคนอาจมีปัญหา ความน่าเชื่อถือศรัทธาของประชาชนเป็นสิ่งท้าทายมาก อยู่ที่จะใช้ประสบการณ์ได้ตรงตามกลุ่มที่สมัครหรือไม่ เท่าที่ดู สว.ใหม่ส่วนใหญ่มีวุฒิภาวะ ยกเว้นบางคนยังขาดประสบการณ์ ที่ย้อนว่า สว.ปัจจุบันมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สว.ในอดีตมาจากการแต่งตั้ง ครั้งนี้มาจากการเลือกกันเองที่เดียวในโลก เห็นด้วยที่มาจากวิชาชีพต่างๆ แต่ไม่เห็นด้วยที่ไม่มีการกลั่นกรอง สว.ใหม่อย่าเพิ่งลำพอง บางคนสงบปากสงบคำก่อนดีกว่า ตอนนี้ยังไม่ได้เป็น สว.เป็นแค่ว่าที่“วันชัย” เหน็บยืมเวทีหลอกด่า กกต.ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ สว.กล่าวว่า ว่ากันตรงไปตรงมาคือการเปิดอภิปรายวิจารณ์การทำงาน กกต.โดยตรง แต่การไปศึกษาตรวจสอบบทเรียนในชั้น กมธ. 30 วัน ถ้าประกาศรับรอง สว.ใหม่ สว.ชุดเก่าก็หมดวาระแล้ว กระบวนการจึงไปไม่ได้ตลอด การตั้งญัตตินี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นอกจากตำหนิติเตียน ถล่ม กกต. ทิ้งทวนแล้วกลับบ้านไป หมดเวลา ลิเกเลิกแล้ว การต้องทำงานจนวินาทีสุดท้าย ถ้าทำแล้วเป็นมรรคผลโอเค แต่โดยหลักแล้วไม่สามารถเดินไปสุดได้ ยืนยันไม่มีใบสั่ง อาจเป็นใจสั่งมามากกว่าที่จะมีใครมาสั่ง บางคนเตรียมกลับบ้าน ไม่ได้สนใจอะไร แต่มีบางกลุ่มอาจมีอะไรติดใจบางเรื่องแค่นั้น ต้องยอมรับกระบวน การเลือก สว.บกพร่องมาตลอด เป็นเรื่องที่คนแก้รัฐธรรมนูญต้องไปพิจารณาว่ายังต้องให้มี สว.หรือไม่ หรือมองว่าระบบนี้ล้มเหลวควรต้องแก้ไขหรือจะให้มีสภาเดียว ขอ กกต.ประกาศผลโดยเร็ว จะช้าหรือเร็วถูกถล่มอยู่แล้ว เพราะผลออกมาเป็นที่ประจักษ์มีการบล็อกโหวตจัดตั้ง ส่วนตำแหน่งประธานวุฒิสภา ที่ล่าสุดล็อกเป็น สว.สายสีน้ำเงิน การเมืองต้องอาศัยพวกมาก ไม่ว่ายุคไหนต้องรวมคนให้ได้มากที่สุด เป็นเรื่องปกติ หากรวมได้เสียงน้อยคนนั้นไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก “สมชาย” ชงญัตติตรวจสอบเลือก สว.เมื่อเวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา (สว.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สว.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาหลายวาระ อาทิ วาระกระทู้ถามต่างๆ กระทั่งเวลา 13.17 น. เข้าสู่การพิจารณา ญัตติเรื่องขอเสนอญัตติตั้งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือก สว.ที่นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สว.เสนอนายสมชาย แถลงเหตุผลตอนหนึ่งว่า ตราบใดยังไม่มี สว.ชุดใหม่ เราต้องทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติให้ครบถ้วน ยืนยันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีสมาชิก สว.ทั้ง 250 คนว่าไม่มีเจตนาหรือประสงค์อย่างใดที่จะไปยื้อเวลาอยากอยู่ต่อ เหมือนที่กล่าวหาให้ร้ายกันในสังคม เพียงแต่เราต้องทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกมาตรา ยกเว้นมาตรา 272 เรื่องโหวตนายกฯ ทำหน้าที่สมศักดิ์ศรีส่งต่อให้ สว.ชุดใหม่ครบถ้วน คณะที่เสนอจะประกอบด้วยบุคคลภายนอกผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ อาทิ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีต สว. นายคมสัน โพธิ์คง อดีต สสร.ปี 40 เป็นต้น เพื่อทำข้อเสนอถอดบทเรียนทางวิชาการ ถ้าที่ประชุมเห็นด้วยจะได้เริ่มงานทันทีวันที่ 9 ก.ค.ใช้เวลา 30 วันเตือนรับรองก่อนสอยทีหลังทำไม่ได้นายสมชายกล่าวอีกว่า การรับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลัง กระทำไม่ได้ต้องดูให้ดี ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 เรื่องวุฒิสภา สรุปต้องทำให้การเลือกกันเองเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม และหากไม่ครบตามจำนวนไม่ว่าเหตุใดไปเลื่อนบัญชีสำรองได้ กกต.มีอำนาจ ถ้าเห็นว่าตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทั้งหมดแล้ว ยืนยันว่าถูกต้องและสุจริตเที่ยงธรรม ท่านประกาศได้ แต่การเลื่อนบัญชีไม่สามารถนำบัญชีสำรองแล้วบอกว่าสอยทีหลังได้ เพราะรัฐธรรมนูญบอกว่าการเลื่อนบัญชีไม่ใช่อำนาจของ กกต. แต่เป็นอำนาจประธานวุฒิสภา เช่น วุฒิสภาชุดนี้เลื่อนบัญชีหลายครั้ง ตามมาตรา 111 คือเมื่อสมาชิก สว. ตาย ลาออกหรือต้องคดี หรือกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตราใดมาตราหนึ่ง เป็นอำนาจหน้าที่ประธานวุฒิสภา ไม่ใช่อำนาจ กกต. แล้วไม่ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญหรือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าให้อำนาจท่านไปสอยทีหลัง กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบสุจริตเที่ยงธรรม หากเห็นเป็นดังนั้นก็ประกาศในราชกิจจานุเบกษา“กิตติศักดิ์” กลัวไม่กล้ารับรองต้องอยู่ต่อจากนั้นที่ประชุมเปิดให้ สว.อภิปรายอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่สนับสนุนญัตติ อาทิ นายออน กาจกระโทก สว.อภิปราย ว่ามีเรื่องร้องเรียนผู้สมัคร สว.คือนายสงบ จินะแปง บอกว่าการเลือกวันที่ 26 มิ.ย.เวลา 05.00 น. มีรถบัสและรถตู้มาส่งบุคคลที่จะเลือกระดับประเทศ ที่เมืองทองธานี เป็นจุดเริ่มต้นของการฮั้ว นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว.อภิปรายว่า ขอขอบคุณประธานที่กล้าหาญเปิดประชุม เป็นหน้าที่และอำนาจของพวกเรา สว.ชุดเราที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ สว.ใหม่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ต้อง กกต.รับรองและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น สว.ใหม่ที่มาตำหนิติเตียนกรุณาหุบปากเดี๋ยวนี้ ทำให้นายพรเพชรตักเตือน กกต.กล้าๆหน่อย อย่าปากกล้าขาสั่น กลัวอย่างเดียวว่า กกต.ไม่รับรอง แล้วเราต้องปฏิบัติหน้าที่แบบนี้ต่อไป การปฏิบัติหน้าที่ สว.ใหม่ เรายินดีขอให้ปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมาจะเจริญรุ่งเรือง แต่หากเข้ามาแล้วปฏิบัติหน้าที่ไม่ตรงไปตรงมา บอกไว้เพียงอย่างเดียวว่าอาจจะมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ใหม่“เสรี” ขยาดจุ้นมากคดีอาญาติดตัวด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.อภิปรายไม่เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าวว่า เรากำลังทำอะไรกันอยู่ สว.ต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่ามี สว.ใหม่ การทำหน้าที่ระหว่างไม่มี สว.ใหม่ ต้องอยู่รอเพื่อทำหน้าที่เท่าที่จำเป็น ไม่ก้าวก่ายแทรกแซงองค์กรอิสระ เพราะการเลือก สว.กฎหมายเขียนชัดเจนให้คนที่อยู่ในตำแหน่งต่างๆห้ามเข้าไปยุ่ง มีคนถามว่าคณะ กมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่เข้าไปทำเรื่องดังกล่าว อธิบายไปว่าต้องระมัดระวัง เพราะมีกฎหมายเป็นโทษทางอาญา ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กก.บห.พรรคการเมือง สส. สว.เข้าไปช่วยเหลือให้ผู้ใดได้รับเลือกหรือไม่ได้รับเลือก ใครฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ จำคุก รวมถึงเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นไม่อยากพ้นจาก สว.แล้วมีคดีอาญาติดตัว ยก ม.62-63 กกต.รับรองก่อนตามสอยได้นายเสรีกล่าวต่อว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องที่ตรวจสอบการเลือก สว. ปัจจุบันมีผลได้ผลเสีย การตั้ง กมธ.ตามญัตติดังกล่าว รัฐธรรมนูญมาตรา 129 วรรคสี่ ไม่สามารถเรียกองค์กรอิสระมาแถลงข้อเท็จจริง หรือกิจการที่ทำอยู่ได้ และประเด็นการตรวจสอบตามคำร้อง เป็นหน้าที่ของ กกต.ไม่ใช่ สว. เพราะตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก สว.ให้อำนาจไว้ในมาตรา 62 มาตรา 63 ให้อำนาจ กกต. ประกาศรับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลังได้ จะบังคับให้ กกต.เห็นด้วยกับท่านไม่ได้ เพราะมีการร้อง 600 กว่าเรื่อง มีพยานเยอะ แต่เป็นพยานปั้น พยานกลั่นแกล้ง ไม่อาจมีใครรู้ได้ต้องตรวจสอบ สว.ที่ได้รับเรื่องร้องต้องส่งให้ กกต. ไม่ใช่ทำตัวเป็น กกต. แล้วไปวินิจฉัยแทน ถามว่าไม่เอากลุ่มสีน้ำเงิน จะเอากลุ่มสีส้มหรือสีแดง หากจะ เอากลุ่มที่พอใจไม่มีทางจบได้ การเลือกไม่ว่าได้ผล เป็นอย่างไรต้องยอมรับ ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.เพราะก้าวก่ายแทรกแซงองค์กรอิสระ” นายเสรีกล่าว“พลเดช” ชงโมฆะเฟ้นใหม่จากคนเดิมด้าน นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สว. อภิปรายว่า เมื่อดูผลการเลือก สว.ใหม่ โดยเฉพาะรายชื่อและคุณสมบัติผู้ได้รับเลือกเป็น สว. 200 คน บวกกับรายชื่อสำรอง 100 คน ทำให้เห็นถึงความผิดเพี้ยนในความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้วยวิชาชีพ ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มีข้อเสนอแนะ และอยากให้ กกต.ไปพิจารณาอาจให้ผลการเลือกโมฆะทั้งหมด แล้วจัดเลือกใหม่ทั้งในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับชาติ โดยไม่จำเป็นต้อง เปิดรับผู้สมัครเพิ่ม ให้ใช้ผู้สมัครชุดเดิม แล้วตรวจสอบคุณสมบัติใหม่ ได้ผลแล้วเร่งประกาศรับรองโดยไม่ชักช้า อาจสุดโต่งไปหน่อย ต้องใช้งบฯอีก 1,500 ล้านบาท ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1-2 เดือน แต่ถือเป็นการลงทุนในกระบวนการเรียนรู้ฝึกฝน และพัฒนา ประชาธิปไตยสำหรับพลเมือง ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และได้ สว.ที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นมติ 101 ต่อ 10 ตั้ง กมธ. 21 คนต่อมาเวลา 16.52 น. หลังจากสมาชิก สว.อภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นด้วยให้ตั้ง กมธ.ตามที่นายสมชายเสนอไป ด้วยคะแนน 101 เสียง ไม่เห็นด้วย 10 เสียง งดออกเสียง 17 เสียง ตั้ง กมธ.วิสามัญฯ จำนวน 21 คน เป็นคนใน 14 คน คนนอก 7 คนกกต.ยังไม่รับรองผล สว.รอชัดเจนก่อนผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. กกต.ได้ประชุมลับเพื่อพิจารณาคำร้องประเด็นต่างๆ และรายงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. รวมถึงรายงานผลการเลือก สว.ระดับประเทศ ที่ดำเนินการไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมง ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพิจารณารับรองรายงานผลการเลือก สว. แม้จะอยู่ในระเบียบวาระการประชุม เนื่องจาก กกต.แต่ละคนยังคงมีความเห็นแตกต่างกันถึงการรับรองผลการเลือก สว. มีเพียงการพูดคุยถึงงานที่ต้อง ดำเนินการให้ชัดเจน ก่อนจะประกาศรับรองผล อย่างไรก็ตาม การเลือก สว.ระดับประเทศได้ดำเนินการ เสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. ผ่านมาแล้วเกือบ 2 สัปดาห์ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ได้มาซึ่ง สว.ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาการรับรองผลการเลือก สว.ของ กกต. ระบุเพียงว่าสามารถรับรองผลได้ เมื่อพ้นกำหนด 5 วัน หลังการเลือกใระดับ ประเทศเสร็จสิ้น หาก กกต.เห็นว่ากระบวนการเลือกเป็นไปโดยถูกต้อง สุจริต และเที่ยงธรรมผู้สมัคร สว.ตื๊อยื่น กกต.รอบ 4ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงาน กกต. พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กลุ่มกฎหมายฯ ยื่นหนังสือและหลักฐานเพิ่มเติมต่อ กกต.เป็นครั้งที่ 4 พร้อมมาติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามคำร้อง หลังก่อนหน้านี้มายื่นขอให้ตรวจสอบความผิดปกติ การลงคะแนนที่พบมีการจัดตั้ง มีการลงคะแนนตามโพย ขอให้เปิดหีบพิสูจน์การลงคะแนนว่าเป็นไปตามโพย และคัดค้านการประกาศรับรอง สว.200 คนและบัญชีสำรอง 100 คน โดย พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.และมายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 แล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ จาก กกต. ไปยื่นคำร้องต่อศาลต่างๆ แต่ศาลยกคำร้องเห็นว่า กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผล จึงต้องมาเรียกร้องให้ กกต.ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่ยื่นไว้ หากไม่ดำเนินการพวกตนจะมายื่นทุกวัน หรือถ้าไม่สนใจประกาศรับรอง สว. 200 คนไป โดยไม่ดำเนินการใดๆจะถือว่า กกต.หลีกเลี่ยงผดุงความสุจริตและเที่ยงธรรม ตามมาตรา 32 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.กำหนดไว้ มีโทษตามมาตรา 69 จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี และอาจโดนไปถึงมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขอวิงวอนให้ กกต.เปิดหีบบัตรลงคะแนนตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทุกอย่างกระจ่าง ร้องสอบเจ้าพ่อเขากระโดงเอี่ยวเฟ้น สว.ต่อมาเวลา 11.00 น. นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นคำร้องต่อ กกต.อ้างว่า เพื่อให้ขยายผลและเอาผิด สส.รายหนึ่งนัดทานข้าวกับผู้สมัคร สว.ที่ จ.ขอนแก่น อาจเข้าข่ายฮั้วการเลือก สว. นายภัทรพงศ์อ้างว่า มีผู้สมัคร สว.ที่ได้ยินมาว่าเป็น สว.สายภาคอีสานร่วมทานข้าวกับ สส. มีการยื่นเสนอตำแหน่งผู้ช่วย สว.ให้ผู้สมัคร สว.มีการพูดคุยทางโทรศัพท์ ปลายสายอ้างว่าเป็นเจ้าพ่อเขากระโดง และเป็นถึงรัฐมนตรี ขอให้ กกต.ขยายผลว่าเจ้าพ่อเขากระโดงเป็นใคร มีบทบาทอย่างไรกับการเลือก สว. กกต.มีอำนาจขอหลักฐานบันทึกรายการการสนทนาผ่านโทรศัพท์ของ สส.รายดังกล่าวได้ผ่าน กสทช. เพื่อให้ทราบเหตุการณ์ในวันดังกล่าวขู่ฝืนรับรองมีจองกฐินฟัน ม. 157 “แสวง”นายภัทรพงศ์กล่าวว่า นอกจากนี้ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภท.ให้สัมภาษณ์หลังนายเอกราช ช่างเหลา สส.พรรค ภท.ถูกพาดพิงว่า เป็นเพียงแค่ สส.ขอนแก่น ไม่แน่ใจว่านายอนุทินดูถูกคนอีสานหรือไม่ อีก 2-3 วันข้างหน้าได้เตรียมจะสอยว่าที่ สว.ในกลุ่มสื่อสารมวลชน อย่างน้อย 3-4 คนด้วย หลังจากประกาศรับรอง สว. หาก กกต.ฝืนประกาศรับรองผล ทั้ง 77 จังหวัด ได้จองกฐินเตรียมดำเนินคดีกับนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ตามมาตรา 157 เดาว่าคง ไม่กล้าประกาศผลรับรองช่วงนี้ เพราะมี กกต.หลายคนไม่เอาด้วย เหตุการณ์ที่เขาหน้าหนาจะย้อนกลับมาอีกครั้งหรือไม่ หน้าจะหนาหรือใหญ่มาจากไหนติดคุกกันทั้งนั้นปล่อยผ่านสอยทีหลังเสียหายมากจากนั้นเวลา 11.30 น. นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 ให้สัมภาษณ์หลังมายื่นร้องเรียนต่อ กกต. ขอให้ กกต.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเฉพาะกิจหรือนิติกรตรวจสอบผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว. ส่วนใหญ่ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.มีปัญหาคุณสมบัติที่ กกต.ไม่ได้ตรวจสอบเพียงพอ จนปล่อยผ่านเข้ามาจนถึงรอบสุดท้าย ตรวจสอบยังพบว่ามีบางคนต้องคดีความ บางคนมีหุ้นส่วนในสื่อ ตนมีเอกสารหลักฐานชัดเจน อยากให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติของ สว.ใหม่เร่งด่วน การจะปล่อยผ่านแล้วมาสอยทีหลังเป็นความเสียหายมาก ให้ กกต.ตั้งคณะตรวจสอบเฉพาะกิจ แต่อย่าเพิ่งรับรอง สว.ใหม่ ถ้ารับรองไปแล้ว กกต.เองอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดและอาจถึงขั้นรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะร้องศาล ปค.สั่งคุ้มครองชั่วคราวขณะที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ นายจักรพงษ์ คงปัญญา ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 12 อุตสาหกรรม เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองไต่สวนคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้ กกต.พิจารณารับรอง สว. เนื่องจากการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอศาลมีคำสั่งยกเลิก คำสั่งของ ผอ.เลือก สว.ระดับประเทศ ที่มีคำสั่งรับรองรายชื่อบุคคลที่ผ่านการลงคะแนนรอบแรก และเพิกถอนรายชื่อบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกรอบสองหรือเลือกไขว้ มีกระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมายและขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวการประกาศรับรองรายชื่อ สว.ทั้ง 200 คนและสำรอง ถ้าศาลสั่งให้เพิกถอนรายชื่อเลือกระดับประเทศรอบแรกและรอบสองแล้ว ประกาศรับรองไปก็ไม่มีประโยชน์ จะเป็นโมฆะอยู่ดี หาก กกต.จะประกาศรับรองผลเลือก สว.ต้องรอคำสั่งศาลปกครองก่อนว่าจะประกาศได้หรือไม่ ถ้าประกาศไปแล้วมีคำสั่งเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งที่อาจกระทบกันอาจมีปัญหาได้จ่อชง ป.ป.ช.ฟัน ม.157-ยื่นวุฒิสภาสอยนายจักรพงษ์กล่าวว่า ถ้า กกต.ทำแล้วไม่มีการคัดค้านอะไรสังคมก็ยอมรับ แต่วันนี้ไม่ใช่ มีผู้คัดค้านมาก กกต.แจ้งมาแล้วว่ามี 614 เรื่อง และนายแสวงยอมรับเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ก่อนวันเลือกระดับประเทศเพียง 2 วันว่ามีกระบวนการฮั้วจริง เป็นผู้มีอำนาจ มีเงิน มีความรู้ที่สื่อนำเสนอ เมื่อ กกต.รับรู้รับทราบแล้วแต่ไม่ยับยั้ง วันที่ 26 มิ.ย.ยังปล่อยให้เลือก สว.ระดับประเทศตามปกติ จนเกิดปรากฏการณ์ยิงคะแนนเป็นชุดๆซ้ำกัน เคยเรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. จนถึงวันนี้ กกต.ไม่เคยเรียกชี้แจง กกต.ไม่ได้ตรวจสอบ ไม่ได้ทำอะไรเลย เพิกเฉยต่อการตรวจสอบ กกต.น่าจะมีปัญหา จากนี้จะไปยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ กกต.ตามมาตรา 157 และจะไปยื่นที่วุฒิสภาเพื่อถอดถอน กกต.ชุดนี้ ที่ดำเนินการขัดกฎหมายเลือก สว. และรัฐธรรมนูญ นายกฯเรียก “บิ๊กต่อ” ถกลุยอุดรฯเมื่อเวลา 09.35 น. ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ. ตร. เข้าพบหารือ นายเศรษฐาเปิดเผยว่า ได้หารือกับ ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.กำชับหลายเรื่อง รวมทั้งยาเสพติด เชิญให้ร่วมลงพื้นที่ จ.อุดรธานี วันที่ 10 ก.ค. ติดตามสินค้าเถื่อนตามแนวชายแดน การพนันออนไลน์และจีนเทามีหลายเรื่องมาก ฝ่ายปฏิบัติเดินหน้าเต็มที่ ผบ.ตร.มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องของท่านเองเน้นทุกข์สุขประชาชน วันที่ 10 ก.ค. จะไปตรวจเยี่ยมที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ด้วย เน้นย้ำแก้ปัญหาขนยาเสพติดตามแนวชายแดนปัดล็อบบี้ “เสรีพิศุทธ์” ถอนฟ้องเมื่อถามถึงกรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เข้าพบได้สอบถามกระแสข่าวที่จะลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ก่อนเกษียณอายุหรือไม่ นายกฯตอบว่า ไม่ได้ถามนอกจากเรื่องงานเพราะเน้นการทำงานเป็นหลัก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เหลือเวลาราชการอีก 2 เดือนครึ่ง เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ระบุว่าได้พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขอให้ถอนฟ้องนายกฯกรณีเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร.ว่า ไม่เกี่ยวกับตน ยืนยันไม่เคยปรึกษากับอดีต 2 นายกฯไม่เคยพูดคุยกันยันแหล่งเงินดิจิทัลต้องถูก ก.ม.นายเศรษฐากล่าวถึงฝ่ายค้านกังวลการนำงบของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาใช้ในโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลว่า เข้าใจในความกังวลเดี๋ยวจะชี้แจงแถลงให้ทราบ พูดคุยกันตลอด หากเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบ ส่วนการสอบถามกฤษฎีกาต้องถามนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แต่ถ้าพร้อมแล้วจะส่งสอบถามทุกเรื่อง ยืนยันแหล่งที่มาเงินทุกอย่างต้องถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่า มองกันว่านายกฯทำงานหนักแต่เริ่มถูกคดีตามมาเป็นหางว่าว นายกฯตอบว่า ตื่นเช้าไปทำงานเหมือนเดิมทุกวัน ต้องว่าไปตามกฎหมาย หากมีความข้องใจหรือไม่สบายใจเรามีองค์กรอิสระที่ต้องมาตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองต้องยอมรับ ไม่ได้เสียกำลังใจอะไร ทำงานต่อไปเผยใช้เงิน ธ.ก.ส.ไม่ได้มีแผน 2-3นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาระบุว่า ธ.ก.ส.ยังไม่อนุมัติงบ 1.7 แสนล้านบาท ให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพราะรัฐบาลยังไม่ได้ส่งเรื่องถามกฤษฎีกาพิจารณาว่า การส่งให้กฤษฎีกาตีความต้องส่งเป็นแพ็กเกจ ทุกเงื่อนไขทุกข้อจำกัดต้องเคลียร์ต้องเสร็จสิ้นหมดแล้ว ยืนยันวันนี้ทุกอย่างยังอยู่ในไทม์ไลน์ วันที่ 10 ก.ค. จะประชุมอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อสรุปเงื่อนไขทั้งหมด วันที่ 15 ก.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายชุดใหญ่ที่นายกฯเป็นประธาน และวันที่ 24 ก.ค. นายกฯจะแถลงสรุปโครงการรวมถึงขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตน ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ครม. วันที่ 30 ก.ค. เมื่อถามว่า หากกฤษฎีกาตีความว่า การนำเงินมาใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตขัดวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. มีแผนสำรองไว้หรือไม่ นายเผ่าภูมิตอบว่า แผนสองแผนสามเรามีอยู่แล้ว การลงทะเบียนยืนยันตัวตนจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 และยืนยันว่าเงินจะถึงมือประชาชนไตรมาส 4 ข่าวที่ตีออกไปถือเป็นความเห็นที่เรารับฟัง เมื่อถามย้ำว่า เสียงท้วงติงของ น.ส.ศิริกัญญากระทบความเชื่อมั่นโครงการหรือไม่ นายเผ่าภูมิตอบว่า เราต้องรับฟังและนำมาไตร่ตรองว่า สิ่งที่ทำถูกต้องตรงตามหลักการข้อกฎหมายหรือไม่ ถ้าตรงเราต้องทำต่อแล้วชี้แจงความเห็นต่างเฉ่ง ธปท.ผูกโครงการขึ้นดอกเบี้ยเมื่อถามว่า ธนาคารโลกระบุว่าถ้าไม่ทำโครงการเงินดิจิทัล ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ถึง 0.25-0.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี นายเผ่าภูมิตอบว่า มาตรการทางการเงินต้องทำหน้าที่อยู่แล้วอย่าเอามาผูกกันในมิติต่างๆ ธปท.เคยผูกมาแล้วครั้งหนึ่งที่คาดการณ์ว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดปีนี้และขึ้นดอกเบี้ยไปรอเพราะกลัวเงินเฟ้อ ธปท.เคยทำมาแล้วผูกเสร็จแล้วมีปัญหา ในที่สุด ธปท.ขึ้นดอกเบี้ย โดยที่เงินดิจิทัลยังไม่ออก และเงินเฟ้อไม่ได้ขึ้น ทำให้มีปัญหาและเห็นเงินเฟ้อตกขอบในปัจจุบัน“หมอมิ้ง” ฉะ “วรชัย” วิจารณ์นายกฯเมื่อเวลา 09.00 น. นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ กรณีนายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกฯ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายกฯว่า นายวรชัย เป็นที่ปรึกษาที่นายภูมิธรรมตั้งขึ้นมา ไม่ได้ใกล้ชิดการทำงานของนายกฯมองอยู่ข้างนอกอาจไม่เข้าใจ นายเศรษฐาเรียกผู้เกี่ยวข้องมาติดตามงานและสั่งงานตลอด นายวรชัยอาจห่างไกลไปหน่อย แทนที่จะคุยกันถามไถ่กันแต่ไปถามผ่านสื่อ ปัญหาของประเทศสั่งสมมานานแก้ไม่ใช่ง่ายๆ ไม่เป็นไรอาจเป็นเพราะบกพร่องเรื่องการสื่อสารมีหลายอย่างที่เราพยายามแก้แล้วมีความเห็นออกมา มุมเศรษฐกิจเข้าใจยากเป็นเรื่องตัวเลขอาจสื่อสารกันไม่ค่อยออก เป็นความบกพร่องหรือจุดอ่อนที่รัฐบาลต้องแก้ไข เมื่อถามว่าจะปรับการทำงานของนายกฯหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ตอบว่าการทำงานทำเต็มที่ การสื่อสารเป็นเรื่องของทีมงาน“วรชัย” โต้แค่สะท้อนแทน ปชช.ขณะที่นายวรชัยให้สัมภาษณ์ว่า นพ.พรหมินทร์ ไม่ได้รับฟังที่ตนพูดเลย นพ.พรหมินทร์เป็นคนที่น้ำเต็มแก้วแล้วใช่หรือไม่ ที่ตนสะท้อนปัญหาไปนั้นคือปัญหาของประชาชนในสภาพความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่ นพ.พรหมินทร์พูดเป็นการพูดแค่สะท้อนปัญหาเล็กๆไม่ได้พูดถึงปัญหาใหญ่ที่จะต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ เรารู้อยู่ว่าสาเหตุและปัญหาใหญ่ของประเทศอยู่ที่ไหน ที่สภาพเงินฝืดทุกวันนี้เพราะประเทศไทยมีค่าเงินบาทที่แข็งเกินไป นพ.พรหมินทร์รู้หรือไม่ว่า ดอกเบี้ยธนาคารสูงเกินไป และให้กู้เงินยาก ฉะนั้น รัฐบาลต้องลงมาดูเรื่องดอกเบี้ย เรื่องแบงก์ชาติด้วย รวมถึงค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันที่ราคาสูง รัฐบาลต้องแก้ปัญหาที่โครงสร้างไม่ใช่ปล่อยให้เลยเถิดให้ประเทศไทยย่ำแย่ไปกว่านี้ ซัดเลขานายกฯน้ำเต็มแก้วนายวรชัยกล่าวอีกว่า นพ.พรหมินทร์ควรลงมาดู ไม่ใช่มาพูดแบบปฏิเสธว่าตนไม่ใกล้ชิด แต่ตนใกล้ชิดปัญหาของชาวบ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนทุกวัน เป็นแกนนำมวลชนคนที่เกาะติดอยู่กับประชาชน ติดคุกสู้มาแล้ว มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยต้องการให้ประเทศเดินหน้า แล้ว นพ.พรหมินทร์ ลงมาดูบ้างหรือไม่ว่า เรื่องรัฐธรรมนูญไปถึงไหนแล้ว เรื่องนิรโทษกรรมเป็นอย่างไร นพ.พรหมินทร์ เป็นเลขาธิการนายกฯต้องออกมาพูดบ้างไม่ใช่ออกมาโต้ว่าคนนั้นคนนี้ แล้วไม่รับฟังความเห็นกลายเป็นคนที่น้ำเต็มแก้วเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อถามว่ายังยืนยันข้อเสนอแนะที่ให้นายเศรษฐาควรลงพื้นที่ให้น้อยลง และเข้าไปทำงานในทำเนียบฯให้มากขึ้นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายวรชัย กล่าวว่า การแก้ปัญหาของประเทศ ข้าราชการต้องเป็นคนขับเคลื่อนนโยบายและกลไกของรัฐ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด นายกฯ เข้าใกล้ได้มากนักหรือ ใกล้ชิดง่ายนักหรือ ไปคุยปัญหาได้มากนักหรือ มีเวลาให้พวกเราได้ใกล้ชิดหรือไม่ เราต้องสะท้อนปัญหาไปทางสื่อจะได้เข้าถึงและรู้ ชาวบ้านเดือดร้อนต้องออกมาพูด ตนไม่ต้องการทำลายแต่ต้องการให้รัฐบาลอยู่รอด ด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชนที่สู้มา ทำให้นพ.พรหมินทร์ ได้อยู่ทำเนียบฯในวันนี้“เจ๊หน่อย” หวั่น รบ.กำลังขายชาติคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจะปรับแก้กฎหมายให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินจาก 50 ปีเป็น 99 ปี และถือกรรมสิทธิห้องชุดจาก 49% เป็น 75% ว่า การให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปีกับการที่คนไทยต้องถูกยึดบ้าน อะไรสำคัญต้องแก้ไขเร่งด่วนมากกว่ากัน ยุคต้มยำกุ้งคนรวยล้มแต่ยุคนี้คนจนตาย ลามสู่คนชั้นกลาง ต้องกู้มากินกู้มาใช้หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์สูงกว่า 91% หรือเท่ากับ 16.3 ล้านล้านบาท ที่สาหัสกว่า สินเชื่อรวมของเครดิตบูโร 13.6 ล้านล้านบาท เป็นหนี้เสียไปแล้วถึง 1.09 ล้านล้านบาท นี่คือปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลเศรษฐาต้องเร่งแก้ไขให้คนไทยรักษาบ้านและรถ ช่วยยืดหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ และเร่งสร้างรายได้ ไม่ใช่เร่งมาตรการให้ต่างชาติเช่าที่ดิน เพิ่มอัตราส่วนถือครองคอนโด อ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่อยากใช้คำว่า รัฐบาลนี้กำลังขายชาติอย่างที่เขาว่ากัน อ้างจำเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ที่ได้ประโยชน์คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลายที่ครอบครัวคุณเศรษฐาและพรรคพวกเป็นเจ้าของไทย-อียิปต์ยึดสันติภาพยั่งยืนเมื่อเวลา 10.30 น.ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้านายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ หารือทวิภาคีกับนายอะห์เมด มุฮัมมัด อะห์เมด อัล-ฏอยยิบ ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามของสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ในโอกาสเยือนไทยในฐานะแขกของรัฐบาล ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อความมั่นคงและสันติภาพที่ยั่งยืน นายกฯกล่าวว่า ไทยวางตัวเป็นกลาง และสนับสนุนแนวทางสองรัฐ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและสันติ ขอบคุณอียิปต์ที่ช่วยเป็นตัวกลางเจรจาเพื่อให้ปล่อยตัวประกันชาวไทย รัฐบาลได้พิจารณาบริจาคเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่สภาเสี้ยววงเดือนแดงของอียิปต์ เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนปาเลสไตน์ ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร3 ส.ค. นายกฯลงใต้ถกมาเลย์นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์กรณีมาเลเซียเปลี่ยนผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติสุข จะกระทบต่อการพูดคุยสันติสุขในชายแดนใต้หรือไม่ ว่า ตนมั่นใจถ้ามีผลก็น่าจะมีผลในเชิงบวก ส่วนจะพัฒนาแนวทางพูดคุยจากแนวทางเดิมหรือไม่นั้นก็ต้องคุยกัน เพราะเป็นเรื่องของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งวันที่ 3 ส.ค.จะลงพื้นที่ภาคใต้ร่วมกับนายกฯมาเลเซีย โดยยังไม่แน่ใจว่าจะลงพื้นที่ร่วมกันที่จังหวัดอะไร คณะทำงานกำลังพิจารณาอยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้สนับสนุนการพูดคุยสันติสุขในชายแดนใต้ ขณะที่วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.40 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการ สมช. ได้หารือร่วมกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมความพร้อมนายกฯลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้“ลุงป้อม” ติดงานไม่เข้าทำเนียบฯที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประวิตรไม่ได้เป็นผู้นำคณะเจ้าหน้าที่และผู้แทนนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เข้ารับโอวาทจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯว่า พล.อ.ประวิตร ติดภารกิจ ไม่ได้มีอย่างอื่น ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการจับตาว่าที่ พล.อ.ประวิตร ไม่มาเพราะมีกระแสข่าวขัดแย้งกับนายกฯ พล.อ.วิชญ์ตอบว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง เรื่องกีฬาก็กีฬา เมื่อถามว่า นายกฯได้ถามหาประธานคณะกรรมการโอลิมปิกฯหรือไม่ พล.อ.วิชญ์ตอบว่าไม่ได้ถาม เพียงแต่ขอบคุณที่ช่วยดูแลนักกีฬาชงรัฐบาลตั้ง คกก.สางปมกัญชาเมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ถนนราชดำเนิน นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำแนวร่วมราว 100 คน พากันเดินขบวนไปเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ หน้าทำเนียบรัฐบาล ยื่นข้อเสนอเรียกร้องให้รัฐบาลออก พ.ร.บ.กัญชา เพื่อควบคุมกัญชาคลี่คลายความขัดแย้งตามหลักสากล นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า เครือข่ายเสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมกันเพื่อศึกษาวิจัย 4 มิติ คือ กัญชามีผลร้ายในมิติสุขภาพมากกว่าบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ กัญชาก่อผลร้ายในมิติทางสังคมช่วง 2 ปีที่ผ่านมาร้ายแรงกว่าบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ คุณสมบัติรักษาโรคในกัญชาดีกว่าบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ และกัญชาก่อให้เกิดโรคทางจิตเวชและทำลายสมองเยาวชนตามที่รัฐกล่าวอ้างจริงหรือไม่ หากศึกษาแล้วไม่ได้ร้ายแรงกว่าบุหรี่และแอลกอฮอล์ ก็ให้ควบคุมโดยใช้ พ.ร.บ.กัญชา แต่ถ้าพบร้ายแรงกว่า ให้ควบคุมโดย พ.ร.บ.ยาเสพติดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่