ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตามที่ลั่นคำไว้เฉียบขาด“นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แววแผ่ว ลุยงานทั้งต่างแดน ต่างจังหวัด เป็นได้ทุกอย่างทั้งพ่อค้า นักธุรกิจ เซลส์แมนประเทศไทยบนหมุดหมาย สมการโคตรชัด แก้วิกฤติเศรษฐกิจ พลิกฟื้นชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนแต่กว่า 100 วันที่ผ่านมา การทำงานในฐานะนายกฯยังหนักไปทางสะสางปัญหาค้างท่อ หรือแก้ไขเหตุฉุกเฉินเฉพาะหน้าเพราะหลายอย่างจำเป็นต้องแก้ไขก่อน ถึงจะต่อยอดเริ่มของใหม่ได้โครงการล้างหนี้นอกระบบให้คนไทย คือโมเดลที่เห็นภาพชัดเจนแม้เป็นโจทย์ยากแต่รัฐบาลจำเป็นต้องออกหน้าเล่นเอง ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ รับหน้าที่ตัวกลางเจรจาประนอมหนี้ ระหว่างประชาชนกับเจ้าหนี้นอกระบบ บรรดามาเฟีย แก๊งปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหดทั้งหลายก่อนที่จะเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ให้คนไทยไปจับจ่ายสิ่งของอุปโภคกระตุ้นให้เงินหมุนปั่นจากฐานล่างแล้วลอยขึ้นบนตามแผน “พายุหมุนเศรษฐกิจพลิกเปลี่ยนประเทศไทย”ถ้าไม่สางปัญหาหนี้นอกระบบก่อน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ก็ไร้ค่า ไม่ต่างจากเทน้ำลงทะเลทรายหายวับเพราะเติมเงินลงไปก็หมุนไปอยู่แค่ในมือเจ้าหนี้ ไหลเข้าสู่ตลาดมืดเสียของ นโยบายพัง แถมภัยร้ายจะมาถึงตัวนายกฯและคนในรัฐบาล รู้ดีว่าฝ่ายสแกนจับผิดจ้องตาเขม็งอยู่แล้ว รอแค่พลาดเมื่อไหร่เท่านั้นดังนั้น “นายกฯนิด” และรัฐบาลเพื่อไทย จึงยังไม่ได้ปล่อยของโชว์ทีเด็ดของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะปัจจัยยังไม่เอื้อ โดยเฉพาะเรื่องเงินขาดมือ งบประมาณก็ล่าช้า เงินกู้ก็ยังไม่รู้จะผ่านไหมรัฐบาลเพื่อไทยเจ้าพ่อนโยบายประชานิยม ใช้เงินต่อเงิน เลยเครื่องรวน ติดๆขัดๆ ไม่ไหลลื่น ต้องพิถีพิถันทำร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ลุ้นให้ผ่านด่านได้เงินมาต่อยอดนโยบายแนวทางการบริหารของพรรคเพื่อไทยไม่รู้ใครจะมองดีหรือร้าย แต่มันถูกตีตราในแง่การใช้เงินมือเติบ ถูกจับจ้องจากหน่วยตรวจสอบ เกสตาโป ว่ามุ่งใช้เงินขับเคลื่อนจนสุรุ่ยสุร่าย จับประเทศเป็นตัวประกันบรรดานักวิชาการเศรษฐศาสตร์ มักออกมาโชว์ภูมิหลักทฤษฎี คำนวณวิธีการ ผลลัพธ์นโยบายแล้ว ฟันธงกันฉับๆ ว่าได้ไม่คุ้มเสีย หยิบยกตัวเลขจีดีพี หนี้ครัวเรือนมาชี้วัดตัดเกรดกันอยู่เรื่อยไปแม้บรรดาแกนนำเพื่อไทยจะโต้แย้ง ย้ำถึงสิ่งที่ได้มาบางอย่างไม่สามารถบันทึกไว้ในบัญชีประเทศไทย ไม่มีช่องใส่ไว้ในตัวเลขจีดีพี โดยเฉพาะผลบวกด้านดีกับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนแต่หลายครั้งมักถูกเมิน แถมคนทำนโยบายยังถูกจับไปไต่สวน ฐานทำเงินหล่นหาย ประเทศขาดทุนภาพจำซ้ำซาก เหมือนเป็นโรคที่แก้ไม่หาย พรรคเพื่อไทยอ่อนแอเป็นภูมิแพ้อำนาจการเมือง โดยเฉพาะเครือข่ายลากตั้งต่อท่ออำนาจกันมา แต่ถ้าเลือกตั้งเมื่อไหร่ชนะทุกที เพิ่งจะมาแพ้หนล่าสุดนี่เองแต่นั่นก็เป็นการปราชัยต่อพรรคก้าวไกล เครือข่ายฝ่ายเดียวกันแต่ขึ้นชื่อว่าการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไปหลอกว่าแมวออกลูกเป็นลิง ยังเนียนทำหน้าเชื่อจริงจังตอนนี้มารวมกันสารพัดสีทั้งที่ตีกันมาแทบตาย กลายเป็นรัฐบาลสมานฉันท์เฉพาะกิจ“นายกฯนิด” กล้าเชื่อว่ารักกันดี ไม่มีอะไรคาใจแล้วจริงหรือเรื่องการเมือง “นายกฯนิด” ยังถือเป็นน้องใหม่ เขี้ยวยังไม่ยาวลากพื้นเหมือนบรรดาหัวหน้า แกนนำพรรคการเมือง ที่มานั่งเป็น ครม.อยู่ด้วยกันคราวก่อนยังหลุดเองในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ชงมุกตบหวังเอาฮา แต่สุดท้ายต้องมาตามแก้ข่าวพัลวัน ภูมิธรรม เวชยชัยเรื่องการเมืองต้องรู้เท่าทัน แต่ไม่จำเป็นต้องเอามาใช้ เป็นตัวของตัวเองดีอยู่แล้ว ดังที่ “รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย แนะนำเอาไว้ นั่นใช่ที่สุด6-7 ธ.ค.สัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่เขาใหญ่ โคราช นายกฯเลยไม่พลาดไปร่วม แว่วว่าหลังจากนี้ไม่ว่าวงเล็ก วงใหญ่ที่ไหนนายกฯคงไปถี่ๆ เพื่อเพิ่มสกิลรับรู้วิชา ศาสตร์พิสดารการเมืองไม่ว่าจะชอบเกมการเมืองหรือไม่ แต่เมื่ออยู่บนตำแหน่งนายกฯ เป็นผู้นำรัฐบาลที่เต็มไปด้วยพรรคร่วมรัฐบาลแกงโฮะ รู้หน้าไม่รู้ใจ ใครมิตรหรือศัตรู จะเฮฮาหรือบ้าคลั่งกันตอนไหนแน่ไม่รู้เขาไม่รู้เรา คือความอันตราย “นายกฯนิด” จึงมีการบ้านวิเคราะห์การเมืองเพิ่มจะทำงานแบบใสซื่อ สบายใจ ทำปืนลั่นใส่ในวง ครม.เหมือนในพรรคไม่ได้เพราะคงไม่ใช่แค่เพลี่ยงพล้ำเสียเหลี่ยมการเมือง แต่อาจเสี่ยงภัยร้ายลามถึงตัว.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม