ไม่ขอเถียงกับใครว่าวิกฤติไม่วิกฤติ จำเป็นไม่จำเป็น แต่ผมมองเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น มองเห็นว่าเป็นเรื่องวิกฤติก็แค่นั้น และประชาชนจะเป็นคนตัดสินเสียงเข้มๆ ขึงขังของ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ยืนยันรัฐบาลเดินหน้าแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ประชาชน เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซึมยาวมานานนับ 10 ปีโดยปรับแก้รายละเอียดนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่แถลงไปล่าสุด ผู้มีสิทธิได้รับเงิน ต้องมีเพดานเงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท และมีเงินเก็บไม่เกิน 500,000 บาทประเด็นนี้ไม่มีใครติดใจเท่าไหร่ เพราะคนรายได้เกินเกณฑ์นี้คงไม่จำเป็นต้องรับเงินหมื่นตัดข้อครหา ปัญหากฎหมาย แจกทำไมคนรวยเงื่อนไขใหม่ที่ออกจากปาก “นายกฯนิด” ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านที่เฝ้ารอเงินรัฐบาลผิดหวัง เสียกำลังใจ เพราะทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่ความกังวลใจมันไปอยู่ที่ว่า สุดท้ายแล้วจะได้เงินหรือเปล่าตลอดเส้นทางของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เต็มไปด้วยขวากหนามแรงเสียดทาน เสียงติติงฝ่ายค้าน สว. นักวิชาการ องค์กรอิสระ ดาหน้ากันออกมาด้อยค่าโครงการประชานิยมสุดโต่งแต่รัฐบาลเพื่อไทยไม่มีทางเลือก ไร้ทางถอย เดินหน้าฝ่ากระแสมาจนถึงตอนนี้ และพยายามทำนโยบายเต็มสูบตามเดิม ไม่ลดทอน ตัดงบประมาณตามเสียงข่มขู่ ทักท้วงถึงยังไงเรื่องนี้ก็น่าชื่นชม พูดจริงทำจริง ไม่หาเสียงขายฝันลมๆแล้งๆแต่สิ่งที่พูดไม่ชัด ตอบไม่เคยเคลียร์ เป็นข้อสงสัยเรื่อยมาคือ จะเอาเงินจากไหนมาแจก สุดท้ายก็เฉลยว่าต้องกู้ตามคาด ด้วยการออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท“เดอะต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ค้านอย่างมีวุฒิภาวะ บอกไม่ได้ขัดขวางนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต แต่วิจารณ์ด้วยความเป็นห่วงจะไม่สำเร็จ ไม่ตอบโจทย์เป้าหมายในทางนโยบายได้จริงโดยเฉพาะการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท รัฐบาลอาจสะดุดขาตัวเอง ดิจิทัลวอลเล็ตอาจถูกล้มโดยขั้นตอนของกฤษฎีกาเลยด้วยซ้ำ หากรัฐบาลจะผลักดันนโยบายต่อ ต้องคิดแผนสำรองไว้ชัดเจน น่าสนใจ ตรงกับความห่วงใยของใครหลายคนว่า ดิจิทัลวอลเล็ตอาจ “แท้งก่อนคลอด” ชัยธวัช ตุลาธนดูไทม์ไลน์แล้วต้องฝ่าด่านอรหันต์อีกมากมายเสี่ยงตายทั้งกลมอันดับแรกเลยคือ คณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาล ถ้ามีความเห็นออกมาในเชิงทัดทานไม่เห็นด้วย ก็เหมือนจิ้งจกร้องทักตั้งแต่ก้าวขาออกจากบ้านแม้รัฐบาลจะขอข้ามไปฟังไว้แต่ไม่ทำตามก็ได้ แต่จะเป็นเหตุผลที่ถูกหยิบมาใช้ทิ่มแทง ขวางทางด่านต่อไปคือเวทีสภา ลำพังเสียงข้างมากของรัฐบาลกว่า 300 เสียง ไม่ยากอะไรที่จะยกมือให้ผ่านกันไปง่ายๆแต่อย่าไว้ใจเกมการเมือง ที่มักมีปัจจัยแทรกซ้อนทำให้เกิดอุบัติเหตุอยู่เสมอดังนั้นต้องผนึกกำลังจับมือพรรคร่วมรัฐบาลให้แน่นป้องกันปัญหาคว่ำ พ.ร.บ.กู้เงิน หักหน้าหักหลังกัน เพราะนั่นหมายความถึงความวอดวาย กฎหมายการเงินไม่ผ่านสภา นายกฯต้องรับผิดชอบ ด้วยการลาออก หรือไม่ก็ยุบสภาถามว่าถ้าเลือกตั้งกันวันนี้ พรุ่งนี้พร้อมไหม คำตอบคงเหมือนกันคือ ไม่พร้อม ด้อมส้มยังหนาแน่นหรือเอาแค่สลายตัวมาจับขั้วรัฐบาลกันใหม่ ก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นผู้ถูกเลือกอีกครั้งหรือเปล่าดังนั้นน่าจะผ่านไปด่านต่อไป สว.ของแสลงเพื่อไทย ค้านตะบันฟาดฟันกันเรื่อยมา ถ้าไม่ผ่านสภาสูงจริงๆ ก็ต้องประชุมร่วมวัดพลังกันทั้ง 2 สภา สุดท้ายแม้ผ่านได้ก็คงทุลักทุเล ต้องวิ่งล็อบบี้กันลิ้นห้อยแต่ด่านหินที่มีโอกาสโดนน็อก จับแพ้ฟาวล์ แฟนคลับกองเชียร์หวาดหวั่นที่สุด นั่นคือองค์กรอิสระศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดดิจิทัลวอลเล็ตและ พ.ร.บ.กู้เงินของรัฐบาล จะได้ไปต่อหรือไม่ โดยมี ป.ป.ช. เป็นหน่วยชี้เป้าล่วงหน้า และปฏิบัติการเชิงรุกไปแล้วภาพจำในอดีตลอยมาทันที พ.ร.ก.กู้เงิน 2 แสนล้าน สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญปัดตกไม่เห็นด้วยกับเหตุผลจำเป็นเร่งด่วนตามที่อ้างมาครั้งนี้เหตุผลก็คล้ายกัน และยิ่งรัฐบาลออกเป็น พ.ร.บ. ไม่ใช่ พ.ร.ก. เพื่อความปลอดภัย แต่มันทำให้น้ำหนักความเร่งด่วนหายไปเยอะเหมือนกันความจำเป็น วิกฤติเศรษฐกิจ ตามความเห็นของ “นายกฯนิด” คือสิ่งที่น่าใคร่ครวญพิจารณาวันนี้ยังคงเป็นมุมมองที่เห็นต่าง แต่ผู้นำเชื่อเช่นนั้นจริงๆ.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม