“ยับเยิน” ในระดับแผ่นดินไหว 7-8 แมกนิจูด อาฟเตอร์ช็อกเขย่าต่อเนื่อง ปรากฏการณ์ที่ “ดร.ตั๊ก” นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ร่อนใบลาออกทันทีทันควัน ปฏิบัติการโยนระเบิดพลีชีพ นาทีไล่หลังพระราชกฤษฎีกาประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ตั้งใจ “ตบหน้า” กันจังๆ อาการชายิ่งกว่า “อัมพาตครึ่งซีก” เศรษฐา ทวีสินอารมณ์แบบที่ “นายกฯในตำแหน่ง” อย่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดนหักแรงๆแบบไม่ไว้หน้า ไม่เห็น “นายกฯในตำนาน” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้นำ จิตวิญญาณค่ายเพื่อไทย อยู่ในสายตาแต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความเสียหายเครดิตประเทศไทยในเวทีโลกในสภาพมั่วๆ รมว.ต่างประเทศ ไขก๊อกแบบกะทันหัน สั่นสะเทือนนโยบายในระดับสากล ในภาวะคาบลูกคาบดอก ปัญหาสงครามภายในประเทศเมียนมา ความไม่สงบชายแดนเพื่อนบ้าน ไหนจะสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก แนวรบตะวันออกกลาง คนไทยตกค้างเป็นตัวประกันในฉนวนกาซาโจทย์เร่งด่วน ภาวะการณ์คับขันจ่อกดดันอยู่ตรงหน้า แต่กลายเป็นความขัดแย้งการเมืองภายในรัฐบาล บั่นทอนความเชื่อมั่นภายนอกตอกย้ำภาพพจน์เชิงลบ กระทบน้ำหนักทางการทูตของประเทศไทย“เซ่น” เกมอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง ตามท้องเรื่องที่กระตุกเครื่องหมายคำถาม หักมุมกับข้อความที่ขาใหญ่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามส่งสัญญาณ อ้างการปรับ ครม.เพื่อยกระดับเชิงบริหารแต่ผลออกมา ป่วนหนักตั้งแต่เปิดโผแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่อย่างเป็นทางการประจานมาตรฐานบริหารสไตล์ “เถ้าแก่ใหญ่” คุมกงสี คิวของ “ปานปรีย์” ตั้งใจสะท้อนเลยว่า เล่นดีเปลี่ยนออก เล่นกระจอกเปลี่ยนเข้า ไม่เน้นภาพพจน์หรู ไม่สนพวกโชว์หล่อ ไม่กลัวโดนล่อเป้า เน้นใช้บริการพวกมือถึง ใจถึง พร้อมสละชีพ ท้าเป็นท้าตายในเกมเดิมพันเสี่ยง ปานปรีย์ พหิทธานุกรนั่นก็ไม่ต้องพูดถึงเสียงโอดครวญของ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข ที่กัดฟันกลืนเลือด บ่นน้อยใจในชะตา “โคถึก” เสร็จศึกโดนฆ่าทิ้งแบบไม่ไยดีในความดีความชอบที่ยอมเป็นกระโถน รองรับเสียงด่าตระบัดสัตย์แค่เผลอลงกลอนประตูหลังบ้านไม่แน่น โดนฟาดหางกระเด็นวงโคจรแน่นอน อารมณ์เถ้าแก่ใหญ่ “ของแทร่” ไม่มีทางสนเสียงนกเสียงกา ต่อให้เสียหายยับในระดับแผ่นดินไหว 7-8 แมกนิจูด หรือไฟซ่อนเชื้อ ฝังแค้นพวกจงรักภักดีเมื่อ “ธง” ของการปรับทีมผู้เล่น มันอยู่ที่ “การกระชับอำนาจ”เป้าหมายหลักชัดๆคือนายพิชัย ชุณหวชิร ผงาดรองนายกฯควบ รมว.คลัง ตามสถานะของ “มือกระบี่” ประจำตระกูลชิน เชี่ยวเชิง เพลงยุทธ์ในวงการตลาดหุ้น ตลาดทุน บู๊ล้างผลาญ พร้อมประจัญบานกับแนวต้าน ลุยพวกขวางลำ “โคตรประชานิยม”พร้อมพุ่งชนกำแพงแน่นๆหนาๆของ “วังบางขุนพรหม” อาณาจักรแบงก์ชาติอีกทั้งโฟกัสพรรคร่วมรัฐบาล ที่วัดพลังอำนาจกันจนนาทีสุดท้ายก่อนปิดกล่องตามข่าวพลิกไปพลิกมา แบบที่นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เสียบเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ ด้วย “ตั๋ววีไอพี” ของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เลขาธิการค่ายพลังประชารัฐเบียดโพยของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่าย พปชร.ส่งชื่อนายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร ในปีกของนายวราเทพ รัตนากร ยึดโควตาทีมชากังราวแทนนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชรมอบดาบให้ ร.อ.ธรรมนัส คุม “ขุมทอง” กระทรวงเกษตรฯแบบเบ็ดเสร็จ พิชัย ชุณหวชิรไม่กลัวเป็น “บ่อน้ำมัน” ไม่สะทกสะท้านล่อเป้าตำบลกระสุนตก “เถ้าแก่ใหญ่” เลือกให้น้ำหนักแม่บ้าน พรรค พปชร.ที่ใจจดจ่ออยู่กับยี่ห้อ “ทักษิณ” เป็นกองกำลังฝากเลี้ยงของพรรคเพื่อไทยให้มันรู้กันไปเลยว่า นี่แหละ “ม้าใช้” ที่ป้วนเปี้ยนๆอยู่ในรั้วตระกูลชินเช่นเดียวกับสถานะของค่ายรวมไทยสร้างชาติ ที่เกิดรัฐประหารภายใน ฟาดฟันกันหนักในกองกำลังชนกลุ่มน้อย ระหว่างขบวนห้อยโหน “ลุงตู่” แก๊งใต้ปีก “ลุงกำนัน” ก๊วนสายตรงสปอนเซอร์ที่สุดนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง สายตรงสปอนเซอร์ ยังนิ่งอยู่ในเก้าอี้ รมช.คลัง ส่วน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ต้องวืดเก้าอี้ รมช.กลาโหม ตั๋วน้องรัก “ลุงตู่” เพื่อน “บิ๊กแดง” ไม่แรงพอแรงส่งคนดี ได้แค่สลับคิว “เฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น เบียด “แฮงค์” นายอนุชา นาคาศัย ขึ้นแท่น รมช.พาณิชย์ ตามสิทธิของกุมาร ก๊วนลูกกรอกของ “ลุงตู่”ดูทรงมันก็ชัด “เถ้าแก่ใหญ่” ถือหางทีมสปอนเซอร์ค่ายรวมไทยสร้างชาติเล่นเป็นทีมเดียวกันมาตั้งแต่เกม “ดีลลังกาวี”.ทีมข่าวการเมือง รายงานคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม