“ทักษิณ” ในชุดคนป่วย นั่งรถเข็นฟังคำสั่งอัยการ คดีที่กองทัพบกฟ้อง ม.112 อสส.มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม ตามที่เจ้าตัวร้องขอความเป็นธรรม นัดให้มาฟังคำสั่งคดี 10 เม.ย. ก่อนปล่อยชั่วคราว หลักทรัพย์สมุดเงินฝากธนาคาร 5 แสน อธิบดีอัยการฯเผยเห็นสภาพป่วยขั้นวิกฤติต้องนั่งวีลแชร์-เสียงไม่มี โฆษกอัยการฯลั่นคดีนอกราชอาณาจักร อำนาจอยู่ที่ อสส.สั่งอย่างไรคือจบ วอนสังคมมั่นใจในอัยการสูงสุด “อิ๊งค์” โพสต์ภาพลูกชายแซว “เด็กเส้น” นายกฯย้ำทำตามกฎหมายทุกกระเบียด ขอหยุดขัดแย้งเดินหน้ากันดีกว่า ไม่ให้ค่ากับคำพูดถากถาง ยังไม่คิดปรับ ครม.วันนี้ “ภูมิธรรม” โว พท.เข้มแข็ง ไม่ต้องพึ่ง “นายใหญ่” “ท็อป” โต้ รบ.นี้ไม่มีใครเป็นวันแมนโชว์ สว.แซะ ยธ.ศรีธนญชัยกฎหมาย ถากถาง “ผู้นำ” ดาวไร้แสง นายกฯลุยค่ายประจักษ์ยกระดับสวัสดิการทหารผู้น้อย สว.ตีตกชื่อ “บิ๊กจ้าว” วืดนั่ง ป.ป.ช.หลังได้รับการพักโทษ ออกจากโรงพยาบาลตำรวจมาพำนักที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ล่าสุดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ารายงานตัวรับทราบคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง คดีที่กองทัพบกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานหมิ่นสถาบัน ตาม ป.อาญามาตรา 112 ต่อสำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด “ทักษิณ” ฟังคำสั่งอัยการคดี ม.112เมื่อเวลา 07.04 น. วันที่ 19 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวคนเล็กของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำบิดาขึ้นรถตู้เบนซ์ สีขาว เลขทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานคร ออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ทางประตูด้านหลัง ฝั่งซอยจรัญสนิทวงศ์ 71 เดินทางไปที่สำนักงานคดีอาญา 8 เพื่อฟังคำสั่งการพิจารณาคดีของอัยการสูงสุด ในคดีที่นายทักษิณถูกกล่าวหากระทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมีคำสั่งอายัดตัวไว้ดำเนินคดีหลังได้รับการพักโทษ เป็นความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2558 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทยต่อเนื่องกัน ขณะที่บรรยากาศภายในบ้านยังคงนิ่งสงบ มีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเฝ้าเกาะติดรายงานข่าวจำนวนมาก ทำให้ พ.ต.อ.อัครพล จักรเพชร ผกก.สน.บางพลัด ต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนอย่ากีดขวางทางเข้าออก หลังจากมีประชาชนร้องเรียนมาในชุดคนป่วยสภาพแทบหิ้วปีกต่อมาเวลา 09.30 น. ที่สำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ารายงานตัวรับทราบคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง คดีที่กองทัพบกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานหมิ่น สถาบัน ตาม ป.อาญามาตรา 112 กรณีแถลงข่าวหมิ่นสถาบัน ที่สาธารณรัฐเกาหลี ล่าสุดอัยการไปแจ้งข้อหาที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 17 มค.2567 โดยนายทักษิณเดินทางมาพบอัยการในชุดคนป่วยสีอ่อนใส่แมสก์ สภาพแทบหิ้วปีก ผู้ติดตามพยายามยืนบังไม่ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ มีนายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีอาญา 8 คอยรับการรายงานตัว และแจ้งคำสั่งเลื่อนนัดเพราะมีเหตุจำเป็น เมื่อเซ็นทราบเลื่อนนัดเสร็จได้เดินทางกลับอสส.สั่ง พนง.สอบสวนเพิ่มเติมนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ร่วมแถลงความคืบหน้าคดี นายประยุทธ กล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้เป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคดีนำตัวนายทักษิณ ผู้ต้องหา ส่งให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา พิจารณาก่อนส่งอัยการสูงสุด มีนายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นผู้รับตัวจากพนักงานสอบสวน ทั้งนี้นายทักษิณได้ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2567 หลายประเด็น ล่าสุดนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด พิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแล้ว เห็นว่าคดีมีประเด็นให้สอบสวนเพิ่มเติมตามหนังสือที่นายทักษิณร้องขอ จึงมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม และมอบหมายให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมนัดให้มาพบอัยการอีกที 10 เม.ย.นายประยุทธกล่าวอีกว่า เมื่อนายทักษิณได้รับการปล่อยตัวพักโทษจากกรมราชทัณฑ์ในคดีอาญาอื่น และเนื่องจากอัยการสูงสุดมีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าว อัยการสูงสุดยังไม่อาจลงความเห็นและมีคำสั่งทางคดีได้ในขณะนี้ อัยการพิเศษ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ที่อัยการสูงสุดมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายทักษิณ มีหลักประกัน และนัดให้มาพบพนักงานอัยการในวันที่ 10 เม.ย.2567 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 สำนักงานอัยการสูงสุด อดีตอัยการสูงสุดเห็นควรสั่งฟ้องโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวอีกว่า สำนวนคดี 112 เดิมมีแต่ความเห็นอดีตอัยการสูงสุด ที่ลงความเห็นพ้องตามฝ่ายผู้กล่าวหาว่าควรสั่งฟ้อง แต่เมื่อผู้ต้องหากลับเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม อัยการสูงสุดคนปัจจุบันจึงให้การสอบสวนเพิ่มเพื่อให้สิ้นกระแสความ กระบวนการทั้งหมดขอให้มั่นใจ เรื่องนี้เป็นคดีสำคัญ เพราะคนเกี่ยวข้องกับคดีเป็นบุคคลสำคัญ ข้อหาสำคัญ ประชาชนติดตามให้ความสนใจ อัยการต้องอธิบายได้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ขอให้เชื่อมั่นการทำงานทุกอย่างอยู่บนขั้นตอนกฎหมาย และข้อเท็จจริง และคดีนี้เป็นคดีความผิดนอกราชอาณาจักร อำนาจอยู่ที่อัยการสูงสุด หากมีคำสั่งอย่างไรก็คือจบปล่อยชั่วคราวหลักทรัพย์ 5 แสนนายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวนปอท. นำตัวนายทักษิณมาส่งให้อัยการเพื่อรับทราบคำสั่ง ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง จากนั้นอัยการพิจารณาหลักทรัพย์สมุดคู่ฝากธนาคารเงินสด 5 แสนบาท ที่ผู้ต้องหายื่นขอประกันตัว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากมีเงื่อนไขที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมคุมประพฤติแล้ว แต่ถ้านายทักษิณไม่มาตามนัดโดยไม่มีเหตุสมควรจะพิจารณาปรับนายประกัน ซึ่งนายทักษิณเซ็นรับทราบแล้วชี้ป่วยวิกฤตินั่งวีลแชร์เสียงไม่มีนายปรีชากล่าวต่อว่า จากสภาพที่เห็นนายทักษิณนั่งวีลแชร์มาพบอัยการ ดูแล้วพบว่าป่วยขั้นวิกฤติเดินไม่ไหว จากการพูดคุยนายทักษิณไม่ค่อยมีเสียง วันที่อัยการนัดมาฟังคำสั่งหากอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องต้องนำตัวนายทักษิณไปฟ้องศาล แต่ถ้าสั่งไม่ฟ้องต้องแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบ หรือหากยังสอบสวนไม่เสร็จต้องแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบและเลื่อนนัดฟังคำสั่งออกไปอีก 1 นัด ระหว่างการสอบสวน หากผู้ต้องหายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาอีก ถ้าเป็นการร้องประเด็นซ้ำหรือประวิงคดีจะไม่พิจารณา และสั่งยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมอำนาจอยู่ที่ อสส.สั่งอย่างไรคือจบนายประยุทธกล่าวเพิ่มเติมว่า สำนวนเดิมที่มีคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้องเป็นคำสั่งแรกตั้งแต่นายทักษิณยังไม่กลับเข้าประเทศไทย แต่เมื่อนายทักษิณกลับมาและมีการแจ้งข้อกล่าวหากันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. รวมถึงมีการส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ทำให้คณะพนักงานสอบสวนสำนวนใหม่ วันที่ 10 เม.ย.นี้ นายทักษิณต้องมารับฟังคำสั่งด้วยตนเองว่าอัยการจะเห็นสมควรสั่งฟ้องทางคดีหรือไม่ โดยคำสั่งจะแบ่งออกเป็น 3 แนวทาง 1.สั่งฟ้อง 2.ไม่สั่งฟ้อง 3.เลื่อนนัดฟังคำสั่ง หากสำนวนที่สอบเพิ่มเติมยังไม่ครบถ้วน คดีนี้ถือเป็นคดีการกระทำผิดมีโทษตามกฎหมายไทย กระทำนอกราชอาณาจักร หากวันที่ 10 เม.ย. อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องจะต้องนำนายทักษิณเข้าสู่กระบวนการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาทันที แต่หากมีคำสั่งไม่ฟ้อง คดีดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดในชั้นของอัยการไม่ต้องส่งสำนวนไปยัง ผบ.ตร.ให้พิจารณาเหมือนคดีอื่นๆ เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักรที่อัยการสูงสุดมีอำนาจสอบสวน และพิจารณาเด็ดขาดตาม ป.วิอาญามาตรา 20ขอให้สังคมมั่นใจในอัยการสูงสุดผู้สื่อข่าวถามถึงหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่นายทักษิณร้องมามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง มี 10 ประเด็นที่ขอให้สอบเพิ่มเติม อสส.อนุญาตทุกประเด็นหรือไม่ นายประยุทธตอบว่า ไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เมื่อถามย้ำว่าสังคมมองว่ามีการอำนวยความสะดวกให้ผู้ต้องหา นายประยุทธตอบว่า คดีนี้ผู้ต้องหาเป็นคนที่สังคมให้ความสนใจ และเป็นอำนาจเด็ดขาดของอัยการสูงสุด ขอให้ไปดูประวัติการทำงานของอัยการสูงสุดว่ามีชื่อเสียงด้านความยุติธรรมเป็นที่ประจักษ์ เเละมีทิศทางการทำงานตามกฎหมาย ขอให้สังคมมั่นใจในการพิจารณาของอัยการสูงสุด“อิ๊งค์” โพสต์ภาพลูกแซว “เด็กเส้น”ช่วงบ่ายวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ภาพ ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ บุตรชายคนเล็ก ขณะกำลังทานอาหารแล้วมีเส้นสปาเกตตีติดอยู่ที่มุมปาก พร้อมระบุข้อความสั้นๆว่า “เด็กเส้น” ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการได้รับการพักโทษของนายทักษิณ เป็นการดำเนินการแบบสองมาตรฐาน นายกฯย้ำทุกอย่างตามกฎหมายที่ จ.อุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงสะท้อนการพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในเรื่องการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานแบบอภิสิทธิ์ชนว่า มีการเรียกร้องกัน หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยและเห็นด้วย แต่หากย้อนไป 10 กว่าปีที่แล้วมาถึงวันนี้ ก็เรียกร้องให้นายทักษิณกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อเดือน ส.ค.2566 นายทักษิณกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมหรือเปล่า กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจก็มีการตรวจสอบ คณะกรรมาธิการของรัฐสภาก็เข้าไปตรวจสอบ กระทรวงยุติธรรมมีมาตรฐานตรวจสอบอยู่แล้วใช่ไหม ตอนที่นายทักษิณถูกพิพากษาไปเราก็เชื่อในระบบ วันนี้การจะได้รับการยกเว้น เพราะเหตุผล 1 2 3 4 5 ซึ่งก็เป็นกฎหมายที่เขียนไว้อยู่แล้ว เราต้องมาพูดกันเรื่องนี้ทุกวันหรือเปล่า แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายหยุดขัดแย้งเดินหน้า ปท.ดีกว่าผู้สื่อข่าวถามว่าไม่ว่ารัฐบาลจะอธิบายอย่างไร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะอธิบายอย่างไร สังคมยังเข้าใจและเชื่อว่าสองมาตรฐานอยู่ดี นายกฯตอบว่า ต่างคนมีความเห็นต่างกัน เราอยู่ในสังคมที่มีความเห็นต่าง แต่เราอยู่ร่วมกันด้วยกฎหมาย วันนี้เรื่องกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญทางกระบวนการที่นายทักษิณได้พักโทษ เราเดินไปข้างหน้าดีกว่า เรื่องความขัดแย้งก็ต้องบริหารกันไป แต่ต้องตั้งอยู่บนบรรทัดฐานของความสงบ เรามีพื้นที่รัฐสภาอยู่แล้ว มี สส. มีนักวิชาการ มีเวทีที่สามารถพูดคุยกันให้ใช้เวทีที่ปลอดภัยดีกว่า ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่กับตนมาเป็นวันที่ 3 แล้ว ก็เห็นว่าปัญหามันเยอะเหลือเกิน ถ้าอยู่ได้อีกก็จะอยู่ต่อดูทุกเรื่องดูให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว รัฐบาลนี้ขอให้เราอยู่ด้วยกันด้วยกฎหมาย ขอให้ก้าวข้ามไปแล้วเดินหน้าไปดีกว่าไม่ให้ค่าคำพูดเยาะเย้ยถากถางเมื่อถามว่ามีเสียง สว.บอกว่าการพักโทษของนายทักษิณ ส่งผลให้นายกฯเป็นดาวที่ไร้แสง นายเศรษฐายิ้มพร้อมตอบว่า คิดอะไรก็คิดกันไป พรุ่งนี้ 7 โมงเช้าก็ตื่นไปทำงาน ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาทิตย์หน้าลงภาคใต้ อาทิตย์ต่อมาไปต่างประเทศ ไปเจรจาเรื่องเขตการค้าเสรี (FTA) ไปหานักลงทุนใหม่ จะพูดอย่างไรก็ไม่ทำให้สะทกสะท้านได้หรอก ทำงานต่อไปและยึดมั่นในผลประโยชน์พี่น้องประชาชน จะมาว่าอย่างไรก็ว่าไป ไม่เป็นไรก็รับฟัง ถ้าอยากจะหลีกเลี่ยงคำว่านายกฯ 2 คน 3 คน ดาวไม่มีแสงหรืออะไร ก็พยายามพิสูจน์ตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ได้บั่นทอนอะไรทั้งสิ้น เมื่อถามว่าไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกด้อยค่าใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มีหรอก ถ้าจะให้รู้สึกด้อยค่าเพราะคำพูดที่จับต้องไม่ได้ ไม่เสียอารมณ์ตรงนั้นดีกว่าลั่น ณ วันนี้ยังไม่คิดจะปรับ ครม.เมื่อถามว่าหลังนายทักษิณได้พักโทษ มีข่าวว่าจะมีการปรับ ครม. นายเศรษฐาตอบว่า ก็ร้อนทุกวัน ทุกเรื่องร้อนหมด อย่างที่บอกพื้นฐานทุกวันนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ยังใช้งบฯไม่ได้ หากเรามีเงินในกระเป๋าให้ทุกคนอยู่ดีกินดี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับการดูแลขั้นพื้นฐาน เราก็คงดีขึ้น เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. นายเศรษฐาตอบว่า รัฐมนตรีพรรคร่วมก็เห็นกันว่าทำงานมีความสัมพันธ์ที่ดี พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนมีความตั้งใจดี ถ้าถึงเวลาที่เราต้องปรับก็ต้องปรับ แต่วันนี้ถ้าถามตน ยังไม่มีการปรับ เมื่อถามว่ามีระยะเวลาตรวจเคพีไอหรือไม่ นายเศรษฐตอบว่า ทุกคนมีเคพีไอหมด เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนตั้งเป้าไว้สูง และทุกคนยังทำได้ดีกว่านี้อีก รวมถึงตนด้วย เมื่อถามว่านายกฯเป็นดาวฤกษ์เรืองแสงในตัวเองใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ตื่นเช้าไปทำงานพรุ่งนี้ เอาประโยชน์พี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง“ภูมิธรรม” แซะนักวิจารณ์มีอคติที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าไทยมีนายกฯ 2 คน หลังนายทักษิณได้รับการพักโทษว่า นายกฯมีคนเดียว คนที่พูดแบบนี้ย้อนอดีตมากเกินไป ระบบยุติธรรมในบ้านเราขณะนี้ยังดำรงอยู่ และพยายามปรับปรุงในสิ่งที่เป็นปัญหาและอุปสรรค แต่ควรมองให้กว้างอย่าไปติดอยู่ที่กรณีใดกรณีหนึ่งไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาที่ยังติดหล่มอยู่ อยากให้พิจารณากันให้ถ่องแท้ว่าเรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องจริง หรือเกิดจากอคติ หรือความรู้สึกบางส่วน ส่วนที่หลายคนระบุว่าจะเข้าไปกราบนายทักษิณเป็นธรรมดาของคนที่มีความรักความผูกพันกันก็อยากไปเยี่ยมเยียน เพราะนายทักษิณจากบ้านไป 17 ปีแล้ว อายุมากแล้วก็อยากกลับมาเยี่ยมครอบครัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ ถ้ามีโอกาสก็อยากไปเยี่ยม เพราะรักและเคารพนายทักษิณทำงานด้วยกันมานานคงต้องปล่อยให้เป็นเวลาของท่านและครอบครัว ฟุ้ง พท.เข้มแข็งไม่ต้องพึ่ง “นายใหญ่”ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายทักษิณออกมาทำให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว บนฐานที่ทำงานเพื่อดูแลเอาใจใส่ประชาชน เราทำงานแข่งกับตัวเองความเข้มแข็งพรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่กับใคร นอกจากใครที่กังวลไม่สบายใจจากความเติบโตและเข้มแข็งของรัฐบาลก็อาจจะกังวลหรือคับข้องหมองใจไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาฉุนสวนกลับคนกังขาไม่ป่วยจริงผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตจากสังคมว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง นายภูมิธรรม ย้อนถามว่า “ไม่ป่วยจริงได้ไงที่ใส่เฝือกเพราะเส้นเอ็นไหล่ขาด ผมก็เคยมีประสบการณ์ตรงนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ คนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตอยู่มานาน จะมีเส้นเอ็นที่ขาด อย่างของผมขาดยุ่ยไปหมดแล้ว ต้องผ่าตัด ต้องรักษาตัว ใส่ปลอกแขนห้อยอยู่ 6-7 เดือน คนเจ็บป่วยให้กำลังใจเขาบ้างเหอะ อย่าไปมองว่าเขาจะสร้างภาพ” เมื่อถามว่าประชาชนจะได้เห็นนายทักษิณเข้ามาช่วยงานรัฐบาลในส่วนใดบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า นายทักษิณตัดสินใจชัดเจนแล้วว่าจะมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว แต่หากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ จะให้ความเห็นหรือเสนอแนะไป อยู่ที่ใครจะรับฟังหรือเอาไปเป็นประโยชน์ได้ ในฐานะที่นายทักษิณเป็นคนมีประสบการณ์ อย่างน้อยสังคมไทยก็ยอมรับแล้วว่าในยุคสมัยของนายทักษิณ สามารถแก้วิกฤติประเทศได้หลายเรื่อง อย่าเอาไปผูกกับประเด็นทางการเมืองว่าเข้ามาแล้วจะมาครอบงำ จะมีนายกฯ 2 คน“สุทิน” สงสารนายใหญ่ใส่เฝือกนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณียังคงมีกลุ่มต่อต้านนายทักษิณอยู่ว่า คงมีอยู่บ้าง กลุ่มที่ไม่ชอบก็มีแต่ไม่มาก คนส่วนใหญ่ไม่อยากให้บรรยากาศมีความขัดแย้ง คงไม่มีแนวร่วมขยายตัว คนเหนื่อยกับเศรษฐกิจ อยากให้แก้ไขเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะค่อยๆสงบลง การกลับมาครั้งนี้น่าจะมีผลในเชิงความเป็นผู้นำทางจิตวิทยา ความเป็นที่ปรึกษาให้แนวทางที่ดีกับพรรค พท. จากที่เห็นภาพนายทักษิณใส่เฝือกที่คอและแขน รู้สึกสงสาร ที่ผ่านมามีแต่คนเห็นภาพองอาจแข็งแรงการกลับมาได้ในวันนี้ไม่ง่ายเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน เมื่อถามว่ามีคนสังสัยว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง นายสุทินตอบว่า โดยพื้นฐานมันทำให้เชื่ออย่างนั้น แต่เราก็ต้องเชื่อแพทย์เชื่อกรมราชทัณฑ์ เพราะแพทย์และราชทัณฑ์คงไม่เสี่ยง “กระดูกหักนี่ ผมเห็นหักจริงนะ ไปทำล้อเล่น ไปทำเป็นสร้างภาพไม่ได้ ตัวท่านก็มีโรคอยู่ ผมเชื่อว่าป่วยจริง” “ท็อป” โต้ไม่มีใครเป็นวันแมนโชว์ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์เมื่อนายทักษิณได้รับการพักโทษ ทำให้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นดาวอับแสงว่าการทำงานของรัฐบาลตลอด 5-6 เดือนที่ผ่านมา เดินหน้าไปมากพอสมควร ศักยภาพการทำงานของรัฐบาลคงไม่ขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงคนเดียวไม่ว่าจะอยู่โรงพยาบาลอยู่ที่บ้าน หรืออยู่ที่ใดศักยภาพการทำงานของรัฐบาลขึ้นอยู่กับตัวนายกฯและคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คนมากกว่าที่บอกว่าไทยมีนายกฯ 2 คน หากจะบอกว่ามี 3 คน 4 คน หรือ 5 คน ก็ไม่แปลก บางครั้งนายกฯต้องมีทีมที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษา ยังเห็นว่ามีนายกฯคนเดียวอยู่สว.ลากตั้งยกเคสป่วยขั้นวิกฤติที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวว่า วันนี้นายทักษิณแค่อยู่ระหว่างพักโทษ ยังไม่พ้นโทษ เหลืออีก 6 เดือน ยังเป็นนักโทษเด็ดขาด ต้องปฏิบัติตามระเบียบเคร่งครัด สิ่งที่ครอบครัวบอกนายทักษิณจะทำอะไรต่างๆ ขอพึงพิจารณาให้รอบคอบ ไม่ให้ถูกยกเลิกพักโทษ โดยเฉพาะประเด็นที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้น ขอให้ทุกฝ่ายเดินหน้าตรวจสอบและตั้งสติให้ดี ให้ใช้กระบวนการทางกฎหมาย เช่น คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะฝ่ายกำกับดูแลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ อีกส่วนที่ต้องรับผิดชอบคือโรงพยาบาลตำรวจ ใครบิดเบือนแก้ไขหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ แถลงว่าเจ็บป่วยต่อเนื่องร้ายแรง ถือว่ามีความผิด คำว่าวิกฤติร้ายแรงสำหรับผู้ป่วยนั้น ต้องเป็นโรคเอดส์ขั้นสุดท้าย มะเร็งขั้น 4 ไตวายเรื้อรัง แต่กรณีนายทักษิณเท่าที่ สว.ตรวจสอบ มีใบรับรองแพทย์จากสิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระบุมีโรคความดันสูง กระดูกเสื่อม เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคปอดแซะ ยธ.ศรีธนญชัยกฎหมายนายสมชายกล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค และ กมธ.สาธารณสุข วุฒิสภา เชิญตัวแทนโรงพยาบาลตำรวจและกรมราชทัณฑ์มาให้ข้อมูล ก็ไม่ได้รับคำตอบ ทำให้ กมธ.ทั้ง 2 คณะ สรุปว่าไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ภาพที่ใส่เฝือกอ่อนสังคมตั้งคำถามเอง ไม่ขอวิจารณ์ นายทักษิณอาจป่วยก็ได้ แต่คำแถลงกรมราชทัณฑ์กับโรงพยาบาลตำรวจไม่ชัดเจน ตอนนี้สังคมมีการเคลื่อนไหวต่อต้าน เพราะมีความรู้สึกว่าไม่ได้เข้ากระบวนการ แต่กระทรวงยุติธรรมยืนยันว่าเข้ากระบวนการแล้ว อาจเรียกได้ว่าเป็นศรีธนญชัยทางกฎหมาย “ผมไม่ได้แช่ง แต่ถ้าป่วยร้ายแรง เชื่อว่าสังคมไทยเป็นสังคมพุทธโอบอ้อมอารี ถ้าตัวท่านใกล้จะเสียชีวิตหรืออันตรายอย่างยิ่งคนไทยไม่ใจไม้ไส้ระกำ เพียงแต่วันนี้ไม่ได้รับคำยืนยัน วันนี้ยังไม่สายถ้าคุณทักษิณ ญาติพี่น้อง หรือแพทย์ใหญ่แถลงตรงไปตรงมาทุกคนก็จบ” ถากถาง “เศรษฐา” ดาวไร้แสงนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวว่า เหนื่อยใจกรณีนายทักษิณ เคยบอกแล้วนายทักษิณเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก การทำดี ทำชั่ว คนอื่นไม่รู้แต่ใจตัวเองรู้ คือการตกนรกทั้งเป็น ต้องได้รับกรรมตรงนี้อยู่แล้ว ถ้าจิตใจเป็นธรรมและเป็นกลางจริง ดูก็รู้ว่าไม่ได้ป่วยจริง รมว.ยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ต้องถูกตรวจสอบถึงที่สุด เพราะการทำผิดที่ศาลตัดสินแล้ว แต่ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว จะเป็นธรรมกับนักโทษในเรือนจำกว่า 200,000 คนหรือไม่ ถ้านายทักษิณยังทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ก็น่าเป็นห่วงบ้านเมืองว่าความขัดแย้ง ความรุนแรงจะมากมายแค่ไหน นองเลือดหรือไม่ แต่การกระทบกระทั่งกันเริ่มแล้ว นายทักษิณเป็นตัวปัญหาสร้างความแตกแยก ส่วนการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของ สว.ในวันที่ 25 มี.ค.นั้น จะนำกรณีนี้ไปอภิปรายแน่นอน มองว่าประเทศไทยมีนายกฯมากกว่า 2 คน ยังมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกคน เป็นเรื่องมหัศจรรย์ ไม่ได้ให้ราคานายเศรษฐา เพราะมาแบบส้มหล่นถูกหวย ยิ่งนายทักษิณมาอยู่ตรงนี้ นายเศรษฐาจะกลายเป็นดาวไร้แสงพท.ตั้งท่ารอเข้าคารวะอดีตนายกฯนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตการได้รับพักโทษของทนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมว่า กระทรวงยุติธรรมแถลงว่า ดำเนินการตามมาตรฐานเดียวกันเรื่องการพักโทษนักโทษกว่า 900 คน ไม่มีการช่วยเหลือหรือ 2 มาตรฐาน ไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้สังคมบิดเบี้ยว นายทักษิณปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางหรือต่างจากมาตรฐาน ไม่ใช่การทำให้สังคมมองว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เมื่อถามว่าสมาชิกพรรค พท.จะเข้าเยี่ยมนายทักษิณหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า แน่นอนว่าเราอยากไป ตอนนี้ยังป่วยอยู่ ให้ดูแลสุขภาพอยู่กับครอบครัวไปก่อน สส. สมาชิกพรรคจะไปหาใครถือเป็นสิทธิเสรีภาพทั่วไปไม่ได้ห้าม เพียงแต่ที่ผ่านมามีการโจมตีว่าไปครอบงำ ทั้งที่นายทักษิณไม่ได้เป็นรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาล หรือนายกฯ เมื่อถามว่าแต่นายทักษิณเป็นศูนย์รวมจิตใจของรัฐบาลใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์อึกอักก่อนตอบว่า ท่านมีประสบการณ์ เคยเป็นผู้นำประเทศ แน่นอนคนยอมรับความรู้ความสามารถในอดีต โวพักโทษ “ทักษิณ” เพิ่มเครดิต ปท.นายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกฯกล่าวว่า เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ดีใจ เพราะคนส่วนใหญ่เคยได้สัมผัสกับความสุขในสมัยที่รัฐบาลของนายทักษิณบริหารประเทศ คนไทยมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ปากท้องอิ่ม ลูกหลานได้ไปเรียนต่างประเทศ ไม่มีหนี้สิน ปราศจากยาเสพติด เมื่อนายทักษิณได้รับการพักโทษ แม้จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลที่มาจากพรรคไทยรักไทยที่นายทักษิณวางรากฐานไว้และจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นของประเทศในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว การส่งออก การค้าการขาย จะทำให้ประเทศฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิมอีกในไม่นานที่สำคัญการพักโทษครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นของการปรองดอง ความขัดแย้งที่เคยมีมาจะหายไป เกิดสามัคคีทุกกลุ่มทุกสีเสื้อเลิกขัดแย้งร่วมมือกันแก้ปัญหาประเทศ วันที่ 25 ก.พ.เวลา 17.00 น. แกนนำเสื้อแดงฝ่ายประชาธิปไตย โดยเฉพาะนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกฯ และตน จะจัดงานเลี้ยง ที่อิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง เพื่อขอบคุณพี่น้องคนเสื้อแดงที่ยังมีอุดมการณ์ส่งกำลังใจไปให้นายทักษิณ เพื่อให้ท่านนายกฯทักษิณ แข็งแรงเร็ววันนายกฯลุยยกระดับบ้านพักทหารเมื่อเวลา 08.45 น.ที่ จ.อุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมกรมทหารราบที่ 13 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม อ.เมืองอุดรธานี นายกฯได้สอบถามถึงอายุอาคาร ที่อยู่อาศัยของกำลังพล ที่ส่วนใหญ่เป็นอาคารไม้เก่าอาจต้องก่อสร้างใหม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มาเยี่ยม ตั้งใจที่จะช่วยปรับปรุงสวัสดิการคุณภาพชีวิตของทหารให้ดีขึ้นอย่างเท่าเทียม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ บ้านพักหลายจุดก่อสร้างตั้งแต่ปี 2495 สภาพเก่าชำรุดทรุดโทรมมาก ไม่เพียงพอ หากกองทัพมีพื้นที่ควรก่อสร้างเป็นลักษณะแฟลตชั้นเดียว หรือ 2 ชั้น มากกว่าตึกสูง รัฐบาลตั้งใจจะทดลองปรับปรุงที่พักอาศัยใหม่ ให้สอดคล้องกับชีวิตความเป็นอยู่ปัจจุบันมากขึ้น จะทดลองในค่ายทหารต่างจังหวัดที่มีพื้นที่เยอะๆก่อนดึง รพ.ทหารร่วมรักษา ปชช.ทุกที่จากนั้นไปติดตามการบริหารจัดการและการให้บริการรักษาของ รพ.ประจักษ์ศิลปาคม นายกฯกล่าวว่า รพ.ทหารในค่ายทหาร สามารถพัฒนาให้รองรับกับนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ในโครงการ 30 บาทได้ ถือเป็นโมเดลนำร่อง ส่วนกรณีบุคลากรทางการแพทย์สังกัดกระทรวงกลาโหม ลาออกกันเยอะเพราะไม่มีโอกาสเติบโต และอัตราเงินเดือนน้อยกว่าผู้ที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ยังสงสัยว่าทำไมถึงมีข้อแตกต่างแบบนี้ และไม่ควรลดกำลังพลในส่วนของแพทย์ พยาบาล และเทคนิคการแพทย์ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะทาง ทั้งหมดตั้งใจจะช่วยแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด ด้าน ผบ.ทบ.กล่าวว่า รพ.ทหารสามารถเข้าร่วมโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้มอบสัญญาเช่าที่ดิน ทบ.ทำกินต่อมาเวลา 10.00 น. นายเศรษฐาเดินทางไปที่ว่าการ อ.หนองวัวซอ ทำพิธีปักหมุดมอบสัญญาที่ราชพัสดุในความดูแลของกองทัพบก ให้กับผู้เช่าที่ราชพัสดุ ตามโครงการ “หนองวัวซอโมเดล” ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลจำนวน 434 ราย โดยมีผู้เช่ามารับมอบสัญญาเช่าฯ 299 ราย นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับที่ทำกินของประชาชนทุกคน กองทัพมีที่ดินอยู่ในการดูแลจำนวนมาก จึงพิจารณานำมาใช้ประโยชน์ให้กับประชาชน เวลา 4-5 เดือนนี้ กองทัพกับกระทรวงการคลังทำงานได้รวดเร็วมาก เปิดพื้นที่กว่า 9,000 ไร่ มีประชาชนได้รับประโยชน์ 500 ครอบครัว ยืนยันว่ารัฐบาลและกองทัพ เข้าใจปัญหาประชาชนจะขับเคลื่อนไปด้วยกันต่อไปหนุนแผนยกระดับโรงพยาบาลช่วงบ่าย นายเศรษฐาและคณะ เดินทางไปยังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากุมภวาปี ต.เวียงคำ อ.กุมภวาปี เพื่อประชุมหารือแผนพัฒนา จ.อุดรธานี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกฯกล่าวว่า แนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทะเลวัวแดงและการกำจัดวัชพืช ขอให้บูรณาการทำต่อเนื่อง ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการเตรียมการจัดงานพืชสวนโลก ขอบคุณคณะกรรมการและทุกหน่วยงาน ที่สามารถดำเนินการให้อยู่ในงบฯที่วางแผนไว้ และให้กระทรวงคมนาคมช่วยวางแผนทำให้การเดินทางสะดวกสบาย เชื่อมโยงกับสถานที่จัดงาน ส่วนเรื่องพัฒนาโรงพยาบาลอุดรธานี เพื่อลดความแออัด รัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน การพัฒนาโรงพยาบาล นอกจากต้องเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ต่างๆแล้ว ต้องเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความพร้อมและเพียงพอ เรื่องการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เป็นปัญหาใหญ่ตามโครงการเหมืองแร่โพแทชจุดสุดท้าย นายกฯเดินทางไปดูโครงการเหมืองแร่โพแทช ต.หนองไผ่ อ.เมืองอุดรธานี ตรวจติดตามสภาพพื้นที่ก่อสร้างเหมืองใต้ดิน และจุดเจาะอุโมงค์ รับฟังแผนดำเนินงานและรับชมสภาพพื้นที่ก่อสร้าง มาตรการป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม โดยนายกฯสอบถามถึงแหล่งเงินทุน พร้อมกำชับให้ตัวโครงการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามดูแลให้เป็นไปตามขั้นตอนที่ชี้แจงไว้ จากนั้นไปพบปะกลุ่มประชาชนผู้คัดค้านเหมืองโพแทช รับฟังความกังวลใจ รวมถึงข้อเสนอแนะให้กลับไปทบทวนตัวโครงการ ให้ศึกษาจากเหมืองด่านขุนทดก่อน พร้อมรับเรื่องไว้พิจารณา เพื่อกลับไปพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะเดินทางกลับ กทม.สว.ตีตกชื่อ “บิ๊กจ้าว” วืดนั่ง ป.ป.ช.อีกเรื่องที่รัฐสภามีการประชุมวุฒิสภา มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามที่คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช.เสนอ หลังที่ประชุมใช้เวลาถกเถียงปัญหา พล.ต.ท.ธิติขาดคุณสมบัติ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 9 วรรค 2 ระบุว่า ต้องรับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดี หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่ สว.หลายคนเห็นว่า ผบช.น.ไม่เทียบเท่าอธิบดี แม้จะมี สว.บางคนอ้าง พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าอธิบดี และระเบียบ ก.ตร.แล้วก็ตาม แต่ สว.หลายคนชี้ว่า พ.ร.บ.และระเบียบ ก.ตร. บังคับใช้แค่หน่วยงานตำรวจหรือทหาร ไม่ครอบคลุมองค์กรอิสระ จากนั้นที่ประชุมลงมติไม่เห็นชอบ 88 ต่อ 80 เสียง ไม่ออกเสียง 30 ถือว่าเสียงเห็นชอบน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ สว.ที่มีอยู่ หรือ 125 เสียง ถือว่าวุฒิสภาไม่เห็นชอบอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่