นับเป็นความเสี่ยงอันตรายสำหรับ ประชาชนสัญจรผ่านจุดการซ่อมบำรุง ทำถนนใหม่ หรือวางท่อระบายน้ำหลังเกิดเหตุ “สลดชายวัย 59 ปีพลัดตกท่อร้อยสายไฟ” เกาะกลางถนนซอยลาดพร้าว 49 กทม. เป็นเหตุให้ เสียชีวิตตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านั้นเรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จาก “การทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” ที่หละหลวม ไม่ติดตั้งอุปกรณ์ ป้ายเตือนป้องกันอย่างมาก แต่ว่าอุบัติเหตุนี้มิได้เกิดขึ้นครั้งแรก แล้วหลายกรณีก็ไม่รู้ว่าจะหาใครมารับผิดชอบ หรือดำเนินการอย่างไร “ทีมสกู๊ปหน้า 1” มีคำตอบมาจาก คมเพชญ จันปุ่ม ประธานเครือข่ายทนายชาวบ้าน บอกว่าตามระเบียบการซ่อมบำรุง ทำถนนใหม่ หรือวางท่อระบายน้ำในพื้นที่สาธารณะนั้น “ผู้รับผิดชอบโครงการ” ต้องทำหนังสือแจ้งหน่วยงานดูแลพื้นที่เสมอ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้งานถนน และผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวทราบ ทั้งต้องทำตามระเบียบที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหากมีการประมูลมอบงานให้ “ผู้รับเหมา” ส่วนใหญ่มักต้องทําข้อกำหนดขอบเขตการจ้าง (TOR) และมีเงื่อนไขด้านความปลอดภัยอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการติดตั้งป้าย สัญญาณเตือน ที่ประชาชนสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน ส่วน “หน่วยงานดูแลพื้นที่” ก็มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบการดำเนินงานเป็นประจำสม่ำเสมอเมื่อเป็นเช่นนี้หาก “เกิดอุบัติเหตุขึ้นใครรับผิดชอบ...?” เรื่องนี้สามารถสังเกต 2 กรณี คือ กรณีแรก...“จุดเกิดเหตุมีสัญญาณเตือนตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่” เพราะปกติเขตไซต์งานก่อสร้างมักเป็นเขตหวงห้ามบุคคลทั่วไปไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยมีเครื่องหมายแจ้งเตือน หรือมีรั้วมากั้นแยกส่วนชัดเจน เพียงแต่บ่อยครั้งคนบางกลุ่มมักฝ่าฝืนป้ายห้ามเข้าไซต์งานกลายเป็นอุปกรณ์หล่นใส่ หรือตกท่อ “เช่นนี้ผู้รับเหมา หรือผู้ดูแลโครงการปฏิเสธความรับผิดชอบได้” ด้วยอ้างเหตุป้ายไฟสัญญาณเตือนมาต่อสู้นั้นทว่ากรณีนี้แตกต่างจาก “การก่อสร้างถนนพระราม 2” เพราะเป็นโครงการก่อสร้างถนนยกระดับขนาดใหญ่บนเส้นทางการสัญจรหลัก “ต้องอนุโลมให้คนทั่วไปสัญจรผ่าน” ทำให้ผู้รับเหมา และผู้ดูแลโครงการมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังอันตรายจากอุปกรณ์ เครื่องมือสิ่งของ เศษอิฐ หล่นใส่รถที่ขับไปมาอย่างยิ่งยวดนอกจากมีป้ายเตือนจุดเสี่ยงต่างๆแล้วต้องติดตั้งระบบป้องกันวัสดุร่วงจากการทำงาน และมีระบบไฟส่องสว่างกรณีทำงานในเวลากลางคืนด้วย เพราะหากเกิดอุบัติเหตุกับประชาชนล้วนเป็นความผิดพลาดจากการก่อสร้างโดยตรง “ผู้รับเหมา และผู้ดูแลโครงการ” จะปฏิเสธความรับผิดชอบนั้นมิได้เลยย้อนกลับกรณีที่ 2...“อุบัติเหตุเกิดจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการก่อสร้าง” อันเกิดจากบริษัทรับเหมาอาจไม่มีการวางป้ายเตือน หรือสัญญาณไฟให้ระวังระหว่างการก่อสร้างไม่เสร็จ ทำให้ผู้สัญจรต้องประสบอุบัติเหตุ เช่นนี้ผู้เสียหายสามารถฟ้องหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลโครงการให้ชดใช้ค่าเสียหายได้โดยตรงเนื่องจากหน่วยงานดูแลโครงการเป็นผู้ว่าจ้างมีหน้าที่ควบคุมผู้รับจ้างกลับไม่ดูแล “เป็นความประมาทของผู้ว่าจ้างร่วม” ทั้งยังฟ้องหน่วยงานดูแลพื้นที่ได้ด้วย เพราะละเลยไม่หมั่นตรวจสอบการดำเนินงานนั้น อันเป็นความผิดป.พ.พ.ตาม ม.420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งผู้นั้นละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นแล้วกรณีนี้ก็มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4202/2555 ผู้รับเหมาไม่ติดตั้งเครื่องหมายสัญญาณ และไฟส่องสว่างให้ผู้ขับขี่ในตอนกลางคืนที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ทำให้ผู้เสียหายขับรถชนแท่งเหล็กได้รับความเสียหาย แล้วจำเลยที่ 2 เป็นผู้ว่าจ้างเจ้าของโครงการมีหน้าที่ควบคุมดูแลผู้รับเหมากลับละเลยไม่ควบคุมแลเป็นความประมาทร่วมถ้าเปรียบเทียบกับกรณี “ลุงวัย 59 ปี ตกท่อร้อยสายไฟฟ้าเสียชีวิต” ตามที่ติดตามข่าวในชั้นต้น บริเวณจุดเกิดเหตุไม่ปรากกฎพบ “ป้ายสัญญาณ แจ้งเตือน หรือรั้วตาข่ายมากั้นปิดทาง” บริเวณที่ชำรุดมิให้มีการสัญจรผ่านป้องกันอันตรายแต่อย่างไร แถมนำไม้อัดมาทำฝาท่อแทนชั่วคราวระหว่างรอทำแผ่นคอนกรีตมาปิด“ลักษณะนี้เป็นการละเลยต่อหน้าที่ในการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยที่เป็นการดำเนินการไม่พอสมควรแก่การป้องกันเหตุอันเป็นการละเมิดตาม ม.420 ผู้รับเหมา ผู้ดูแลโครงการ รวมถึงหน่วยงานดูแลพื้นที่ที่ละเลยต่อหน้าที่ในการซ่อมบำรุงท่อระบายน้ำและถนนสายดังกล่าวต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายนั้น” คมเพชญว่าส่วนกรณีว่า “ใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุมีสะพานลอยห่างออกไปไม่กี่เมตร” แล้วบริเวณเกาะกลางถนนไม่ใช่ทางเดินเท้าสำหรับไว้เดินไปมา หรือไม่ใช่ทางสาธารณะเดินข้ามเป็นปกติได้ “อันดูเหมือนจะเกิดจากการประมาทของผู้ตายด้วยหรือไม่” เรื่องนี้มิใช่เหตุจะฟ้องร้องมิได้ แต่อาจเป็นข้อต่อสู้ให้อีกฝ่ายยกขึ้นมาสู้ในชั้นศาลได้ ถัดมาสำหรับ “การดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง” โดยทั่วไปแห่งความผิดกฎหมายแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก...“ความผิดอาญา” อันเป็นการกระทำโดยประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ป.อาญา ม.291 โทษจำคุก 10 ปี เพราะการก่อสร้างนั้นไม่ติดตั้งเครื่องหมายสัญญาณป้องกันที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จแต่ด้วยคดีลักษณะนี้มักเป็นความผิด “คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา” อันเป็นคดีความผิดทางแพ่งเกิดจากผลของการทำผิดอาญาตาม ป.วิแพ่ง ม.40 จะฟ้องต่อศาลคดีอาญา หรือต่อศาลแพ่งก็ได้ ฉะนั้น “ผู้เสียหาย” จะใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้ 2 ทาง คือ 1.เป็นโจทก์ร่วมฟ้องคดีแพ่งไปพร้อมกับคดีอาญาตาม ป.วิอาญา ม.44/1 ในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ถ้าผู้เสียหายมีสิทธิเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจฯ จะยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายก็ได้ส่วนผู้มีสิทธิที่นี้เช่นผู้บาดเจ็บ บิดา มารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ภรรยา บุตร หรือทายาทโดยธรรม สามารถยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในคดีอาญาในการเรียกร้องส่วนคดีแพ่งได้ ทำให้ประหยัดเวลาถ้าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง “ศาล” จะพิจารณาอัตราค่าเสียหายสั่งให้ชดเชยได้เลยโดยไม่ต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมศาลถ้าหากผู้เสียหายไม่เป็นที่พอใจ “คำพิพากษาชดเชยความเสียหาย” ก็ยื่นอุทธรณ์ในคดีนั้นได้อีกขณะที่ทางเลือกที่ 2...“ผู้เสียหายยื่นฟ้องคดีในศาลแพ่ง” แต่กระบวนการนี้ต้องแต่งตั้งทนายความยื่นฟ้องเรียกร้องความเสียหายต่อศาลแพ่งในคดีละเมิดนี้อันมีอายุความ 1 ปี ส่วนใหญ่มักต้องรอคดีอาญาถึงที่สุดว่าจำเลยมีความผิดจริงก็ค่อยมาพิจารณาคดีแพ่ง แต่หากไม่มีความผิดตามฟ้องคดีอาญาก็ไม่มีการพิจารณาคดีแพ่งกรณีไม่มีผู้รับผิดชอบสามารถยื่นขอความเป็นธรรม “ศาลปกครอง” ให้ดำเนินการพิจารณาหลักฐาน “ต้นตออุบัติเหตุ” ถ้าพิสูจน์ว่าเจ้าหน้าที่รัฐละเลยต่อหน้าที่ ศาลจะให้หน่วยงานดูแลถนนนั้นรับผิดชอบค่าเสียหายก็ได้ ประเด็นถัดมา “ฝาท่อหายถูกขโมยนำไปสู่อุบัติเหตุ” ตามหลักหน่วยงาน ดูแลพื้นที่มีหน้าที่หมั่นติดตามตรวจสอบเป็นประจำสม่ำเสมอ “เมื่อพบท่อหาย หรือชำรุดต้องแก้ไขเร่งด่วน” โดยเฉพาะ กทม.เป็นปัญหามักพบบ่อยๆ แล้วหากว่าเกิดอุบัติเหตุ “หน่วยงานดูแลพื้นที่” หนีไม่พ้นต้องร่วมรับผิดต่อความเสียหายนั้นเช่นเดิมในส่วน “คนร้าย” ก็มีความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ถ้าขโมยเวลากลางคืนมีโทษตั้งแต่ 1-7 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-140,000 บาท “ผู้รับซื้อฝาท่อ” ส่วนใหญ่ทำลายชื่อหน่วยงานออกก่อนส่งขายโรงงานหลอมเหล็ก กลุ่มนี้มีความผิดรับของโจรจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี ปรับ 10,000-200,000 บาทอย่างไรก็ดี กรณี “ลุงตกท่อเสียชีวิต” ต้องดูด้วยว่าผู้รับเหมาส่งมอบงานผ่านพ้นระยะเวลาประกันผลงานหรือไม่ เพราะหากขั้นตอนนี้ผ่านแล้ว “ผู้รับเหมาไม่ต้องรับผิด” แต่เป็นหน้าที่ของหน่วยงานพื้นที่ที่ต้องหมั่นตรวจสอบซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพปลอดภัย คือ ผู้ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายนั้นโดยตรงนี่เป็นบทเรียนฝากถึงผู้รับเหมา หน่วยงานดูแลพื้นที่ และหน่วยงานดูแลโครงการก่อสร้างต่างๆ บนเส้นทางสาธารณะ ต้องให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยสูงสุด “อย่ามักง่าย” เพื่อมิให้ใครมาเดือดร้อน เสี่ยงรับความเสียหายจากการละเลยนี้อีก.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม