“Ubi societas, ibi jus” คำกล่าวภาษาลาตินบทหนึ่ง ซึ่งมีความหมายว่า...“ที่ไหนมีสังคม ที่นั่นมีกฎหมาย” ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช บอกว่า “กฎหมาย” นับเป็นสถาบันหลักหนึ่งทางสังคม ที่มีหน้าที่อำนวยชีวิตสังคมให้ดำเนินไปอย่างมีความสุข...เป็น “กฎ” ที่สมาชิกในสังคมนั้นๆ... “หมาย” คือยอมรับตรงกัน ว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร เพื่ออะไร มีกฎเกณฑ์ใดกำกับควบคุม ป้องปรามและลงโทษ ทำหน้าที่ในการกำกับหรือควบคุมทางสังคม ระงับข้อพิพาท...ความขัดแย้งในสังคมและเป็นกลไกในการรักษาความเที่ยงธรรม...หลักของศีลธรรมด้วยเมื่อมีการพูดคุยกันว่าปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งของสังคมโลกและสังคมไทยในทุกวันนี้คือ การมีอาชญากรที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ ทำผิดกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ... มาตรการทางกฎหมาย : กรณีเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กระทำผิดทางอาญา ควรเป็นอย่างไร?ดร.คุณหญิงกัลยา มองว่า ในอีกด้านหนึ่งต้นรากของปัญหาความก้าวร้าว รุนแรง ขาดความยั้งคิด ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี โหดเหี้ยม ไม่มีทักษะความเป็นมนุษย์ และขาดความเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นผลกระทบจาก “การเลี้ยงดู” และสิ่งแวดล้อมที่เขาเติบโตมาพุ่งเป้าไปที่ต้นเหตุ “อาชญากรอายุน้อย” หรือภาษาสมัยใหม่ใช้คำว่า “อาชญากรวัยใส” เพื่อหาวิธีหล่อหลอม กล่อมเกลา ให้ความรัก ให้หลักคิด ให้มีความเป็นมนุษย์ ป้องกันเหตุรุนแรงวัตถุประสงค์ คือ เพื่อแสดงความเห็นและความห่วงใยต่อเยาวชนที่ถูกเลี้ยงดูด้วยเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 หรือยุคดิจิทัล, เพื่อกระตุ้นเตือนสังคมพ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเทคโนโลยี ที่อาจจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออนาคตของลูกหลาน จนกลายเป็น “อาชญากรหุ่นยนต์”เพื่อให้สังคมตระหนักและตื่นตัว ที่จะถอดบทเรียนจากเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ของเด็กอายุ 14 ปี กราดยิงผู้หญิงเสียชีวิตในห้างพารากอน (3 ต.ค.66) และอื่นๆ, เพื่อทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง พร้อมจะมอบหัวใจ ความรัก ความอบอุ่น ความเมตตากรุณาและเวลา ให้แก่ลูกให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้สุดท้าย...เพื่อให้ทุกครอบครัวได้ร่วมกันสร้างลูกที่มีหัวใจเป็นคนมิใช่หุ่นยนต์ ที่อาจกลายเป็น “อาชญากรหุ่นยนต์” ในท้ายที่สุดต่อไป ที่มาของ “มนุษย์ที่ไร้หัวใจมนุษย์” ปัจจัยสำคัญของการที่เด็กเติบโตมาอย่างคนที่ “พร่องความเป็นมนุษย์” คือความโดดเดี่ยวการหมกมุ่นอยู่กับพี่เลี้ยงที่ไร้ชีวิต เพราะพ่อแม่ “ไม่มีเวลา”นับตั้งแต่...ผลจากวัยเด็กของพ่อแม่ ต้องยอมรับความจริงที่ว่า... “เงิน” นำมาซึ่งปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตและการสร้างอนาคตที่ดีแก่คนคนหนึ่งครอบครัวครอบครัวหนึ่ง แต่พ่อแม่อย่าลืมว่า “เวลา” ที่จะอยู่ร่วมกับลูก เวลาที่จะประคับประคอง ขัดเกลา ให้เขาเติบโตมาอย่างผู้ที่มีหัวใจเป็น “มนุษย์” ก็สำคัญยิ่งนักและ...เป็นสิ่งที่ “ใช้เงินซื้อไม่ได้” ไม่มีขายที่ไหนหัวใจสำคัญคือ “พัฒนาการตามวัย” ที่เหมาะสม และ “ผลกระทบ” ที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่มาถึงเด็กก่อนวัย ที่กลายเป็น “ภัยเงียบ” ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าที่ “ความไม่มี”...ขณะที่พ่อแม่เชื่อว่า เทคโนโลยีจะทำให้ลูกเก่ง ลูกมีความสุข ลูกทันยุคทันสมัย และ “มีเหมือนคนอื่น” ได้พ่อแม่จึงตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน เพื่อซื้อหรือจัดหาเครื่องและเทคโนโลยีมากที่สุด ดีที่สุด เท่าที่จะมากได้ โดยลืมไปว่า “ไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ในโลก สามารถทดแทนคุณพ่อคุณแม่ได้เลย”ถัดมา...ผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวไทย เปลี่ยนสภาพจากครอบครัวขยายเป็น “ครอบครัวเดี่ยว” ทำให้เด็กที่เติบโตมามีปฏิสัมพันธ์ กับเพื่อนมนุษย์น้อยลง ไม่มีปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอาคอยช่วยเลี้ยงดูแบบญาติ...ไม่ได้รับความรัก ความอบอุ่น ไม่ได้รู้จักความเป็นเพื่อนมนุษย์กับคนหลากรุ่นหลายวัยไม่ได้เรียนรู้กลไกทางอารมณ์และจิตใจ ที่สามารถรัก เข้าใจ เห็นใจ ผูกพันกับคนหลากรุ่นหลายวัย...มีความเคารพผู้อาวุโส เอื้อเฟื้อต่อผู้เยาว์กว่าและเป็นมิตรกับคนวัยเดียวกัน เด็กไม่ได้เติบโตมาอย่างมีทักษะทางสังคม...มี “อารมณ์ความเป็นมนุษย์” ที่ได้รับการขัดเกลา สาม...ผลกระทบจากยุคสมัย ข้อนี้ ดร.คุณหญิงกัลยา ย้ำว่า ในศตวรรษที่ 21 “ยุคดิจิทัล” มนุษย์ สังคม ประเทศชาติ ต่างต้องเผชิญกับผลกระทบที่เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่ทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติ ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆอย่างไม่หยุดยั้ง...ไร้ทิศทาง ส่งผลให้การดำรงชีวิตของมนุษย์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งทางบวกและทางลบ เป็นยุคสมัยที่ต้องเผชิญกับความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน คลุมเครือในสภาพการณ์แบบนี้ พ่อแม่และรวมถึงลูกจะมีความเครียดมากจากสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ก่อให้เกิดความวิตกกังวล ความกลัว ความสับสน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนพรากเวลาคุณภาพไปจากเด็กและพ่อแม่ที่จะค่อยๆเติบโตมาด้วยกัน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม“ลูกจึงเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว ขาดรัก รักไม่เป็น หมกมุ่นกับตัวเอง ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกๆเรื่องและขาดความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเป็นทักษะมนุษย์ที่สำคัญที่สุด”ท่ามกลางความโดดเดี่ยวนี้เด็กยังเติบโตมากับเทคโนโลยีที่ขาดชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ โทรศัพท์ หรือเกม ซึ่งกุมารแพทย์ทั่วไปต่างพร้อมใจกันเตือนว่า “อย่าใช้จอเลี้ยงลูก” เด็กที่เติบโตมากับจอมากกว่ากับใจ ด้านพฤติกรรมจะมีความก้าวร้าว ซน สมาธิสั้น มีพฤติกรรมออทิสติก...ดื้อ ต่อต้าน โลกส่วนตัวสูง สอดคล้องกับงานวิจัยของโรงพยาบาลพญาไท ชี้ให้เห็นภัยเงียบ 6 ประการ พ่อแม่ยุคใหม่ที่เลี้ยงลูกด้วยเทคโนโลยี ได้แก่ สุขภาพไม่แข็งแรง, เป็นโรคสมาธิสั้น, มีปัญหาด้านการมองเห็น, มีปัญหาด้านการเรียนรู้ภาษา, มีปัญหาด้านการเขียน, ขาดความสัมพันธ์กับผู้คน“การไร้ปฏิสัมพันธ์...จึงเข้าสังคมไม่เป็น ขาดการเป็นคน อาจจะขาดหัวใจไปด้วยถ้าพ่อแม่ไม่ให้หัวใจ...ผลกระทบนี้ทำให้เด็กจำนวนหนึ่งกลายเป็นอาชญากร เป็นฆาตกรเลือดเย็น ที่ไม่เห็นคนเป็นคน ไม่เห็นความเจ็บปวดของคนอื่นๆแล้วรู้สึกเมตตาสงสาร พวกเขากลายสภาพเป็น...อาชญากรหุ่นยนต์”ไม่เหลือ “ใจอย่างมนุษย์” ที่จะคอยกำกับการกระทำว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำถึงตรงนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...การได้รับเลี้ยงดูและการเติบโตมาของคนทุกคนเป็นเรื่องสำคัญ อันมีผลให้เขาเป็น “มนุษย์” ที่มีหัวใจมนุษย์ ถึงแม้สังคมจะมีกฎหมายเป็นกรอบกติกา แต่ก็มิอาจละเลยการเลี้ยงดูที่เป็นเหตุของพฤติกรรมได้ ผู้เกี่ยวข้องทุกคนทุกฝ่ายต้องช่วยกันรณรงค์ให้ความรู้ ช่วยกันสร้างความตระหนักเราควรจะมีแผนการช่วยเหลือ พัฒนา ตลอดจนมีสวัสดิการจากรัฐ เพื่อให้พ่อแม่ได้มีเวลาอยู่กับลูก เลี้ยงดูลูก เติม...“หัวใจแห่งความเป็นมนุษย์” ลงไปใน “หุ่นยนต์มนุษย์” ที่กำลังเลี้ยงดูอย่าให้เขาเติบโตเพียงกาย แล้วก่อความวุ่นวายเป็นอันตรายต่อสังคม“การสร้างสังคมที่น่าอยู่ ปลอดภัย เป็นระเบียบ และเคารพกติกา จึงต้องสร้างขึ้นมาพร้อมๆกับการมีกฎหมายกำกับอีกชั้นหนึ่ง” ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กล่าวทิ้งท้าย.คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปหน้า 1" เพิ่มเติม